รีเซต

เฉินหลง เกือบได้เป็นนักฆ่าตาบอดใน "John Wick: Chapter 4" แต่ต้องเปลี่ยนบทให้คนอื่น

เฉินหลง เกือบได้เป็นนักฆ่าตาบอดใน "John Wick: Chapter 4" แต่ต้องเปลี่ยนบทให้คนอื่น
แบไต๋
25 พฤศจิกายน 2566 ( 16:30 )
162

เรื่องราวใน ‘John Wick: Chapter 4’ นอกจากจะเป็นการปิดจบเรื่องราวของของนักฆ่าบาบายาก้า ที่จัดเต็มฉากบู๊ และบทบาท จอห์น วิค ที่ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ทำหน้าที่ได้อย่างสุดยอดแล้ว อีกสีสันที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นก็คือ การปรากฏตัวของ เคน (Caine) ที่แปรเปลี่ยนไปเป็นจอมสังหารตาบอดยอดฝีมือ ผู้ที่รับงานจากสภาสูง (High Table) ให้มาสังหารอดีตเพื่อนเก่าของ จอห์น วิคโดยเฉพาะ ในฉากดวลปืนตามธรรมเนียมของสภาสูงที่มีฉากหลังเป็นหอไอเฟล แม้เขาจะสังหาร จอห์น วิค ลงได้ แต่เขาเองก็ถูกอดีตเพื่อนเก่าสังหารลงด้วยเช่นกัน

แม้ ดอนนี เยน (Donnie Yen) แอ็กชันสตาร์ชาวจีน จะรับบทบาทนักฆ่าตาบอดได้อย่างน่าประทับใจ แต่สิ่งที่เพิ่งเปิดเผยในภายหลังก็คือ บทบาทนี้เกือบตกเป็นของแอ็กชันสตาร์ชาวฮ่องกงรุ่นพี่อย่าง เฉินหลง หรือ แจ็กกี ชาน (Jackie Chan) ซึ่งผู้กำกับอย่าง แชด สตาเฮลสกี (Chad Stahelski) ได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับเว็บไซต์ Collider ถึงความตั้งใจดั้งเดิมที่ต้องการให้เฉินหลงมารับบทนี้

แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ตารางงานเปลี่ยน ทำให้แอ็กชันสตาร์ในตำนานไม่สามารถมาร่วมงานได้ ทีมงานจึงต้องแก้ไขบทใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของเยน นักแสดงที่ได้รับบทบาทนี้ในภายหลัง ก่อนที่สตาเฮลสกีเองจะพบว่า การให้เยนมารับบทนี้ ทำให้คาแรกเตอร์นักฆ่าตาบอดนั้นมีความน่าสนใจและดูเท่มากกว่าที่เขาวางแผนเอาไว้ด้วยซ้ำ

“ผมใช้เวลากับ แจ็กกี ชาน ไปค่อนข้างมากครับ เพราะฉะนั้น ตอนที่ผมเขียนบท ผมเลยนึกถึงแจ็กกีในฐานะนักดาบตาบอดที่อายุมาก คุณคงนึกออก แบบว่าภาพของชายชราถือไม้เท้า หรืออะไรทำนองนั้นนี่แหละ แต่เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สุดท้ายแจ็กกีไม่สามารถมาแสดงได้ เนื่องจากโควิดเพิ่งจะเริ่ม ตารางงานเลยเปลี่ยน มันทำให้ตารางงานของทุกคนยุ่งวุ่นวายไปหมด เราเลยได้แต่พัฒนาบท พัฒนา ๆๆๆ ต่อไป ตัดโน่นตัดนี่อยู่หลายเดือน และหลาย ๆ เดือนต่อมา บทและเรื่องราวก็เปลี่ยนไปมากทีเดียว”

“แล้วผมก็เริ่มมีความคิดว่า เราน่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวละครแล้วล่ะ ผมเองอยากร่วมงานกับดอนนีมาโดยตลอด และเพื่อให้ยุติธรรมกับเขา ผมก็เลยโทรหาเขาแล้วคุยกัน ผมเล่าให้เขาฟังถึงการเขียนบทในช่วงแรก ๆ ที่มีตัวละครอายุมากกว่านี้”

“และดอนนี คนที่ล้ำหน้าและตรงไปตรงมาก็บอกผมว่า ‘ผมชอบหนังของคุณนะ แต่ผมเคยแสดงเป็นนักดาบตาบอดมาแล้วน่ะ ใน ‘Rogue One’ และหนังเรื่องอื่น ๆ’ ประมาณว่า ‘ผมเคยเล่นเป็นตัวละครแบบนั้นมาแล้ว ทำไมจะต้องมาเล่นเป็นคนแก่เดินโซเซแบบนั้นอีกล่ะ’ ผมก็แบบว่า ‘ผมก็ไม่รู้ …คุณตาบอดจริง ๆ เหรอเนี่ย'”

ก่อนหน้านี้ เยนเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ ว่า ด้วยความที่เขาเองรู้สึกว่า คาแรกเตอร์ชาวเอเชียในหนังฮอลลีวูดมักจะมีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง ทำให้เขาเองเป็นคนเสนอให้สตาเฮลสกีลองปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของเคน ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ทั้งการเปลี่ยนชื่อจาก ชาง (Shang) หรือ ฉาง (Chang) ให้เป็น เคน ที่มีความเป็นกลาง ๆ ไม่ดูเอเชียมากจนเกินไป

นอกจากนี้เขายังปรับไปจนถึงเครื่องแต่งกาย ที่เขาเองเป็นคนแนะนำว่าให้เคนต้องใส่สูทสีดำ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก บรูซ ลี (Bruce Lee) ที่สวมสูทสีดำตอนออดิชันทีวีซีรีส์ ‘The Green Hornet’ (1966–1967) ผสมกับคาแรกเตอร์นักฆ่าสวมแว่นตาดำของ โจวเหวินฟะ (Chow Yun-fat) จากหนัง ‘โหดตัดโหด’ หรือ ‘The Killer’ (1989)

“เขาพูดกับผมว่า ‘แล้วทำไมผมถึงจะเท่ไม่ได้ล่ะ ? ‘ ผมเลยถามว่า ‘คุณหมายความว่ายังไงนะครับ ?’ เขาตอบกลับมาว่า ‘นั่นมันดูไม่เท่เลย ผมอยากเป็น จอห์น วิค นะ จอห์น วิคน่ะโคตรเท่เลย แต่ทำไมผมถึงจะเป็น จอห์น วิคที่ตาบอด แต่โคตรเท่บ้างไม่ได้ล่ะ ?’ ซึ่งนั่นก็โดนใจผมเลยครับ ผมก็เลยโทรหาดอนนีในวันถัดไป”

“ดอนนีกับผมหยิบเอารูปของ บรูซ ลี ใส่เน็กไทสกินนี ชุดสูท และแบบอื่น ๆ ออกมา แล้วเขาก็พูดว่า ‘ไม่นะนาย เคนควรจะเป็นเพื่อนที่เท่ที่สุดในหนังเรื่องนี้ ที่ทั้งสวมแว่น และมีของอื่น ๆ ด้วย’ ดอนนีเป็นคนสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาจริง ๆ และผมก็บอกว่า ‘นั่นมันเจ๋งมากดอนนี เป็นสิ่งที่ผมชอบมากเลย'”

“อย่างที่เห็น ผมเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของดอนนีเลย สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ ดอนนีก็เหมือนกับคีอานู เขาเป็นทั้งผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักเขียนบท และนักแสดง ดังนั้นเขาจึงมองเห็นสิ่งต่าง ๆ จากหลายทิศทาง สิ่งที่เขาสนใจจึงไม่ใช่แค่ตัวหนังหรือรายได้ แต่เขาสนใจที่จะร่วมมือกันทำงานกับทั้งคีอานูและผม เมื่อเรารู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะครีเอต และเราก็นำไอเดียไปปฏิบัติ มันเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดที่ผมมีกับนักแสดงที่มีมีพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา”

แม้ตอนนี้โปรเจกต์ ‘John Wick 5’ จะยังอยู่ในอากาศ และจะกลับมาอีกทีเมื่อมีไอเดียที่ดี และตัวของรีฟส์ รวมทั้งสตาเฮลสกีเองพร้อมที่จะกลับมาทำ แต่ในระหว่างนั้น ก็ยังมีคั่นด้วย ซีรีส์ ‘Continental’ ที่ออกฉายไปแล้ว และได้รับคำชมพอสมควร รวมทั้งปีหน้า Liongate ยังเตรียมเข็นหนังสปินออฟนักฆ่าหญิง ‘Ballerina’ ออกมาให้ได้ชมกัน

แม้ล่าสุดจะมีข่าวดีว่า ทีมงานกำลังพัฒนาโปรเจกต์ ‘John Wick 5’ และสปินออฟภายใต้จักรวาลเดียวกันออกมาอีกมากมาย แต่คงต้องรอเหตุผลที่ดีพอ ที่จะปลุก จอห์น วิค ขึ้นมาจากหลุมอีกที

“ผมขอย้ำอีกสักทีว่า ถ้าเกิดมีอะไรที่โดนใจผม เชื่อผมเถอะ ไอเดียทั้งหมดที่กลุ่มนักเขียนของผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ สาบานเลย ผมชอบทุกไอเดียเลย ถ้าพรุ่งนี้คุณจะบอกว่าผมต้องเลือกอันใดอันหนึ่ง ผมคงคิดว่า นั่นคงเป็นการใช้เวลา 1 ปีที่เยี่ยมมาก ๆ พวกเขามีไอเดียที่ยอดเยี่ยม และผมก็มีไอเดียว่าจะทำทุกอย่างนั้นอยางไร นั่นคือสิ่งที่ผมมองว่ามันสนุกมาก เรากำลังมีซีรีส์ของ จอห์น วิค ที่วุ่นวายแต่ก็สนุก”

“ผมอยากลองทำซีรีส์สัก 2-3 ตอน เพียงเพราะผมคิดว่าผมสนุกกับการลองทำในสิ่งที่ผมยังไม่เคยลองในหนัง มันเป็นไอเดียที่เยี่ยมมาก และการได้ร่วมงานกับนักแสดง และทำงานกับโครงเรื่องที่แตกต่างออกไปโดยไม่มี จอห์น วิค ก็เป็นความท้าทายที่สนุกมาก ๆ “

“แต่ก็อย่างที่ผมเคยพูด ถ้าพรุ่งนี้คีอานูโทรมาหาผมพร้อมไอเดีย หรือถ้าผมตื่นมาพรุ่งนี้แล้วพูดว่า ‘เฮ้ มาทำกัน…’ แน่นอนว่าผมยินดีที่จะกระโดดกลับไปหา จอห์น วิค แน่นอน เพียงแต่ว่ามันต้องมีเหตุผลที่ดีพอ”


ที่มา: Collider, Screen Rant