ผลงานนิยายของนักเขียนชั้นครูอย่างอาจารย์วินิตา ดิถียนต์ หรือ ว.วินิจฉัยกุล เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของนักศึกษาไทยที่ไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา การอยู่ไกลบ้านและญาติมิตร พวกเขาจะแก้ปัญหาทั้งการเรียน ชีวิต และหัวใจอย่างไรเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ตัวละครเอกของเรื่องคือ “พู่ไหม” ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร เมื่อเทียบกับพี่สาวทั้งเก่ง สวย และปราดเปรียว เรียกว่าดีกว่าเธอทุกอย่าง ส่วนตัวเธอเองนั้นเป็นด้านตรงกันข้ามคือ เป็นคนอ่อน เรียนกลางๆ ขาดความมั่นใจ ดังนั้นการที่ต้องไปใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองตามลำพัง ก็ทำให้สาวน้อยในวัยต้นเช่นเธอต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมโดดเดี่ยวในต่างแดน เพื่อเติบโตขึ้นในแบบของตนเองเรื่องนี้มีชายหนุ่ม 2 คนให้ผู้อ่านได้ตามลุ้นว่าใครจะเป็นผู้เอาชนะใจสาวน้อยคนนี้ คนแรกชายหนุ่มแสนดีอย่าง "นิก" ผู้ชายที่เข้ามาช่วยเหลือเธอตั้งแต่วันแรกของการเหยียบแผ่นดินอเมริกา เรียกว่าเป็นคนที่ประคองนกปีกออ่นอย่างพู่ไหมให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกา นิกเป็นหนุ่มขี้อาย ทุกอย่างเต็มไปด้วยเหตุผลและหลักการ ต้องมาดูกันว่าความรู้สึกที่นิกเก็บไว้เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงวันนั้นจะสายไปหรือเปล่า"เต้" อีกหนึ่งชายหนุ่มของพู่ไหม เต้เป็นคน เก่ง แข็งๆ ขวางโลก และไร้มนุษยสัมพันธ์ต่อสังคมอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างของเต้ จะไม่มีการทำเพื่อมารยาท เขาทำในสิ่งที่เต็มใจทำเท่านั้น เพราะฉะนั้นความอ่อนโยนที่เขามีต่อพู่ไหมจึงพิเศษแบบที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน แต่พื้นฐานของนิสัยใจคอที่มาจากคนละขั้วก็อาจทำให้เขาทำร้ายหัวใจนางเอกของเราได้เช่นกันคราวนี้คนอ่านก็ต้องมาดูกันว่าพระเอกในชีวิตของพู่ไหม จะเป็นใครระหว่าง ”นิค” กับ “เต้” เลือกกันดีๆนะคะ ลงเรือผิดชีวิตเปลี่ยน เพราะบางทีพระเอกที่เราเลือกกับพระเอกที่พู่ไหมเลือกก็อาจจะเป็นคนละคนกันจริงๆความประทับใจของนิยายเรื่องนี้มีหลายด้าน อย่างแรกก็คงรู้สึกชื่นชมกับภาษาที่สละสลวยของนักเขียนอย่าง ว.วินิจฉัยกุล อีกส่วนหนึ่งก็ทำให้อดคิดตามไม่ได้ว่า ลูกคือกระจกสะท้อนของพ่อแม่ หากพ่อแม่มีความอ่อนโยน เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ ก็จะได้ผลผลิตออกมาเป็นลูกที่พร้อมจะเข้าใจโลกและส่งต่อความอ่อนโยนนี้ให้กับผู้คนรอบตัว แต่หากพ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยความเข้มงวด แข็งกระด้าง ลูกของคุณก็จะกลายเป็นคนที่ถ่ายทอดความรักออกมาไม่เป็นเช่นเดียวกัน ความอ่อนโยนของพ่อแม่ต่างหากที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับหัวใจลูกของขวัญวันวานเป็นนิยายที่ไม่ได้เก่าไปตามวันเวลาเลย นิยายเรื่องนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทย ปัจจุบันนิตยสารเล่มนี้ปิดตัวลงไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับของขวัญจากนิยายเล่มนี้ทุกครั้ง