Every choice has led to this. ทุกทางเลือกล้วนนำมาสู่จุดนี้ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟรนไชส์สายลับแอ็กชั่นระดับตำนาน แฟน ๆ และผู้ชมหลายคนทั่วโลกต่างอดทนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อกับการกลับมาครั้งใหม่ของภารกิจที่ 'เป็นไปไม่ได้' ซึ่งหลังจากการเผชิญหน้ากับศัตรูสุดคาดคิดอย่างระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ 'Entity' เป็นครั้งแรกในภาคที่แล้ว Dead Reckoning (2023) กลับมาในปีนี้ Ethan Hunt (อีธาน ฮันท์) และเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการ Impossible Missions Force (IMF) ต้องกลับมาปฏิบัติภารกิจสุดอันตรายอีกครั้ง เมื่อโลกยังหนีไม่พ้นจากภัยคุกคามครั้งใหญ่ พร้อมกับมีประชากรคนทั้งโลกเป็นเดิมพัน พวกเขาต้องรับมือกับระบบปัญญาประดิษฐ์มรณะที่หมายมั่นจะจัดระเบียบโลกใหม่ในแบบของตัวเอง ท่ามกลางเวลาที่กำลังนับถอยหลัง ภารกิจนี้จึงเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของ อีธาน ฮันท์ และทีม IMF ที่ในเวลานี้ มันจะพลาดไม่ได้ใน Mission: Impossible – The Final Reckoning มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ https://pbs.twimg.com/media/Gn7tpfDWMAEXHO-?format=jpg&name=large Mission: Impossible – The Final Reckoning มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ ภาพยนตร์ลำดับที่ 8 ของแฟรนไชส์ภารกิจเสี่ยงตาย Mission: Impossible มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล อำนวยการสร้างและนำแสดงโดยนักแสดงแอ็กชั่นแถวหน้าของวงการอย่าง Tom Cruise (ทอม ครูซ) กับภาคที่เล่าขานว่าเป็นการปิดตำนานของแฟรนไชส์ที่โลดแล่นบนจอภาพยนตร์มาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี เล่าเรื่องราวต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว Dead Reckoning (2023) เมื่อภารกิจของ อีธาน ฮันท์ (ทอม ครูซ) ยังไม่เสร็จสิ้น อีธาน และทีม IMF จึงต้องแข่งขันกับเวลาเพื่อหยุดยั้ง Gabriel (Esai Morales) ศัตรูจากอดีตของเขา พร้อมทั้งค้นหาและทำลาย 'Entity' ระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์มรณะที่หวังจะเปลี่ยนแปลงระเบียบของโลกใหม่ไปตลอดกาล แอ็กชั่นแทบหยุดหายใจ ตื่นเต้นระทึกทุกวินาที หากคุณคิดว่าภารกิจสุดเสี่ยงตายของ อีธาน ฮันท์ ในภาคที่แล้ว Mission: Impossible – Dead Reckoning (2023) กับการขับมอเตอร์ไซค์วิบากพุ่งลงจากหน้าผาสูง คือ สุดยอดของความบ้าระห่ำแล้ว 'คุณอาจจะต้องคิดใหม่!' เพราะการกลับมาครั้งนี้ใน Mission: Impossible – The Final Reckoning ได้นำพาภารกิจเสี่ยงตายของ อีธาน ให้พุ่งทะลุขีดจำกัดของความบ้าระห่ำขึ้นไปอีกขั้น จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความท้าทายที่ ‘เป็นไปไม่ได้’ อย่างแท้จริง โดยเฉพาะ 'ภารกิจใต้น้ำทะเลลึก' ที่ อีธาน ฮันท์ ต้องดำดิ่งลงไปในน้ำที่เย็นจัด ฉากนี้เผยให้เห็นถึงความอันตรายที่ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาทีที่เขาใช้อยู่เวลาใต้น้ำนานขึ้น กลายเป็นการเดิมพันเอาชีวิตรอดที่แทบจะ ‘เป็นไปไม่ได้’ ซึ่งด้วยบรรยากาศอันตึงเครียดจากแรงดันใต้น้ำมหาศาล ทำให้ฉากเสี่ยงตายใต้น้ำของ อีธาน ที่กินเวลานานเกือบ 1 ชั่วโมงกลายเป็นหนึ่งในฉากแอ็กชั่นที่ลุ้นระทึกจนไม่มีใครสามารถละสายตาไปได้เลย ในขณะที่ฉากผาดโผนที่เป็นดั่งจุดไคลแม็กซ์ของภาพยนตร์ คือ 'ฉากผาดโผนกลางอากาศ' อันน่าทึ่งที่ซึ่ง อีธาน ฮันท์ ต้องเกาะปีกเครื่องบินปีกสองชั้นในระดับความสูงกว่า 10,000 ฟุต ซึ่งแทบจะท้าทายขีดจำกัดของฉากแอ็กชั่น แต่ก็นำมาซึ่งความมันส์และความบ้าระห่ำระดับสุดขีดที่เรามักจะได้เห็นว่า การเผชิญหน้ากับความสูงเป็นของคู่กันกับพระเอก ทอม ครูซ ที่ขาดไปไม่ได้เลย นี่ถือเป็นอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ ทอม ครูซ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทำไมเขาถึงเป็นหนึ่งในนักแสดงแอ็กชั่นที่ทุ่มเทที่สุดของโลกกับการแสดงฉากผาดโผนที่ท้าทายขอบเขตการแสดงจริงแบบไม่พึ่ง CGI แต่เลือกใช้ทักษะ และความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า จนนำไปสู่ฉากแอ็กชั่นที่ทรงพลัง น่าประทับใจ และลุ้นระทึกที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์และกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ในแฟรนไชส์สายลับแอ็กชั่นระดับโลก Mission: Impossible ดำดิ่งไปกับอารมณ์ที่บีบคั้นที่สุดในแฟรนไชส์ การกลับมาในครั้งนี้ของ Mission: Impossible – The Final Reckoning ได้มอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากทุกภาคที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ภาค The Final Reckoning นี้มีความพิเศษมากกว่าใคร เพราะในขณะที่ภาคก่อน ๆ ผสมผสานฉากแอ็กชั่นสุดเข้มข้นเข้ากับการผจญภัยที่สนุกสนานได้อย่างลงตัว The Final Reckoning กลับเลือกนำเสนออารมณ์ที่จริงจัง มืดหม่นและบีบคั้นมากยิ่งขึ้น เรื่องราวขับเคลื่อนด้วยภารกิจที่เกี่ยวพันกับหายนะระดับโลกและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ซึ่งมีอยู่ทุกหนทุกแห่งและแทบจะหยุดยั้งไม่ได้จาก 'Entity' ระบบปัญญาประดิษฐ์มรณะที่หมายมั่นจะพลิกโฉมโลกอย่างสิ้นเชิง ความหวาดกลัวและความสิ้นหวังจึงเริ่มแผ่ขยายให้เห็นกันตลอดทั้งเรื่อง และนำไปสู่อารมณ์ที่หนักแน่นทั้งในด้านเนื้อเรื่องและบรรยากาศของภาพยนตร์ แต่อย่างไรก็ตาม การเรียบเรียงบทที่ซับซ้อนและหนักหน่วงจนเกินไปแบบนี้ก็อาจกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ในบางช่วงของภาพยนตร์มีจังหวะสะดุด ขาดความต่อเนื่อง และส่งผลให้ฉากสำคัญบางฉากไม่สามารถทำหน้าที่มอบความบันเทิงให้แก่ผู้ชมได้อย่างเต็มที่ บทสรุปการเดินทางที่ยาวนานเกือบ 30 ปี https://pbs.twimg.com/media/Gq7H3yTWoAAIcIv?format=jpg&name=4096x4096 นอกจากจะเป็นภาคที่ทะเยอทะยานในด้านฉากแอ็กชั่นสุดผาดโผนแล้ว Mission: Impossible – The Final Reckoning ยังได้เผยให้เห็นถึงอดีตของ อีธาน ฮันท์ ความสำคัญของภารกิจที่เขาเคยเผชิญ และผลกระทบจากทุกทางเลือกที่เขาตัดสินใจนับตั้งแต่ภาพยนตร์ภาคแรกในปี 1996 จนถึงภาคล่าสุดที่ทำให้เขากลายเป็นเขาในทุกวันนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงการเดินทางอย่างยาวนานมาเกือบสามทศวรรษของ อีธาน และเช่นเดียวกับ ทอม ครูซ ในแฟรนไชส์ที่นับวันจะทวีความเข้มข้นและบ้าระห่ำขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยใจความสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า 'ทุกทางเลือกของ อีธาน ได้นำพาเขามาสู่จุดนี้' จุดที่โลกต้องพึ่งพาเขาเพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามครั้งใหญ่ ทำให้ไม่แปลกใจเลย หากนี่จะเป็นบทอำลาการเดินทางครั้งสุดท้ายของสายลับในตำนานอย่าง อีธาน ฮันท์ เพราะ The Final Reckoning ได้มอบบทสรุปที่ทรงพลัง สมศักดิ์ศรี และคุ้มค่าแก่การเป็นปลายทางของแฟรนไชส์ระดับโลกได้อย่างยอดเยี่ยม ภารกิจส่งท้ายที่ยิ่งใหญ่ของ 'อีธาน ฮันท์' "I need you to trust me...one last time." (ขอให้เชื่อใจฉัน...เป็นครั้งสุดท้าย) - อีธาน ฮันท์ - นักแสดงแอ็กชั่นแถวหน้าของวงการ ทอม ครูซ กลับมาสวมบทบาทที่สร้างชื่อให้เขากลายเป็นตำนานอีกครั้งในวัย 60+ และแน่นอนกับการแสดงฉากเสี่ยงตายทั้งหมดด้วยตนเอง! ในบทบาทสายลับ IMF อย่าง อีธาน ฮันท์ ที่ซึ่ง ทอม ครูซ ยังคงถ่ายทอดตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย แต่ในครั้งนี้มีมิติใหม่ที่แตกต่าง เพราะ ด้วยภารกิจสุดท้ายของเขาที่แทบจะกลายเป็นเรื่องส่วนตัว จึงทำให้ครั้งนี้ อีธาน แสดงความเปราะบางทางอารมณ์ออกมามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันที่เขาต้องเผชิญเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แม้ว่ามันจะดู 'เป็นไปไม่ได้' ก็ตาม ด้วยการผสมผสานระหว่างฉากแอ็กชั่นสุดผาดโผนและการแสดงทางอารมณ์ที่หนักแน่น Mission: Impossible – The Final Reckoning จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า ทอม ครูซ ยังคงเป็นนักแสดงแอ็กชั่นที่ทุ่มเทที่สุดคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ สองตัวละครสมทบที่ขาดไปไม่ได้ในแฟรนไชส์อย่าง Luther Stickell เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคผู้ที่ปรากฎตัวมาในทุกภาคของแฟรนไชส์ รับบทโดย Ving Rhames (จาก Pulp Fiction) และ Benji Dunn เจ้าหน้าที่ภาคสนามสุดวายป่วง รับบทโดย Simon Pegg (จาก Star Trek) ก็กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งในภารกิจล่าสุดของ อีธาน แม้ว่าบทบาทของพวกเขาจะสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีก แต่ทั้งคู่ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญที่เป็นหัวใจสำคัญของภารกิจ ซึ่งนอกจากความสามารถในการช่วยเหลือภารกิจ อีธาน อย่างเต็มที่ มิตรภาพระหว่างพวกเขาทั้งสองและ อีธาน ยังช่วยเติมเต็มอารมณ์ของภาพยนตร์ได้อย่างลึกซึ้ง และทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความผูกพันอันงดงามของตัวละครที่อยู่คู่กับแฟรนไชส์มาอย่างยาวนาน หนึ่งในตัวละครหน้าใหม่ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ภาคที่แล้ว Dead Reckoning (2023) อย่าง Grace อดีตหัวขโมยสาวสู่เจ้าหน้าที่สายลับ IMF แบบเต็มตัว รับบทโดย Hayley Atwell (จาก Captain America: The First Avenger) การกลับมาของเธอได้นำมาซึ่งบทบาทที่โดดเด่นและมีส่วนสำคัญในภารกิจ พร้อมทั้งเสริมมิติทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งให้กับชีวิตส่วนตัวของ อีธาน มากขึ้น ในขณะเดียวกัน Paris นักฆ่าสาวที่เคยเป็นวายร้ายแต่กลับใจมาร่วมทีมกับ อีธาน