จริง ๆ เราเคยดูหนังของแกเรื่องเดียวคือ BlacKkKlansman (2018) เป็นหนังที่พูดถึงประเด็นของคนดำได้อย่างรุนแรงมาก ๆ อีกเรื่อง หากหยิบมาดูในยุคนี้ชวนสะเทือนไม่น้อยเลย เพราะมันมีเนื้อหาเกี่ยวกับตำรวจและคนผิวดำ ซึ่งก็เข้ากับสถานการณ์ยุคนี้อย่างดี สำหรับเรื่องนี้ ดูรวม ๆ อาจจะเป็นหนังที่เกี่ยวกับสงครามเวียดนาม แต่ใจความหลักก็ยังพูดถึงเรื่องคนผิวดำอยู่เช่นกันที่ออกมารุนแรงไม่แพ้เรื่องก่อนหน้านี้เลยหนังว่าด้วยเรื่องราวของอดีตทหารกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปเวียดนามเพื่อตามหาศพของเพื่อนและทองที่พวกเขาพบเจอในช่วงสงครามเวียดนามที่พวกเขาฝังมันเอาไว้ แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับทั้งศัตรูและอดีตซึ่งเป็นบาดแผลในใจช่วงสงครามที่ยังคงฝังใจพวกเขาอยู่หนังเปิดมาก็ปูประเด็นของสงครามเวียดนาม คนผิวดำ และอเมริกา ซึ่งเป็นหนังที่ยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ยังไงก็เป็นการดูที่ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เล่าเรื่องได้ดี ลื่นไหลและเพลิดเพลินไปอย่างมาก (หากจะคาดหวังให้เป็นหนังแอ็คชั่นก็อาจจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะเป็นหนังดราม่าปนการเมือง ผสมกับความระทึกขวัญมากกว่า)จริงๆเราจะพบว่าพล็อตก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก (คิดกันเร็ว ๆ ก็เป็นพล็อตละครช่อง 7 เนี่ยแหล่ะ ที่ประมาณว่าตามล่าหาทอง) แต่สิ่งที่ดีมาก ๆ ก็เป็นเรื่องราว ตัวละคร และประเด็นที่ทำออกมาได้ดี แม้ว่าอาจจะรู้สึกว่าประเด็นมันเยอะมาก ๆ ทั้งเรื่องคนผิวดำ สงครามเวียดนาม การสำรวจบาดแผลหลังสงครามของแต่ละคน ความสัมพันธ์ต่างของตัวละคร เรื่องราวมิตรภาพที่มีทองเป็นบทพิสูจน์ (และตัวละครก็เยอะด้วย ซึ่งมันต้องเล่ามากกว่าปกติ เลยอาจจะไม่ได้อินไปกับตัวละครใดมากมายนัก) แต่มันก็สามารถเล่าออกมาได้หนักหนาทุกประเด็นของตัวละคร “พอล” ที่ทั้งนักแสดงก็แบกบทนี้ได้อยู่หมัด (ซึ่งเป็นนักแสดงที่โดดเด่นอย่างมาก) และคาแรกเตอร์ของแกก็พาไปจนสุดทาง มองกันตรงก็ถือว่าเป็นตัวละครที่มีปมมากที่สุด กับการที่จะต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่ฝังใจ ผลพวงจากสงครามที่นอกจากเขาจะไม่ได้อะไรจากประเทศ มันก็ยังกลับมาทำร้ายเขาเช่นกัน ที่ทำให้เขาต้องเสียเพื่อนรักไป // มีซีนนึงที่ในหนังพูดถึงว่า ถ้าหากคนอเมริกาไปรบ คนอเมริกาจะได้สิ่งตอบแทน แต่พวกเขากลับไม่ได้อะไรเลยนอกจากบาดแผลจากสงคราม ซึ่งคือแบบรุนแรงมาก ๆเราชอบแคสนี้มาก เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่แสดงได้ดีกันหมด และเข้าขากันด้วย ทำให้เรื่องราวมิตรภาพมันส่งไปสุดทาง และออกมาดี ซึ่งมันก็พูดถึงเรื่องราวมิตรภาพเป็นหลัก กับการที่มีทองที่เป็นเหมือนเครื่องพิสูจน์จิตใจ สายสัมพันธ์มิตรภาพ และนำไปสู่ปมในใจของแต่ละคน และ Chadwick Boseman ที่อาจจะมาน้อยกว่าที่คิด แต่ก็อิมแพคต่อหนังอย่างมากเช่นกันเรื่องของคนผิวดำและสงครามเวียดนามก็น่าจะเป็นประเด็นที่สะเทือนใจพอสมควร ที่หนังมันก็เล่าถึงการส่งคนผิวดำไปรบเป็นแนวหน้า ที่เหมือนกับการส่งพวกเขาไปตาย โดยที่ประเทศก็ไม่ได้แคร์อะไรนัก ซึ่งมันก็ยังมีในเรื่องของผลพวงจากสงคราม การประท้วงทั้งเรื่องสงครามและคนผิวดำ ที่มันก็สะท้อนถึงอดีตและปัจจุบัน// ยิ่งดูในช่วงนี้ก็จะรู้สึกอินเป็นพิเศษ เพราะหนังวิพากษ์วิจารณ์ (อเมริกา) ได้อย่างเจ็บแสบอย่างมาก (ซึ่งประเด็นในโลกปัจจุบันอย่าง Black Lives Matter ก็ส่งหนังให้อิมแพคมากขึ้น) และยื่งกว่าคือ แม้ว่าหนังจะปิดท้ายด้วยความประทับใจประมาณนึง แต่มันก็ยังมีแง่มุมที่น่าเศร้า เพราะสงครามไม่เคยหายไปไหน มันยังคงวนเวียนในรอบตัวเราอยู่ตลอด (ซึ่งปัจจุบัน เราก็อยู่ในสงคราม Black Lives Matter)เราว่าอาจจะไม่ได้เป็นหนังที่เหมาะกับทุกคนนัก แต่หากว่าถามหาหนังที่ดี เรื่องนี้ก็มอบให้ได้อย่างเต็มที่ ที่พูดได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ดีมาก ๆ แห่งปีนี้ โดยสามารถรับชมหนังได้แล้วใน Netflix ครับDa 5 Bloods (2020) Director : Spike LeeScore : 8.5/10 (A)และสามารถติดตามรีวิวภาพยนตร์และซีรีส์อื่นๆตามเพจนี้ครับ : https://www.facebook.com/allinmovieth/ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก IMDB : รูปภาพที่ 1 / รูปภาพที่ 2 / รูปภาพที่ 3 / รูปภาพที่ 4 / รูปภาพที่ 5 / รูปภาพที่ 6