สิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานสำหรับซีรีส์ Hellbound (ทัณฑ์นรก) อีกหนึ่งออริจินัลคอนเทนต์สัญชาติเกาหลีส่งตรงจาก Netflix ซึ่งก่อนหน้านี้ปล่อยใบปิดและตัวอย่างมายั่วน้ำลายกันไปพอหอมปากหอมคอ คาดเดากันไปต่าง ๆ นานาว่าเนื้อหาจะนำเสนอออกมาแนวไหน เอาเป็นว่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือต่างออกไปจากที่คิดไว้บ้าง ชวนไปสำรวจเรื่องน่าสนใจด้วยกันในรีวิวฉบับนี้(Youtube: Netflix Thailand)หลายครั้งที่มีการหยิบเว็บตูนชื่อดังมาสร้างเป็นซีรีส์ฉบับไลฟ์แอ็กชัน Hellbound จัดเป็นอีกเรื่องในหมวดนี้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้พิเศษมากขึ้นไปกว่านั้นคือ ผู้กำกับยอนซังโฮ เป็นเจ้าของผลงานทั้งสองเวอร์ชั่นและปลุกปั้นพัฒนาบทละครด้วยมือตัวเองร่วมกับเพื่อนสนิทอย่าง นักเขียนชเวคยูซอก จึงเชื่อได้ว่าทุกองค์ประกอบที่ปรากฏในซีรีส์จำนวน 6 ตอนเป็นสิ่งที่เกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของทีมหลังกล้อง ก่อนจะส่งสารมาให้ผู้ชมได้สัมผัสมันอย่างเต็มอรรถรสซีรีส์ออกตัวได้ค่อนข้างดีชนิดยิงโป้งเดียวเข้าใจจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด ด้วยการยกปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นใจกลางกรุงโซล บริเวณร้านกาแฟใกล้กับสถานีฮับซอง เมื่ออสุรกายร่างยักษ์โผล่ออกมาไล่ฆ่าชายคนหนึ่งต่อหน้าสาธารณชน พวกมันเริ่มต้นด้วยการออกหมัดอัดจนร่างเละ แล้วปิดจ๊อบด้วยการฉายลำแสงแผดเผาจนร่างนั้นมอดไหม้เหลือไว้เพียงเถ้าถ่าน จนเหตุการณ์ดังกล่าวโด่งดังเป็นไวรัลไปทั่วเกาหลีจากคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ งานหนักจึงตกเป็นของ จินกยองอุน (รับบทโดย ยังอิกจุน) ตำรวจสายสืบที่ต้องการตามหาเบาะแสเพื่อสืบหาความจริงหลังจากนั้นกระสุนนัดที่สองก็ถูกปล่อยออกมาต่ออย่างไม่รีรอ พาคนดูดำดิ่งไปกับคำตอบที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการอธิบายถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าวว่าเป็น ‘การสาธิตจากเทวทูตนรก’ เพื่อสอนให้ผู้คนเกรงกลัวต่อการทำบาป โดยมีตัวละครสำคัญที่คอยขับเคลื่อนแนวคิดดังกล่าวคือ จองจินซู (รับบทโดย ยูอาอิน) ผู้นำลัทธิสัจธรรมใหม่ที่ใช้ประกาศิตจากพระเจ้าแอบอ้างว่าต้องการสร้างโลกใบใหม่ที่ขาวสะอาด ปลูกฝังให้เหล่าสาวกหมกมุ่นนัวเนียอยู่กับคำว่า ‘คนบาป’ จนแทรกซึมไปถึงรากเหง้าของความเชื่อได้สำเร็จมาถึงตรงนี้อยากขยายความเรื่องการสาธิตที่ว่าให้เข้าใจกันมากขึ้น กล่าวคือวันดีคืนดีจะมีใครบางคนได้พบกับผู้ส่งสารจากพระเจ้าที่ปรากฏให้เห็นเป็นเพียงใบหน้า จากนั้นผู้ส่งสารจะขานชื่อพร้อมบอกวันและเวลาที่คนผู้นั้นจะต้องตาย พอถึงเวลาแก๊งเทวทูตนรกที่แซวกันว่าเหมือนคิงคองก็จะมาตามนัดเพื่อส่งมนุษย์รายนั้นไปลงนรก ซึ่งลัทธิสัจธรรมใหม่ก็หยิบคอนเซปต์นี้มาเล่นกับความหวาดกลัวของผู้คน โดยอ้างว่าผู้ที่ถูกสาธิตล้วนแล้วแต่เป็นคนบาปด้วยกันทั้งสิ้น จากนั้นจึงสั่นคลอนความเชื่อต่อด้วยการเทศนาธรรมในที่สาธารณะจนองค์กรแข็งแกร่งและสามารถรวบรวมสาวกได้เป็นจำนวนมากลัทธิเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการขายความเชื่อ อีกทั้งยังมีแรงหนุนสำคัญเป็นกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มหัวศร ซึ่งตั้งตนเป็นศาลเตี้ยไล่กำจัดคนเห็นต่าง คนที่ไม่ศรัทธาในคำสอนของพระเจ้าและคนที่ประกาศตนเป็นปรปักษ์ต่อลัทธิสัจธรรมใหม่ สิ่งที่น่าเสียดายคือการให้ซีนให้แสงกับแก๊งอันธพาลหัวศรจนเกินพอดี ผู้นำกลุ่มจะแต่งตัวประหลาด ๆ ออกมาถ่ายทอดสดตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ยุยงปลุกปั่นให้สังคมเกิดความแตกแยก แม้ซีรีส์จะพยายามชี้นำประเด็นนี้ให้ยึดโยงไปกับการเมืองในหลายมิติ ส่อให้เห็นความโง่เขลาของคนบางกลุ่มที่หนักเกินเยียวยา ทว่าความน่ารำคาญของสันดานกลุ่มหัวศรนี้กลับโยนความหงุดหงิดจนทำลายพล็อตเรื่องที่ปูมาอย่างแข็งแรงตั้งแต่ต้นครึ่งแรกเป็นการเล่าเส้นทางแห่งจุดเริ่มต้นและการเติบโตของลัทธิสัจธรรมใหม่ไปแบบสโลว์เบิร์น อัดแน่นด้วยคำศัพท์ทางศาสนาและสังคมที่อาจต้องงัดประสบการณ์ส่วนบุคคลเพื่อจะทำความเข้าใจความหมายของมัน ความสุ่มเสี่ยงคือหากใครเข้าไม่ถึงจะกดข้ามหรือเทได้เลยอย่างไม่รีรอ แต่ยังดีที่มีแก๊งคิงคองซีจีอลังการช่วยยื้อเอาไว้ได้ซึ่งเป็นความตื่นตาตื่นใจที่หลายคนรอคอยอยากเห็นกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะฉากไล่ฆ่าชายคนแรกที่ขับเคี่ยวไปด้วยความรุนแรงแบบเต็มสูบ ส่งต่อมายังเหยื่อรายที่สองคือ พัคจองจา ซึ่งนำกระแสโลกสมัยใหม่มาเล่นผ่านการถ่ายทอดสด เป็นซีนที่ตราตรึงด้วยการเร้าอารมณ์ร่วมของคนดูได้อย่างยอดเยี่ยมส่วนครึ่งหลังจะเล่าถึงการล่มสลายของลัทธิสัจธรรมใหม่ เมื่อแนวคิดที่ขายประชาชนถูกสั่นคลอนด้วยเคสของทารกแรกเกิดซึ่งได้รับคำประกาศิตให้ลงนรกภายใน 3 วันหลังจากลืมตาดูโลก เหตุการณ์ดังกล่าวดึงให้ พีดีแบยองแจ (รับบทโดย พัคจองมิน) และ ฮงจียอง (รับบทโดย วอนจินอา) เข้าไปพัวพันกับการเปิดเผยความจริงในฐานะพ่อแม่ของเด็ก เหล่าสาวกเริ่มตั้งคำถามว่าการแรนดอมสาธิตของพระเจ้าใช้หลักเกณฑ์อะไรกันแน่ เพราะเด็กที่เพิ่งออกจากท้องแม่ไม่มีทางทำบาปเช่นเดียวกับอีกหลายคนที่ถูกเลือกมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน จึงนำมาสู่การต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนที่ยังศรัทธาและกลุ่มคนที่ต้องการกระชากหน้ากากลัทธิสกปรกซึ่งนำโดย มินฮเยจิน (รับบทโดย คิมฮยอนจู) อดีตทนายความสาวที่มีเบื้องหลังฝังใจกับกลุ่มลัทธิสัจธรรมใหม่เป็นทุนเดิมช่วงครึ่งหลังเป็นการนำเสนอตามท่ามาตรฐานของซีรีส์เกาหลีที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวดราม่าของครอบครัว ซึ่งต้องบอกว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่กินใจได้ไม่ยากเพราะเป็นแนวถนัดของพี่เกาเขาอยู่แล้ว แม้จะไม่วายเทน้ำหนักไปที่กลุ่มหัวศรให้มีบทบาทมากจนอยากทึ้งหัวจนถึงช่วงสุดท้าย มีคิวบู๊เหยาะแหยะมาให้ตื่นเต้นกันพอประมาณและโยนระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ในตอนจบ เพื่อจะปูทางไปสู่ซีซั่นต่อไปหรือทิ้งไว้ให้เป็นตำนานยังคงต้องลุ้นกันต่อ แต่ยอมรับว่าเป็นตอนจบที่ค่อนข้างอึ้งเพราะออกมาเพียงไม่กี่วินาทีแต่ทำลายทฤษฎีที่เล่ามาตลอดทั้งเรื่องจนหมดสิ้นโดยส่วนตัวหากพูดถึงหนังหรือซีรีส์แนวลัทธิแล้ว คงต้องสารภาพตามตรงว่าค่อนข้างจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงต้องใช้เวลาดูอยู่นานพอสมควร กดกลับไปกลับมาเพื่อพยายามทำความเข้าใจเมสเสจที่ส่งผ่านบทพูดของตัวละคร สรุปได้ว่าเป็นซีรีส์ที่พล็อตล้ำ บทลึกชนิดพาคนดูด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวหาทางออกยาก กว่าจะดูจบรู้สึกเหนื่อยมากเพราะต้องอาศัยการตีความอย่างหนักพอสมควร ด้านนักแสดงคงไม่ต้องพูดอะไรเยอะแล้วเพราะระดับฝีมือทั้งนั้น โดยเฉพาะ ยูอาอิน ที่มาน้อยแต่มานะ เป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงอย่างแท้จริง ทำให้บทจองจินซูเป็นบทที่เขาสามารถถ่ายทอดได้เพียงคนเดียว ซีนบทพูดยาว 2 หน้า A4 แต่เล่นเทคเดียวผ่านมันโคตรสุด คนอื่นว่าเล่นดีแล้วแต่ยูอาอินพาไปสัมผัสถึงขั้นกว่าของศาสตร์ทางการแสดง ทุกประโยคที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังมันขลังจนอยากทำให้เราหลวมตัวเข้าลัทธิในเรื่องได้เลยคำแนะนำเดียวที่คิดออกและอยากบอกกับใครที่คิดจะดูนั่นคือ ต้องทำให้สมองโล่งเสียก่อน เพราะซีรีส์ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้เราเข้าใจได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งแก๊งคิงคองเป็นใครมาจากไหนยังโยนคำถามเอาไว้ให้คิดกันเอง บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับอุทกภัยหรือแผ่นดินไหว ไหนจะระเบิดปมมาดื้อ ๆ แล้วกั๊กไว้ไม่เฉลยก็เยอะ สิ่งเหล่านี้มันทำให้ระหว่างทางความคิดในหัวของเราจะตีกันจนปั่นป่วนแทบอ้วกเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีฉากความรุนแรงเรต 18+ สะเทือนอารมณ์ที่ต้องเตรียมใจ พูดได้ไม่เต็มปากว่าสนุกจนต้องอดหลับอดนอนดู แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความตั้งใจของทีมงานและนักแสดง เชื่อว่าแฟนเว็บตูนหรือคนที่ชื่นชอบแนวปรัชญาน่าจะบรรจุเข้าลิสต์โปรดได้ไม่ยากอยากบอกต่อให้ทุกคนได้สัมผัสคำพิพากษาจากนรกไปด้วยกันในซีรีส์ Hellbound (ทัณฑ์นรก) โดยซีซั่น 1 ออนแอร์ทั้งหมด 6 ตอน ความยาวเฉลี่ยตอนละประมาณ 50 นาที สามารถรับชมทั้งฉบับพากษ์ไทยและบรรยายไทยได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต เว็บไซต์ รวมทั้งผ่านกล่อง TrueID TV ได้ด้วยเช่นเดียวกันรูปภาพประกอบบทความจาก Official Twitter: Netflix Koreaภาพหน้าปก | ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 8 | ภาพประกอบที่ 9 | ภาพประกอบที่ 10บทความแนะนำจากผู้เขียน- รีวิวซีรีส์ Happiness พัคฮยองชิก x ฮันฮโยจู จับคู่สู้ซอมบี้ที่ออกอาละวาดกับโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่- รีวิว The King's Affection: ราชันผู้งดงาม | ซีรีส์พีเรียดจาก Netflix เล่าเรื่องแฝดหญิงที่ถูกทอดทิ้ง แต่ต้องสวมบทคิงแทนแฝดชาย- รีวิวซีรีส์ Melancholia (2021) อีโดฮยอน x อิมซูจอง กับความสัมพันธ์สุดอื้อฉาวและเรื่องราวทุจริตในโรงเรียนชั้นสูง- รีวิวซีรีส์ Chimera คิเมร่า (2021) พัคแฮซู นำทีมสืบสวนคดีฆาตกรรมครั้งใหม่ที่มีไฟเป็นอาวุธสังหารจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !