รีวิวหนัง “Home Sweet Home Rebirth โฮมสวีทโฮม กำเนิดใหม่” จากเกมไทยสู่หนังสยองทะเยอทะยาน

หนึ่งในพลังซอฟต์พาวเวอร์จากไทยเมื่อหลายปีก่อน เกมสัญชาติไทยเกมหนึ่งกลายเป็นที่ได้รับความสนใจและโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยการดึงเอาภาพบรรยากาศความลี้ลับสยองขวัญในคอนเทนท์ท้องถิ่นไปหลอนสู่ชาวโลก และบัดนี้หนึ่งในส่วนของเกมนั้นก็ได้ถูกปั้นออกมาเป็นหนังฉบับคนแสดงแล้วใน “Home Sweet Home Rebirth โฮมสวีทโฮม กำเนิดใหม่” ที่เป็นการจับมือสร้างระหว่างทีมงานไทยกับทีมงานระดับโลก
เจค ตำรวจหนุ่มที่หลุดเข้าไปในดินแดนที่เรียกว่า "นิวรณ์" ที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้ายที่มีบ่วงติดค้าง ระหว่างตามจับผู้ร้ายกราดยิงในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ด้วยความช่วยเหลือจากพระภิกษุผู้ลึกลับ เจคต้องแข่งกับเวลาเพื่อช่วยภรรยาของเขา ปรางค์ ที่หลุดมาในดินแดนนี้เช่นกัน พร้อมทั้งหยุดยั้ง เมฆ ผู้ลึกลับ จากการเปิดประตูนรกโดยใช้ปรางค์เป็นเครื่องสังเวย
ในเวอร์ชันหนังไลฟ์แอคชันเรื่องนี้ยังคงมี Yggdrazil Group ผู้สร้างต้นฉบับจากเกมมาเป็นหัวเรือใหญ่ในการสร้าง ที่เป็นการจับมือกับโปรดักชันฝั่งอเมริกา อย่าง Altit Media Group พร้อมกับได้ 2 ผู้กำกับ “สเตฟเฟน แฮคเกอร์” กับ “อเล็กซานเดอร์ คีสล์” มือสร้างด้านวิชวลเอกเฟค ที่น่าจะเพิ่งมีโอกาสก้าวขึ้นมาจับงานกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของพวกเขากับผลงานชิ้นนี้นั่นเอง
เบื้องต้นเราไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับมือเขียนบทหนังเรื่องนี้ แต่ได้ยินว่าเป็นบทที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อควบคู่ไปกับฉบับเกมภาคใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนางานสร้าง แต่นั่นคงจะต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า บทหนังก็คือจุดอ่อนที่สุดของหนังเรื่องนี้เป็นแน่แท้ ในเมื่อทีมสร้างให้ความใส่ในแง่องค์ประกอบงานสร้างอื่น ๆ ที่ตื่นตามากกว่า ปล่อยละเลยในแง่ความสมบูรณ์ของบทหนัง จึงทำให้ทุก ๆ อย่างบนพื้นฐานความสยองขวัญและความแฟนตาซี หาอะไรที่เชื่อมโยงและสมเหตุสมผล(อย่างน้อยที่สุด)ไม่ได้เลย
ในมุมมองของผู้ชมที่ไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เลยเกี่ยวกับเกมดังกล่าว พยายามเฝ้าดูหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนผ่านไปเกือบจะครึ่งเรื่องแล้วก็ยังไม่สามารถหาเบาะแสและประเด็นใด ๆ ที่เป็นน้ำหนักของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลย หนังค่อนข้างล่องลอยไปด้วยบทหนังที่ไม่เข้าที่เข้าทางสักอย่าง เต็มไปด้วยน้ำที่หาเนื้อสักชิ้นได้อย่างยากเย็น แม้กระทั่งดูจนจบเรื่องก็ยังเต็มไปด้วยคำถามมากมายว่าดูเพิ่งจะเสพย์อะไรลงไปกัน
และถึงแม้ว่า Home Sweet Home Rebirth จะพยายามชูความโดดเด่นด้านงานสร้างที่น่าตื่นตา แต่ทว่ากลับไม่ได้ความตื่นใจให้ได้เลยสักหน่อย ด้วยองค์ประกอบที่ดีงามแต่กลับไม่มีศักยภาพได้ไม่ขันแข็งเพียงพอที่จะทำได้ถึงจุด งานซีจีเรื่องนี้เหมือนกับหลุดออกมาจากเมื่อสิบก่อนปี ตอนที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนาเท่าทุกวันนี้ กลายเป็นงานหยิบงานลอย ถึงจะสร้างสรรค์เต็มไปด้วยไอเดียและจินตนาการสุดเลิศ แต่กลับไม่เข้าและสมดุลกับตัวหนังได้เลยสักนิด
โดยเฉพาะงานสร้างพวกเหล่าอสูรยักษาต่าง ๆ เป็นแนวคิดที่ใช้ได้ แต่หนังยังทำได้ไม่ถึง แม้ว่าจะเป็นงานสร้างที่ทำให้ชวนนึกถึงอนิเมะหายนะฝั่งญี่ปุ่นเรื่องดังเรื่องหนึ่งที่เพิ่งจะอวสานไปก็ตาม กับอีกบางมุมก็เหมือนยืมไอเดียมาจากหนังมาร์เวลสายเวทย์เรื่องนั้นมาหน่อย ๆ แต่เนื้องานก็ค่อนข้างคนละชั้นเชิงกันอย่างชัดเจน เพราะถึงแม้ว่าจะได้ผู้เชี่ยวชาญด้านเอกเฟคมาช่วยสร้างแล้วก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ค่อนข้างชวนผิดหวัง ยิ่งมาเป็นหนังในยุคปี 2025 แล้วด้วย