รับบทโดย Pom Klementieff (จาก Guardians of the Galaxy Vol. 2) ซึ่งการเข้าร่วมทีมของเธอในครั้งนี้ได้ทำให้ภารกิจในภาคนี้มีสีสันและความเข้มข้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับ ตัวละคร Theo Degas เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมทีมของ อีธาน ด้วย รับบทโดย Greg Tarzan Davis (จาก Top Gun: Maverick) และแม้ว่าบทบาทของเขาจะไม่ได้ลึกซึ้งเท่าตัวละครอื่น ๆ แต่ก็ช่วยเติมเต็มบรรยากาศใหม่ ๆ ที่หลากหลายให้กับทีม หนึ่งในวายร้ายที่กลับมาสร้างความปั่นป่วนอีกครั้งจากภาคที่แล้ว Dead Reckoning (2023) คือ Gabriel ศัตรูตัวฉกาจในอดีตของ อีธาน ฮันท์ รับบทโดย Esai Morales (จาก Titans) การแสดงของเขาใน The Final Reckoning ยังคงเข้มข้นและเหี้ยมโหด และทำให้เขากลายเป็นคู่ปรับที่น่าเกรงขามไม่แพ้ Solomon Lane หัวหน้ากลุ่มองค์กรลับ Syndicate จาก Mission: Impossible – Rogue Nation (2015) แม้แต่น้อย ในขณะที่นักแสดง Henry Czerny (จาก Ready or Not) กลับมารับบทเป็น Eugene Kittridge อดีตผู้บัญชาการ IMF อีกครั้งจากภาคแรกในปี 1996 การกลับมาของเขาช่วยเพิ่มความซับซ้อนให้กับภารกิจครั้งนี้ เช่นเดียวกับนักแสดง Shea Whigham (จาก Kong: Skull Island) ในบทบาท Jasper Briggs เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ผู้ตามไล่ล่า อีธาน อย่างไม่ลดละ ทั้งสองตัวละครนี้เข้ามาเติมเต็มความเข้มข้นของเรื่องราวและมีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตของ อีธาน ที่ซึ่งช่วยทำให้มิติของเรื่องราวมีความลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม โดยสรุป Mission: Impossible – The Final Reckoning มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ คือ ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อีธาน ฮันท์ กับการปกป้องโลกด้วยภารกิจที่ 'เป็นไปไม่ได้' แม้ว่าเรื่องราวอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก แต่ด้วยฉากแอ็กชั่นผาดโผนสุดลุ้นระทึก เรื่องราวที่เข้มข้นอย่างสมจริง และตัวละครนำอันเป็นที่รัก ก็ทำให้ The Final Reckoning ถือเป็นการอำลาการเดินทางของ อีธาน ฮันท์ อย่างสมเกียรติ พร้อมทั้งปิดฉากแฟรนไชส์สายลับระดับโลกได้อย่างน่าประทับใจเป็นที่สุด 10/10 - The Final 'Impossible' Mission https://www.youtube.com/watch?v=fsQgc9pCyDU&t=16s Mission: Impossible – The Final Reckoning มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ บทความที่เกี่ยวข้อง REVIEW! MISSION: IMPOSSIBLE – Dead Reckoning (2023) ปฏิบัติการเสี่ยงตายสะท้านโลก MISSION: IMPOSSIBLE IV - VI: Tom Cruise กับการก้าวกระโดดของแฟรนไชส์อย่างบ้าระห่ำ! MISSION: IMPOSSIBLE I - III: Tom Cruise กับจุดเริ่มต้นของภารกิจที่ 'เป็นไปไม่ได้'! ขอบคุณข้อมูล รูปภาพและวิดีโอ ภาพปก | ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2(ซ้าย, ขวา) | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 8 | ภาพประกอบที่ 9(ซ้าย, กลาง, ขวา) จาก Official X Mission: Impossible คลิปวิดีโอจาก YouTube: Paramount Pictures เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !