Netflix มอบของขวัญส่งท้ายปีด้วยออริจินัลคอนเทนต์ให้กับแฟนบันเทิงเกาหลีทั่วโลกกับ The Silent Sea ทะเลสงัด ซีรีส์ไซไฟอวกาศเรื่องแรกที่ได้ กงยู และ แบดูนา มานำทัพความแกร่งในการบุกตะลุยสำรวจอันตรายเหนือสถานีร้างบนดวงจันทร์ พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความลับที่ถูกปกปิดเอาไว้ หลังยิงยาวรวดเดียว 8 ตอนจบ มีหลายอย่างที่พอจะตกตะกอนได้จึงขอนำมาบอกเล่าความน่าสนใจผ่านรีวิวฉบับนี้The Silent Sea ทะเลสงัด เขียนบทโดย นักเขียนพัคอึนคโย โดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นบนโลกที่กำลังเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรงเนื่องด้วยอากาศเปลี่ยนแปลงจนฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล เป็นเหตุสำคัญให้ประชาชนขาดน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภคจนถูกแบ่งแยกแจกจ่ายตามชนชั้นและฐานะ องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติจึงคัดทีมหัวกะทิให้เดินทางไปยัง บัลแฮ สถานีวิจัยบนดวงจันทร์ซึ่งถูกปิดตายจากเหตุการณ์สารกัมมันตรังสีรั่วไหลเมื่อ 5 ปีก่อน โดยพวกเขาต้องนำตัวอย่างทดลองที่หลงเหลืออยู่กลับมายังโลก เพื่อจะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติให้หลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ฮันยุนแจ (รับบทโดย กงยู) ชายหนุ่มผู้จริงจังในภาระหน้าที่และมีความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ กัปตันผู้นำทีมสำรวจดวงจันทร์ได้มาทำงานร่วมกับ ซงจีอัน (รับบทโดย แบดูนา) นักวิทยาศาสตร์ผู้ต้องการสืบหาความจริงเกี่ยวกับสถานีวิจัยบัลแฮที่ถูกปิดตายเมื่อ 5 ปีก่อน รยูแทซอก (รับบทโดย อีจุน) หัวหน้าวิศวกรผู้เป็นอดีตมือหนึ่งของกระทรวงกลาโหมซึ่งทำให้หลายคนต้องเคลือบแคลงกับการอาสามาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ อีกทั้งยังมี แพทย์หญิงฮงกายอง (รับบทโดย คิมซอนยอง) และ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกงซูฮยอก (รับบทโดย อีมูแซง) มาร่วมทีมอีกด้วยเมื่อซีรีส์เริ่มขึ้นด้วยปัญหาในโลกดิสโทเปียที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แถมยังเล่าแบบแตะ ๆ ไม่ได้ให้รายละเอียดมากด้วยซ้ำ ทำให้หลายคนอาจเริ่มตั้งคำถามว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป จะเริ่มสนุกตอนไหน ตรงนี้ขอเกริ่นไว้ก่อนว่าหลังจากทีมสำรวจเริ่มเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ มหกรรมยำใหญ่ใส่สารพัดก็จัดเสิร์ฟมาให้ลุ้นระทึกกันแบบน็อนสต็อป ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ โรคระบาด สัตว์ประหลาด การหักหลัง หรือกระทั่งความลับที่ซงจีอันกำลังตามหาก็จะถูกไขปริศนาในช่วงท้ายด้วยเช่นกัน การันตีว่าทุกเหตุการณ์ข้าขั้นสนุกตื่นเต้นเพียงพอจะให้ดูต่อจนจบแบบไม่ต้องกดข้ามแน่นอนแม้เรื่องราวจะตั้งต้นด้วยไอเดียที่ดีอย่างที่กล่าวไป แต่ต้องยอมรับว่าภายใต้กรอบของซีรีส์แนวไซไฟทริลเลอร์จึงทำให้การขยี้แต่ละปมยังไม่สะใจทะลุปล้อง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุบนที่แคบ การเอาชีวิตรอดจากเชื้อโรคประหลาดระหว่างสำรวจสถานีร้าง (แม้อาการของผู้ติดเชื้อจะสามารถสร้างภาพจำของเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว) แต่การดำเนินเรื่องโดยภาพรวมจนมาเจอสัตว์ประหลาดคร่าชีวิตสมาชิกในทีมไปทีละคน จนสุดท้ายไปพบกับความลับเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง ต่างเป็นสูตรสำเร็จที่วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำอีก อาจพูดได้ว่าเล่าไปตามท่ามาตรฐาน ไม่ได้มีลูกเล่นแพรวพราวจนต้องร้องว้าวไปตลอดทั้งเรื่องอีกหนึ่งประเด็นที่ดูเหมือนจะทำให้ขาดเอกลักษณ์ตามสไตล์ซีรีส์เกาหลี น่าแปลกใจที่เส้นเรื่องดราม่าของตัวละครในเรื่องไม่น่าจดจำเท่าที่ควร แม้จะหย่อนเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนไปตลอดทั้งเรื่อง แต่กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเจาะต่อมน้ำตาของผู้ชมมากนัก ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของพ่อกับลูก พี่กับน้อง ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบชั้นดีแต่ซีรีส์กลับไม่ปรุงรสให้กลมกล่อมเท่าที่ควร แต่ทั้งนี้เป็นเพียงรอยขีดข่วนที่ไม่ได้กระทบต่อเส้นเรื่องหลักแต่อย่างใด บางคนที่ไม่ใช่คอดราม่าอาจมองว่าดีด้วยซ้ำที่ประเด็นดังกล่าวไม่ได้เข้ามาถ่วงเวลาให้ยืดยาดจนง่วงนอนปัญหาใหญ่กลับอยู่ที่การวางคาแรกเตอร์ของตัวละครเสียมากกว่า สังเกตว่าความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งดีเลวแบบฉบับพี่เกาจะกร่อยลงอย่างเห็นได้ชัด บุคลิกของหลายตัวละครถูกเล่าออกมาเป็นเส้นตรงไม่มีพลิกแพลงจนต้องตบเข่าฉาดหรือเข้าถึงใจจนคนดูอยากทึ้งหัว อีกทั้งยังปะปนไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลของการกระทำอยู่ไม่น้อย เสียดายที่ได้นักแสดงฝีมือดีมารวมตัวกันน่าจะสร้างคาแรกเตอร์ให้เหนือชั้นได้มากกว่านี้ บทบาทเดียวที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามีมิติและเพิ่มรสชาติให้เรื่องนี้คงต้องยกให้ รยูแทซอก ด้วยการแสดงที่คาดเดายากและปั่นจนสับสนถึงวินาทีสุดท้าย ส่วนจะมาดีหรือมาร้ายคงต้องไปดูกันเอง แต่ขอพูดถึงเป็นพิเศษว่า อีจุน นักแสดงหนุ่มผู้รับบทนี้สอบผ่านฉลุย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทำให้หลายคนจดจำกันได้อย่างแน่นอนส่วนงานโปรดักชั่นที่เป็นจุดขายไม่ได้มีอะไรน่าผิดหวัง จาก Space Sweepers (2021) ที่เหมือนก้าวแรกของงานไซไฟอวกาศ มาถึง The Silent Sea ที่ตอกย้ำความทะเยอทะยานจนต้องยอมรับว่าเกาหลีพัฒนาไปไกลชนิดที่อีกไม่นานคงเทียบชั้นฝั่งตะวันตกได้แล้ว ความพิเศษที่ โปรดิวเซอร์จองอูซอง เคี่ยวโปรเจกต์นี้มายาวนานกว่า 3 ปีถือว่าสมราคาคุย งานภาพ ซีจี ดนตรีประกอบ ยิ่งใหญ่อย่างที่หลายคนรอคอย แต่ถ้าพูดถึงองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างวิธีการเดินบนดวงจันทร์ ฉากแอ็กชั่น หรือบรรยากาศความหลอนระทึกบางช่วงอาจมีสะดุดไม่สะใจอยู่บ้าง แต่เมื่อบอกว่านี่เป็นผลงานเดบิวต์ของ ผู้กำกับชเวฮังยง ถือว่าเป็นก้าวแรกที่สร้างกำแพงมาตรฐานเอาไว้สูงมากทีเดียวโดยรวมแล้วจึงเป็นซีรีส์ที่ดูเพลิน ดำเนินเรื่องเร็วและใส่ความระทึกมาไม่ยั้งสมกับเป็นแนวไซไฟทริลเลอร์ ไม่ได้ใช้ปรัชญานำจนต้องตีความให้ปวดหัว จึงทำให้เหมาะกับผู้ชมทุกกลุ่มแม้จะไม่ใช้สายอวกาศแต่สามารถดูได้ไม่งงอย่างแน่นอน อีกทั้งการเล่าไปตามสูตรสำเร็จไร้ท่าท่าผาดโผนยิ่งทำให้เข้าถึงง่ายมากขึ้น แม้จะต้องแลกมาด้วยประเด็นขาด ๆ เกิน ๆ จนต้องร้องเอ๊ะอยู่บ้าง แต่หากดูแบบไม่คิดอะไรมากยังคงเป็นอีกเรื่องที่สนุกและสร้างความประทับใจอยู่ไม่น้อย ยังไม่รวมตอนจบที่ค้างคาและเชื่อว่าสามารถต่อยอดไปยังซีซั่นต่อไปได้อีกเรื่องย่อ ซีรีส์เกาหลี The Silent Sea ทะเลสงัด(Youtube: Netflix Thailand)ท้ายที่สุดแล้วภารกิจของทีมสำรวจสถานีวิจัยร้างบนดวงจันทร์จะอันตรายขนาดไหน พวกเขาจะสามารถนำตัวอย่างทดลองกับมายังโลกได้หรือไม่ และวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะจบลงอย่างไร ต้องไปลุ้นเอาใจช่วยกันในซีรีส์ The Silent Sea ทะเลสงัด ออกอากาศทั้งหมด 8 ตอน ตอนละประมาณ 45 นาที สามารถรับชมได้ทั้งฉบับพากษ์ไทยและบรรยายไทยทาง Netflix ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เว็บไซต์ รวมทั้งกล่อง TrueID TV ได้ด้วยเช่นกันรูปภาพประกอบบทความจาก Official Twitter: Netflix Koreaภาพหน้าปก | ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 8บทความแนะนำจากผู้เขียน- รีวิวซีรีส์ Bulgasal วิญญาณอมตะ อีจินอุค x ควอนนารา กับการล้างแค้นข้ามชาติของปีศาจในตำนานเกาหลี- รีวิว Bad And Crazy ซีรีส์เกรียนเลือดเดือดจาก อีดงอุค x วีฮาจุน บู๊ระห่ำคืนความยุติธรรมให้สังคม- 5 เหตุผลที่อยากให้ดู The Devil Judge ผู้พิพากษาปีศาจ ซีรีส์กฎหมายตีแผ่บ้านเมืองแบบถึงพริกถึงขิง อัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ,ฟรี