การตัดต่อหนังเป็นอีกส่วนที่ชวนให้กุมขมับ Home Sweet Home Rebirth น่าจะเป็นหนังที่คุณไม่ต้องถามหาความต่อเนื่องใด ๆ ระหว่างฉากกันได้เลย การสวิตช์ฉากไปมาชวนเหวอเป็นส่วนใหญ่ ความลื่นไหลในจังหวะหนังแทบไม่มีเลย ไคลแมกซ์ที่ควรจะยิ่งใหญ่กลับทรงพลังน้อยยิ่งกว่าฉากเล่นใหญ่ในช่วงต้นของหนังเรื่องนี้เสียอีก ยังไม่รวมก็จัดเแสงและโทนสีที่โดดเด่นไปอย่างขัดอารมณ์ของหนัง ที่ชวนขัดใจไม่น้อย
ส่วนในแง่การแสดง ต้องยอมรับว่าแคสติ้งของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างน่าผิดหวังตามไปด้วย เพราะนอกจากบทหนังที่จะไม่มีเหตุและผลใด ๆ ยังไม่สามารถส่งถึงตัวนักแสดงได้เลยสักทางเดียว เพราะหนังสร้างสรรค์ออกมาแต่บทที่ชูคาแรกเตอร์ที่อีหยังวะเต็มไปหมด ไร้มิติ ไร้เสน่ห์ พลอยทำให้แอคติ้งนักแสดงไม่เข้าที่เข้าทางกับตัวหนังได้เลยสักนิดเดียว แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอยู่กับร่องอยู่รอยในบทที่ตัวเองได้รับอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
เราต่างเคยเห็นลีลาการแสดงของ ญาญ่า อุรัสยา กันอยู่แล้ว ก็คิดว่านี่เป็นการแสดงของเธอไม่ได้แย่เลย ออกจะแบกหนังเกินหน้าเกินตาคนอื่นไปด้วยซ้ำ เพียงแต่บทไม่สามารถเชื่อมระหว่างนักแสดงกับคอนเทนท์ได้ เช่นเดียวกับ “วิลเลียม โมสลีย์” ที่มารับบทนำ แต่หาความหนักแน่นในการเป็นผู้นำหนังไม่ได้เลย เป็นพระเอกที่ไม่น่าเอาใจช่วยเลยสักนิด ความชัดเจนในตัวละครก็เบาบาง เปิดเรื่องมานึกว่าเขาเป็นนักธุรกิจงานยุ่ง แต่อยู่ ๆ ก็มาเป็นตำรวจอเมริกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น
ขณะที่ “มิคาเอล มอร์โรเน” ก็มากับพื้นฐานการแสดงที่เราคุ้นตากับเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีอะไรแตกต่าง เพราะบทบาทขาดมิติแทบจะทุกด้าน ไม่มีต้นสายปลายเหตุ อยากเล่นอะไร ทำอะไร ก็จับใส่ ๆ ไปเลย เป็นตัววายร้ายที่แทบจะไม่ได้ออกลีลาอะไรสักเท่าไหร่ มา ๆ ไป ๆ อย่างล่องลอยไปงั้น ๆ ตลอดทั้งเรื่อง
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Home Sweet Home Rebirth ฉบับหนังคนแสดงเรื่องนี้ อาจจะต้องแจ้งตรง ๆ ว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เพราะขนาดเป็นแค่หนังความยาว 90 นาที ยังสร้างความตะขิดตะขวดอึดอัดใจระหว่างการชมได้เพียงนี้ ไอเดียและแนวคิดของหนังชวนสนใจ แต่ทิศทางการละเลงงานสร้างออกมาเกือบจะล้มเหลวในทุก ๆ ด้าน ชนิดนี้แทบจะนั่งกุมขมับกลางโรงหนัง เพราะเสียดายวัตถุดิบดี ๆ ที่ได้
บทหนังที่เข้าขั้นไร้ชั้นเชิงเป็นอย่างยิ่ง มาเจอกับองค์ประกอบงานสร้างที่ทำไม่ถึงเกือบจะทุกทิศทาง พลอยทำให้ฝั่งนักแสดงก็ลำบากไปด้วย เพราะไม่สามารถรับมือและแบกหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้เลยสักทางเดียว Home Sweet Home Rebirth คงได้ชื่อว่าเป็นที่เต็มไปด้วยที่ติ เพราะผลลัพธ์ออกมาในลักษณะนั้นจริง ๆ ดังนั้นก็ขอเฝ้ารอล้างตากับอีกเวอร์ชันที่ไทยสร้าง Home Sweet Home Return ที่จะมาต่อจากนี้ก็แล้วกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Home Sweet Home Rebirth โฮมสวีทโฮม กำเนิดใหม่
- ประเภท: แอคชัน / สยองขวัญ
- ผู้กำกับ: สเตฟเฟน แฮคเกอร์, อเล็กซานเดอร์ คีสล์
- นำแสดงโดย: มิคาเอล มอร์โรเน, วิลเลียม โมสลีย์, อุรัสยา เสปอร์บันด์
- ความยาว: 93 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 8 พฤษภาคม 2025
Movie.TrueID METRIC: Home Sweet Home Rebirth โฮมสวีทโฮม กำเนิดใหม่
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5.0/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (4.9/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.4/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5.6/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐✰✰✰✰✰✰✰ (3.8/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa