ถ้าหากให้พูดถึงการ์ตูนฮีโร่ที่โด่งดังมาก ๆ จากมาร์เวลตั้งแต่วัยเด็กด้วยเอกลักษณ์ที่ชัดเจนในการเป็นทีม เป็นครอบครัว พลังแต่ละตัวละครแตกต่างออกไป แต่ต่างเสริมให้แต่ละคนเข้าขาและลงตัวได้ คงไม่มีไม่มีนึกถึงเหล่าพลังสี่คนกายสิทธิ์ ที่ทั้งสนุกและดูง่ายในตัว แม้จะโด่งดังฉบับการ์ตูนมานานมาก ๆ แต่กลับกันกับฉบับไลฟ์แอ็คชั่นหรือคนแสดงที่มีการรีเมคทำใหม่อยู่ซ้ำกันไปมาหลากหลายรอบจากเวอร์ชั่นในปี 1995 ที่ได้สร้างแต่ไม่มีโอกาสได้ดูจนน่าเสียดาย หรือได้สร้างมีต่อถึงสองภาคแต่สุดท้ายยังไงก็ไม่ได้ไปต่ออย่างฉบับปี 2005 และภาคต่อในปี 2007 ภายใต้สตูดิโอ FOX จนกลับมารีเมคซ้ำใหม่อีกครั้งหลังบริษัททำหนังฮีโร่อย่างมาร์เวลสตูดิโอกำลังไปได้สวยดังพลุแตกกำลังทางแบรนด์เนอรร์รวมมหาศาล ทาง FOX จึงได้เข็นฉบับ 2015 ออกมาอีกครั้งแต่กลับล้มเหลวจนไร้ภาคต่อไปในที่สุดแถมยังสานต่ออาถรรพย์การสร้าง The Fantastic Four ที่สร้างกกี่หนก็จบลงระหว่างทางไม่สวยสักเวอร์ชั่น จนกระทั่งในปี 2019 หลังดิสนีย์บริษัทแม่ของมาร์เวลได้ซื้อกิจการในเครือภาพยนตร์และซีรีส์ของ FOX มาไว้ในมือทำให้ลิขสิทธิ์มาร์เวลในค่ายที่ถูกขายออกไปทั้ง X-Men และเหล่า The Fantastic Four ก็ถูกส่งตรงกลับบ้านมาอยู่กับมาร์เวลสตูดิโอ หลังประกาศสร้าง หาแคส เริ่มถ่ายทำ ถ่ายจบ ตัดต่อ รอวันฉาย ก็ใช้เวลาล่วงเลยไปกว่า 6 ปีเต็ม ๆ ในปี 2025 ที่ได้มาชื่อใหม่ของเวอร์ชั่นนี้อย่าง The Fantastic Four :Firsr Steps ที่นอกจากจะเป็นเวอร์ชั่นใหม่ก็ยังจะเลือกเล่าที่จักรวาลใหม่มูดโทนใหม่ ๆ ไม่ให้ซ้ำซากจากเดิม รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! The Fantastic Four First Steps สเต็ปแรกที่แปลกใหม่และไม่ซ้ำใครภายใต้ชายคามาร์เวล เป็นอีกครั้งในหนังมาร์เวลช่วงหลัง ๆ ที่เหมือนเริ่มตีโจทย์ของคนดูได้แตกละเอียดแล้วกับการตามหาความแปลกใหม่ในสายตาของผู้ชมที่มีต่อหนังฮีโร่ในยุคหลัง ๆ การนำเรื่องราวของเวอร์ชั่นนี้ไปเล่าที่ต่างจักรวาล เป็นการวางเซ็ตติ้งที่ถูกต้องมาก ๆ ทั้งในแง่ความสดใหม่ของเรื่องราวและการแก้ปัญหาความเคยชินของค่ายและเคยดูที่ทางค่ายต้องมีโจทย์ในการเชื่อมจักรวาลเล่าเรื่องราวภายใต้จักรวาลเดิมที่ต้องแบกสิ่งมากมายไว้ให้เล่าต่อจนบดบังพื้นที่อิสระในการจะเล่าให้ไปต่อได้กับในแง่ผู้ชมที่ครั้งนี้เป็นอิสระไม่ต้องหวนนั่งทบทวนดูเพื่อทำการบ้านแต่แค่มาดูได้แบบปล่อยจอยทุกเพศทุกวัยก็สนุกกับตัวหนังได้เต็มเหนี่ยวเลย ผลลัพธ์เลยออกมาเป็นความสนุกบนความยูนีคที่ไม่ซ้ำใครในจักรวาลหลักที่ตกคนดูได้ทั้งแฟนขาจรและแฟนจักรวาลเดิมที่อยากลิ้มรสหาความแปลกใหม่ งานสร้างที่ทำถึง เซ็ตติ้งโลกเบื้องหลังได้น่าเชื่อ ส่งผลให้โลกในหนังดูน่าสนใจ ที่กล่าวมาจากข้างบนจะไม่ออกผลประโยชน์ได้เลย ถ้าหากขากการสร้างโลกในตัวหนังที่ทำออกมาได้แตกต่าง น่าเชื่อถือ มีองค์ประกอบรองรับ น่าสนใจและว้าวได้ในขณะเดียวกัน ซึ่งการมาของหนังเรื่องนี้มีคอนเซ็ปต์อย่างในยุคปี 1960 ยุคที่วิทยาศาสตร์กำลังเฟื่องฟูทำให้ตัวอาคารก่อสร้างมีความล้ำและดูสดใสในขณะเดียวได้ดีแบบเหลือเชื่อ พร้อมพาคนดูไปดูชีวิตประจำวันเสียส่วนใหญ่ของตัวสภาพแวดล้อมในเมืองได้ออกมาดี ทำให้พอเป็นภาพกว้างกว่าทุกอย่างรอบตัวของสมาชิกแก๊งนี้ดูแล้วเชื่อว่าจักรวาลนี้ที่ไม่คุ้นกับจักรวาลเก่าของมาร์เวลมันแตกต่างและยืนได้ด้วยตัวเองดีอย่างมาก และนับว่าเป็นออกแบบงานสร้างที่ดีมาก ๆ ในมาร์เวลยุคหลัง ๆ และอาจจะมากระดับแรงค์ต้น ๆ ของค่ายเลยทีเดียวโดยเฉพาะการเน้นเฉดสีฟ้าขาวดำที่โดดเด่นและชูความเป็น Fantastic Four ดีมาก สมาชิกทีมที่ลงตัวดูแล้วเชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน พลังการแสดงและเคมีทีมของตัวละครในเรื่อง คืออีกหนึ่งข้อดีจุดแข็งของมาร์เวลที่ทำดีมาตลอดในแง่ของหนังมากด้วยตัวละครออกไปทางจำพวกหนังทีมที่ดีมาเสมอต้นเสมอปลาย การแสดงของสี่นักแสดงหลักในฉบับนี้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างกันพร้อมการตีความใหม่ที่เปลี่ยนผ่านตามยุคสมัยเข้ากับบริบทร่วมสมัยดีขึ้น โดดเด่นสุดหนีไม่พ้น Vanessa Kirby ที่ถูกเปลี่ยนจากฉบับก่อนทั้งสาวเซ็กซี่ สาวเก่งแต่ไร้มิติตัวละครสู่สาวหัวใจของทีม ทั้งหัวหน้า ผู้นำ และแม่ได้ดีมาก ๆ การแสดงของเธอโดดเด่นที่สุดในหนังนับว่าเป็นอีกช้อยส์ที่มาร์เวลเลือกนักแสดงมาได้ถูกต้อง เช่นเดียวกับตัวของ Pedro Pascal ที่เคมีเข้าขาดีกับเคอร์บี้ หนังชูบทความฉลาดสมคาแร็คเตอร์ได้ออกมาค่อนข้างโอเค ร่วมด้วยเพื่อนร่วมทีมที่เป็นทั้งน้องชาย เพื่อนสนิทและครอบครัวอย่าง Ebon Moss-Bachrach และ Joseph Quinn ที่ก็โดดเด่นไม่แพ้อีกสองคนเช่นกัน นับว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเหล่าทั้งสี่ตัวละครนี้ได้ดีเลย ฉากปล่อยพลังความสามารถของตัวเองก็ทำออกมาได้ดี แต่โดดเด่นกว่าใครอีกครั้งก็ต้องยกให้พลังของตัว ซู ที่เวอร์ชั่นนี้เธอเอาไปกินคนเดียวแบบขาดรอย ครอบครัว ภาระ การสู้ไม่ถอย ปมประเด็นที่เรียบง่ายแต่ทัชใจยุคนี้ อาจจะด้วยภาพความจริงของโลกในปัจจุบันที่กำลังเผชิญปัญหาอะไรต่าง ๆ มากมายที่ชวนปวดหัว The Fantastic Four เวอร์ชั่นนี้ก็ได้มอบประเด็นเรียบง่ายแต่กลับชวนหใ้อินให้ซึ้ง ปลอบประโลมในวันที่แย่ของพวกเราได้เฉยในความสามัคคี ความรัก การฝันฟ่า การสู้ไม่ถอย การร่วมใจสู้ที่นำทีมโดย ซู หัวใจของทีมที่ทำออกมาดีเกินและยิ่งเสริมให้กับแก่นหนังฉบับนี้ดูดีและจับต้องได้กว่าทุกฉบับที่เคยสร้างมาได้สบาย งานสร้าง มูดโทน กลิ่นอายแปลกใหม่ เนื้อใน ใจความ ยังมีจุดบกพร่องแบบเดิม วกกลับมาอย่างประเด็นเนื้อหาและตัวคุณภาพบทของเรื่องราวในฉบับนี้ ถ้าตัดความแปลกใหม่ในเซ็ตติ้งโลกและงานสร้างที่สร้างสรรค์จริง ๆ ฉบับนี้ยังคงเป็นหนังมาร์เวลแบบภาคแรกที่ยังขาดบางมิติในความคมคายของบทและเรื่องราวรวมถึงตัวละครไปบ้างหลายส่วน จนแอบเสียดายว่าถ้ารันไทม์หนังยาวกว่านี้อาจจะสามารถช่วยขยับขยายเรื่องราวให้มีมิติได้กลมกล่อมกว่าเก่าเพราะในเวลาที่ดูอยู่ปัจจุบันเราก็รู้สึกเดินเรื่องไวไม่รอช้าและก็ไม่มีพื้นที่มากพอที่จะเล่าให้สมูธคมทุกดอกจริง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ร้ายแรงและยังอยู่ในระดับน่าพอใช้สำหรับหนังมาร์เวลภาคแรก The Fantastic Four First Steps การมอบรสชาติและกลิ่นอายใหม่ให้กับมาร์เวลในแง่มูดโทนและงานสร้างสรรค์ บอกลาภาพจำ ๆ เก่าที่ผูกติดจักรวาลและฉบับเก่า อาจจะยังไม่ใช่หนังมาร์เวลที่ดีแบบไร้ที่ติระดับเพอร์เฟ็คไปเลย แต่ในแง่ของการสร้างสรรค์และมอบพื้นที่ใหม่ ๆ ให้กับมาร์เวล เรื่องนี้เสิร์ฟแบบจัดหนักจัดเต็มชนิดที่ว่านาน ๆ ทีอาจมีเห็นกลับการยอมทิ้งเรื่องราวจักรวาลเก่าไปเล่าแยกใหม่ให้แตกต่างและพาฉบับนี้ให้ทิ้งห่างจากจุดเริ่มต้นเดิม ๆ จากทุกเวอร์ชั่นที่สร้างมาจึงออกมาเป็นหนังมาร์เวลภาคแรกเริ่มต้นที่ออกมาดูสนุกย่อยง่ายสไตล์กลิ่นอายช่วงแรก ๆ ที่เน้นไปที่คาแร็คเตอร์ตัวละครและความธรรมชาติค่อย ๆ จะเล่าของมันมากกว่าจุดไฟเร่งเครื่องรีบปูรีบยดจักรวาลและขายเรื่องราวหนังต่อไปจนขาดชั้นเชิงแบบเมื่อก่อน ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : Marvel Studios ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : Marvel Studios จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !