สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งครับกับรีวิวภาพยนตร์ของเรานะครับ ซึ่งเป็นหนังที่เราจะรีวิวนะครับนั่นก็คือ จอมขมังเวทย์ 2020 นั่นเอง ก่อนที่จะไปฟังรีวิวนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังครับ ต้องขอบอกเลยว่าตัวผมก็มีความสนใจและชื่นชอบของขลัง ไสยศาสตร์อะไรแบบนี้มาก ๆ เหมือนกันนะครับ ไม่ได้ชอบแบบอยากจะสักหรือว่าอะไรนะครับ แต่ชอบฟังเรื่องเล่าเพราะผมคิดนะครับว่าเรื่องของขลังของไทยนะครับ มี Story ที่น่าสนใจ ลึกลับ แล้วก็น่าค้นหามาก ๆ เลยนะครับ จำได้ว่าสมัยตอนที่ผม 7 ขวบนะครับ มีภาพยนตร์สมัยนั้นดังมากครับเรื่องมหาอุตม์ครับ ซึ่งหลังจากได้ดูนะครับ เด็ก 7 ขวบคนนั้นก็กลายเป็นพวกบ้ามนต์ขลังไปเลยล่ะครับ ถึงขั้นที่ว่ามีโอกาสได้ไปร้านหนังสือเก่า ๆ แห่งหนึ่งครับ ได้ของแปลก ๆ มา 1 เล่ม หนังสือเกี่ยวกับมนต์คาถานั่นเองครับ ถ้าจำไม่ผิดเนี่ย หน้าปกจะเขียนว่า คงกระพัน ครับ เล่มสีน้ำตาล ๆ ครับ ในนั้นจะเขียนพวกคาถาคงกระพัน เสกต่อ แตน คาถาพวกนี้โหดไปครับ ตอนเด็ก ๆ ผมไม่กล้าเสกหรอกอะไรแบบนั้น ก็เลยมีคาถานึงที่อยากจะลอง ก็คือคาถาสะเดาะกุญแจนั่นเองครับ ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ มันต้องพิสูจน์ครับผม ฝึกท่องอยู่นานครับ จำจนขึ้นใจ จากนั้นก็ไปเลยครับลองกับกุญแจโซโลที่หน้าบ้าน เพ่งจิต ร่ายมนต์วนอยู่ 3 รอบครับ เป่าลม กุญแจก็ยังล็อคอยู่เหมือนเดิมครับ หลังจากนั้นก็เลิกเลยครับ สงสัยคงจะไม่ใช่ทางผมสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังชอบนะครับแล้วก็ศึกษาเรื่องราวพวกนี้เพื่อความบันเทิงอยู่เสมอครับ ทำให้มีความรู้เรื่องศาสตร์ต่าง ๆ พวกนี้พอสมควรครับ พวกมนต์คาถามหาอุตม์คงกระพัน ว่านกระชายดำ มีดหมอ เหล็กไหล การคัดของ พวกนี้ผมค่อข้างเข้าใจทั้งหมดครับ แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเล่าเรื่องนี้ใช่ไหมล่ะครับ เพราะว่ามันสำคัญกับการรีวิวครั้งนี้นั่นเองครับ จอมขมังเวทย์ 2020 ทิ้งระยะห่างจากภาคแรกนี่นานประมาณถึง 14 ปีครับ เรื่องย่อก็คือชายหนุ่มที่ชื่อว่า วิน นะครับ ชายหนุ่มคนนี้เนี่ยไม่เชื่อเรื่องงมงาย เขาเป็นนักสู้ใต้ดิน มีพ่อเป็นคนมีวิชาและพ่อของเขานะครับก็มีการขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพล จึงถูกฆ่าตายโดยจอมขมังเวทย์อีกคนนึงครับ ซึ่งวินก็เลยอยากจะล้างแค้นให้พ่อของตัวเองครับ จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรนะครับ นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องหันมาพึ่งอวิชาครับ โดยในเรื่องนะครับ จะมีจอมอาคมอีกคนในตำนานครับมาพัวพันด้วย ก็คืออิทธิจากภาคแรกนั่นเองครับ เรื่องราวมันก็จะประมาณนี้ครับ การแก้แค้นเป็นธีมหลักของเรื่อง ด้านบทก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับ แต่ก็เข้ากันดีกับหนังสไตล์แบบนี้ ที่นี้ครับครั้งแรกที่ผมคิดได้หลังจากออกจากโรงก็คือ ทั้งรัก ทั้งเกลียด เลยล่ะครับสำหรับเรื่องนี้ จอมขมังเวทย์ 2020 นะครับ ตัวหนังเปิดมา 10 นาทีแรก ต้องขอบอกเลยว่าขนลุกครับเป็นแบบที่ผมนี่คาดหวังไว้ทุกอย่าง เล่าเรื่องต่าง ๆ ได้กระชับ มีทั้งฉากโหด ดิบ ตามสไตล์ของคนมีของสู้กันครับ แถมบรรยากาศคลาสสิคมาก ๆ เสียด้วย แต่หลังจากนั้นครับตัวหนังก็จะเริ่มไปอีกทางหนึ่ง มีหลายสิ่งมาก ๆ ครับที่ถูกเพิ่มเติมมาจากภาคแรกเยอะ ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือความแฟนตาซีนั่นแหละครับ มีการใช้ CG เยอะมาก ๆ ซึ่งตอนแรกที่ผมแอบเห็นในตัวอย่างเนี่ยก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันครับเพราะดูจะไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ แต่พอได้ดูจริง ๆ เนี่ยก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ดูลอย ๆ แล้วก็หลอกตาพอสมควร ซึ่งก็ต้องขอสารภาพว่าไม่ค่อยชอบส่วนตรงนี้เท่าไหร่ อีกอย่างที่น่าสังเกตนะครับก็คือการตัดต่อครับ ช่วงแรก ๆ ถึงกลางเรื่องนะครับ ผมรู้สึกว่าจะมีการตัดไปตัดมาเยอะมาก ๆ เลยครับ อารมณ์เหมือนเอาฉากมาต่อ ๆ กัน แถมมุมกล้องก็ยังชวนเวียนหัวอีก ส่วนอีกจุดนะครับก็คือการเล่าเรื่อง ซึ่งก็เป็นจุดนี้แหละครับที่เป็นสาเหตุว่าทำไมนะครับ ผมถึงต้องเล่าประสบการณ์ในตอนแรกให้ฟัง ผมไม่มีปัญหาเลยกับการเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ภายในหนัง แถมยังตื่นเต้นกับมันมาก ๆ ด้วยซ้ำครับ รู้เลยว่าทำไมต้องสู้แบบนี้ รู้วิธีการต่อสู้กับพวกมีวิชา แต่ถ้าเกิดว่าลองคิดภาพเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ ผมชื่อว่าก็ไม่งงเท่าไหร่หรอกครับ แต่อาจจะไม่ค่อยอินเพราะตัวหนังแทบจะไม่เล่าเรื่องที่มาของไสยศาสตร์พวกนี้เท่าไหร่เลยครับ มาถึงก็ใส่รัว ๆ แบบไม่มีหยุดพักครับ ไม่ต้องสนเบื้องหลังอะไรทั้งนั้น สักอย่างเดียว แถมของอาถรรพ์ ของศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ นะครับ ในหนังก็ใส่มาเยอะซะด้วยครับ ถ้าเกิดว่าเน้นประวัติของสิ่งของต่าง ๆ นะครับ น่าจะเพิ่มความอินได้ในอีกระดับนึงเลยล่ะครับ แต่ก็อย่างที่บอกครับ มีส่วนที่ไม่ชอบแล้ว มาฟังส่วนที่ชอบกันบ้างดีกว่าครับ เรื่องแรกที่อยากจะพูดเลยก็คือ 3 นักแสดงหลักครับอย่างคุณหมาก ปริญ คุณนก ฉัตรชัย และคุณก๊อต จิรายุ นั่นเองครับ แสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ เลยครับ โดยเฉพาะคุณก๊อตนั่นเอง ดูเข้าถึง character สุด ๆ สีหน้า ท่าทาง แววตานะครับ ดูก็รู้ว่าคนคนนี้เนี่ยทำการบ้านมาเป็นอย่างดีครับ ทุกฉากที่แสดงออกมานะครับ เข้าถึงอารมณ์มากจริง ๆ ครับ แถมในหนังยังเก่งมาก ๆ ด้วยนะครับคนนี้ ส่วนฉากแอ็คชั่นนะครับ เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดุเดือดมาก ๆ เช่นเดียวกัน ดุหมัดต่อหมัดครับ ถึงเนื้อถึงตัว แถมยังประยุกต์พวกอวิชานะครับมาใช้ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ แต่ส่วนตัวนะครับผมไม่ค่อยชอบตอนที่อัญเชิญออกมาเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นพวกวัวธนูก็ตามนะครับ อยากให้เป็นคนสู้กันมากกว่านี้ครับ ถ้าให้เปรียบก็คือ ภาคแรกจะเหมือนนักสู้ที่ใช้วิชาเพิ่มพลังครับแล้วมาสู้กัน แต่ภาคนี้เน้นอลังการเข้าว่าครับ อารมณ์กึ่ง ๆพวกพ่อมดเลย มีเวทมนตร์เยอะ ตัวช่วยเยอะ ดูแฟนตาซีครับ แต่พอมันไม่เนียนตาก็เลยรู้สึกแปลก ๆ ครับ แต่ก็ยังมันส์อยู่นะครับ โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่องนี่ลุ้นกันตัวโก่งเลยทีเดียว สรุปเลยแล้วกันนะครับ ใครที่ชอบความมันส์ ฉากต่อสู้ ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ มากันแบบไม่มีหยุด ความอลังการนะครับมากกว่าภาคแรกแบบเทียบไม่ได้เลยล่ะครับ แต่สำหรับผมนะครับอยากจะให้เพิ่มในส่วนของเนื้อเรื่องมากกว่านี้นิดนึงครับ มันจะเพอร์เฟคมาก ๆ เลยล่ะครับสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะภาคนี้เนี่ยห่างจากภาคแรกเนี่ย 14 ปี แถมยังมีการเชื่อมโยงบางอย่างด้วยนะครับ ใครที่ไม่ได้ดูภาค 1 ไม่ย้อนความทรงจำเนี่ย อาจจะไม่อินนะครับ แล้วก็ลืมไปได้ แล้วก็มีอีกเรื่องครับที่แอบรู้สึกว่า ถ้าลดความอลังการครับแต่เพิ่มความ Dark และหม่นแบบภาคแรก อาจจะชอบมากกว่านี้ครับ แต่นี่เป็นความคิดส่วนตัวมาก ๆ เลยนะครับ สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังเรื่องนี้ แล้วก็ชื่นชอบเรื่องไสยศาสตร์ ผมจะเปรียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ครับ เหมือนเราดูหนังแบบ Avengers ครับ ที่เราแค่เห็นตัวละครที่เราชื่นชอบมาตีกันเนี่ย แค่นี้มันก็มันส์สะใจแล้วใช่ไหมล่ะครับ เรื่องนี้ผมให้ 7 เต็ม 10 คะแนนครับ มันส์จริงแต่ก็ไม่ขลังเท่าเดิมครับ ในฐานะติ่งเรื่องนี้นะครับ ต้องขอบอกว่าทั้งรักแล้วก็ทั้งเกลียดอีกครั้งหนึ่งแล้วกันครับ แต่ถ้าเกิดว่ามีภาคต่อก็จะไปดูเหมือนเดิมครับ ซึ่งก็ขอให้มีด้วยละกันนะครับ ยังไงก็เอาใจช่วยขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube