In My MemoriesHyde Jekyll,Me : รักสามเส้าเราสองคน (2015)ยอมรับในสิ่งที่เป็น เมื่อเลือกที่จะอยู่กับสิ่งที่เป็น เพราะนั่นคือตัวตนที่แท้จริงเรื่องของ Dr.Jekyll And Mr.Hyde ได้ถูกบอกเล่าผ่านหนังมามากมายหลายครั้งซึ่งโดยมากมักจะเป็นแนวไซไฟวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเมื่อมีนายแพทย์นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคิดค้นยาประหลาดที่ทำให้ตัวตนอีกด้านที่ถูกซ่อนไว้ได้ออกมาซ่า จนกระทั่งการมาถึงของหนังสุดจิตของ M. Night Shyamalan อย่าง Split (2016) ซึ่งความจริงก็คือคนละเรื่องเรื่องเดียวกันกับเรื่องที่ว่าแต่ภาพที่ออกมาคือการเล่าถึงอาการป่วยของคนที่เป็นโรคหลายบุคลิกที่มาในแบบหลอนๆและบันเทิงในรูปแบบหนังกระตุกจิต แล้วถ้าเรื่องของคนที่มีตัวตอนสองคนอยู่ในร่างเดียวเป็นโรคหลายบุคลิกแบบนี้มาอยู่ในละครเกาหลีก็น่าสนใจไปอีกว่าจะออกมาเป็นยังไง แถมที่น่าตกใจคือละครเรื่องนี้ออกมาก่อนหนังเรื่องที่ว่ามาหนึ่งปีเลยกลายเป็นว่าเรื่องของโรคหลายบุคลิกแบบนี้ในต่างประเทศมีการกล่าวถึงอ้างอิงกันมานานพอดู แล้วยิ่งนักแสดงที่มีเล่นเป็นคนที่มีหลายบุคลิกแบบนี้คือระดับฮยอนบินที่โคจรมาพบกับขวัญใจดูไปบ่นไปอย่างฮันจีมินก็เลยกลายเป็นละครที่น่าดูในตอนที่ดูตอนนั้นกูซอจิน (ฮยอนบิน) คือทายาทเศรษฐีที่เป็นผู้ดูแลและบริหารสวนสนุกและเป็นหนุ่มหล่อโก้หรูแต่ใจแคบ วันหนึ่งกูซอจินตกอยู่ในอันตรายจากกอริลลาหลุดแล้วถูกจางฮานา (ฮันจีมิน) ที่เคยดูแลกอริลลาตัวนั้นช่วยไว้ ทว่าเหตุการณ์วุ่นวายในสวนสนุกก็มีมาบ่อยๆจนมีครั้งหนึ่งที่อันตรายมาหาจางฮานาบ้างแต่เธอก็ถูกช่วยไว้โดยกูซอจินผู้บริหารคนเดียวกันที่กำลังจะไล่คณะละครสัตว์ของเธอออก แต่ความรู้สึกของจางฮานากลับดูแปลกเพราะการถูกช่วยชีวิตครั้งนี้เหมือนถูกช่วยไว้โดยกูซอจินแต่ก็เหมือนไม่ใช่กูซอจินจนเธอพบว่ากูซอจินมีอีกหนึ่งตัวตนที่ซ่อนไว้ เพราะกูซอจินต้องเข้ารับการรักษาโรคหลายบุคลิกและอีกหนึ่งบุคลิกก็คือชายหนุ่มรูปงามแสนดีที่อบอุ่นที่เรียกตัวเองว่าโรบิน (ฮยอนบิน) แล้วเมื่อจางฮานาได้เห็นเหตุการณ์การลักพาตัวหมอที่รักษากูซอจินเขาจึงให้เธอมาพักที่คฤหาสน์ของตัวเองที่ระบบความปลอดภัยสูงเพื่อพิทักษ์พยาน แต่เมื่อการมาอยู่ร่วมกับกูซอจินและโรบินสองคนในร่างเดียวในสถานที่เดียวกันของจางฮานาก็ทำให้คนสองคนแต่ร่างเดียวตกหลุมรักเธอแล้วความรักสามเส้าระหว่างคนสองคนก็เริ่มขึ้นไอเดียน่าสนใจที่น่าจะออกมาโทนเบาสบายแต่ยังมีความขึงขังได้อยู่ ออกตัวก่อนว่าผู้เขียนดูเรื่องนี้หลังจากที่ตกหลุมรักฮันจีมินและพยายามตามดูงานเก่าของเธอซึ่งก็หมายความว่าผู้เขียนดูเรื่องนี้ในเวลาที่ผ่านไปพอประมาณทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไปทั้งเรื่องเทคนิคและชั้นเชิงเพราะละครเกาหลีไปไวมากกับเรื่องแบบนี้ ซึ่งถ้ามองที่ละครเรื่องนี้ถ้าดูเมื่อปีที่ออกฉายความรู้สึกคนดูที่จะยังมีคือความที่ยังมีบางอย่างไม่กลมกล่อม แต่ถ้าว่ากันที่ไอเดียถือว่าได้เมื่อตอนนั้นเรื่องแบบนี้ในละครทีวีและออกมาเป็นรอมคอมน่ารักๆประมาณนี้ถือว่าเป็นของใหม่ เพราะเรื่องของการสร้างตัวตนมาปกปิดบาดแผลจนป่วยและถูกอธิบายได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้แบบนี้คือความแหวกแน่นอนและมันคือน้ำหนักที่ทำให้เรื่องไม่กลวง แล้วการเพิ่มความขัดแย้งในตัวเองของสองคนในร่างเดียวที่ต้องถูกหลอมรวมด้วยความรักจากหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวแบบนี้เอื้อเหลือเกินที่จะออกมาเป็นโรแมนติกล้ำหน้าจนออกเลี่ยน ทว่าบทละครของเรื่องนี้ยังมีความขึงขังเมื่อยังที่การสืบหาความจริงเข้มๆมาตัดบ้างทำให้เหมือนจะเบาแต่ก็ยังมีตึงๆแต่ด้วยความที่จำนวนตอนมากไปทำให้มีความเนือยจนกลายเป็นบาดแผล ซึ่งหนึ่งในแผลนั้นคือความที่เรื่องแบบนี้มีตอนจบที่เป็นภาคบังคับคือสองคนในร่างเดียวจะต้องมีหนึ่งคนสูญสลายไปเพราะอีกคนหรืออีกหนึ่งบุคลิกได้เปลี่ยนแปลงจากข้างในแล้ว และกลายเป็นเรื่องเดินทางเป็นเส้นตรงเกินไปไม่มีความพลิกผันในเรื่องหลักแต่ที่ยังทำให้มัดใจคนดูได้คือรายละเอียดเรื่องของความรักเรื่องของอดีตที่สร้างบาดแผล ที่ยังออกมาอย่างแข็งแรงพร้อมกับเรื่องของการลักพาตัวหมอที่รักษาเพราะเหตุผลเดิมๆของเรื่องแนวนี้คือการแย่งชิงบริษัทที่เป็นความเข้มที่ใส่เข้ามาให้มีความพลิกผันบ้างในเรื่องรอง จนเมื่อปริศนาทุกอย่างคลี่คลายที่จะว่าไปก็ฉลาดเล่นเมื่อเลือกจบลงในเวลาอันควรแล้วปล่อยเวลาที่เหลือในตอนท้ายให้พยายามค้นพบหรืออยู่ร่วมกันของสองคนในรางเดียวโดยมีหญิงอันเป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียวอยู่เคียงข้าง ทว่าเมื่อเรื่องถูกเล่ายาวไปด้วยจำนวนยี่สิบตอนทำให้เห็นชัดว่าบางช่วงเหมือนไม่มีอะไรเล่นเลยใส่ตัวละครอูจองของฮเยริเข้ามาจนดูออกว่าพยายามหาที่ทางให้ฮเยริขึ้นจอเพราะถ้าลองนึกให้ดีตัวละครนี้ไม่มีเรื่องก็ไม่เสียแต่กลายเป็นว่าประเด็นหลักและรองที่ถูกเล่าได้ใจคนดู ถ้าว่ากันที่ส่วนตัวผู้เขียนชอบประเด็นหลักที่ว่าด้วยเรื่องอดีตที่สร้างแผลในใจที่ยากเยียวยาให้เกิดอาการป่วยทางจิตด้วยการสร้างบุคลิกที่ตรงข้ามออกมามีตัวตนอีกตัวตนหนึ่งเพื่อปกป้องตัวตนและปกป้องความรู้สึกผิดของตัวเอง ซึ่งถูกเล่าผ่านการอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์มีการสร้างตรรกะและเหตุผลรองรับอย่างน่าเชื่อถือทำให้คนดูอีกมากได้รู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่มีแค่ในนิยายวิทยาศาสตร์ รวมถึงการต่อสู้กันของตัวตนที่แตกต่างของคนคนเดียวกันที่ฉากหน้าอาจจะเป็นเพราะรักผู้หญิงคนเดียวกันแต่แท้จริงแล้วมันคือความต้องการการยอมรับ ทั้งโรบินที่ต้องการการมีตัวตนอยู่บนโลกเพราะเขาคือบุคลิกที่ถูกสร้างขึ้นมาที่คล้ายคนไม่สำคัญแต่เขาคือคนที่เอาชนะใจจางฮานา แต่กูซอจินนั้นอาจจะมีตัวตนที่เป็นคนสำคัญในความเป็นจริงแต่กลับแทบไร้ตัวตนในความรักของจางฮานาซึ่งกูซอจินก็ต้องการความรักจึงพยายามอย่างมากในช่วงท้ายที่ทำให้สี่ตอนสุดท้ายเป็นความหวานและสีชมพูที่มีอะไรให้ได้สัมผัส คือหวานแบบไม่กลวงทำให้เรื่องทั้งหมดในภาพรวมคือความน่าประทับใจเป็นอีกครั้งที่เสน่ห์ของนักแสดงช่วยยกระดับความสนุกและบันเทิงจนกลายเป็นงานในความทรงจำ เพราะทั้งฮันจีมินและฮยอนบินปล่อยพลังออกมาจนคนดูละลานตาซึ่งฮันจีมินสามารถทำให้เชื่อได้ว่าเป็นหญิงสาวที่น่ารักและมีเสน่ห์พอที่ให้โรบินรัก ด้วยสายตาเปี่ยมความหวังดีไม่มีที่สิ้นสุดแม้จะถูกทำร้ายจิตใจซ้ำๆจากกูซอจินแต่การแสดงของเธอทำให้เห็นว่าเธอคือคนที่ไม่สิ้นพลังแห่งความหวังดีและเป็นเหตุให้หัวใจของกูซอจินละลายได้ อาจไม่เฉียบขาดเหมือนงานในช่วงหลังๆหรือในปัจจุบันแต่ก็จัดจ้านพอตัวและน่าจดจำ แต่ที่เป็นที่น่าจดจำยิ่งกว่าคือฮยอนบินที่บทส่งมากเพราะนอกจากจะหล่อแล้วมิติตัวละครยังสูงเพราะเขาต้องแสดงออกมาสองบุคลิกทั้งเย็นชาและอบอุ่นใจแคบและใจกว้างก่อนพัฒนามาเป็นลำดับตามความเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ซึ่งการสลับไปสลับมานั้นฮยอนบินถ่ายทอดออกมาอย่างเนียนตาน่าเชื่อถือทั้งสองบุคลิกและที่สำคัญคือเสน่ห์และการเข้าคู่กับฮันจีมินได้อย่างลงตัวที่สุดจนทำให้ตอนท้ายๆโลกกลายเป็นสีชมพู และเป็นอีกครั้งที่คงต้องยืนยันว่าพลังดาราคือส่วนที่ทำให้ตัวเรื่องมีเสน่ห์ขึ้นอีกมากอาจไม่ใช่งานที่เนี้ยบนิ้งแต่ปิ๊งเพราะเสน่ห์นักแสดงที่มอบอารมณ์หลากหลาย อาจเพราะเป็นงานเก่าหลายปีผ่านมาได้ดูหลังจากนั้นแต่ก็นับว่าได้มาตรฐานด้วยความสนุกที่มาพร้อมอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งขำขันสืบสวนค้นหาความจริงแบบลุ้นๆรวมไปถึงโรแมนติกที่ทุกส่วนถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีทำให้ดูสนุก อาจมีแหว่งไปบ้างด้านความซาบซึ้งที่เห็นว่ามีแต่ไม่ชัดเพราะคนดูรู้ทางของเรื่องไปแล้ว และเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าการวางตัวนักแสดงและการแสดงของนักแสดงเกาหลีที่เรื่องนี้ถือว่าเป็นการจับคู่ในฝันมีผลอย่างมากกับคนดู เพราะเคมีที่เข้ากันระหว่างสองนักแสดงนำที่ความจริงเอาใครมาเล่นก็คงได้แต่เมื่อนักแสดงอย่างฮยอนบินและฮันจีมินมารับบทกลายเป็นจินตนาการไม่ออกว่าใครจะมาเล่นแทนได้ กระนั้นเรื่องนี้ที่ออกฉายในตอนนั้นยังมีความห่างของนักแสดงนำกับนักแสดงสมทบให้เห็นกันบ้างแต่ก็สัมผัสได้ว่ามาจากบทที่ชูสองนักแสดงนำทำให้นักแสดงสมทบกลายเป็นจุดบกพร่อง แต่เมื่อจะชูนักแสดงนำแล้วสองพระนางก็รับผิดชอบสิ่งที่บทต้องการจากเขาและเธอได้สมบูรณ์ก็ทำให้เรื่องนี้กลายมาเป็นงานที่อยู่ในความทรงจำได้ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก programs.sbs.co.kr หมายเหตุ ผู้เขียน "ดูไปบ่นไป" คือบึคคลเดียวกับ Facebook Fanpage ดูไปบ่นไป ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้รีวิวจัดเต็ม Crash Landing On You : ปักหมุดรักฉุกเฉิน (2019) พลังรักเหนือพรหมแดน สวยงาม และนิรันดร์รีวิวจัดเต็ม The Light In Your Eyes : ย้อนเวลารัก (2019) "เวลาและความทรงจำ" เวลาอาจไม่หวนกลับ แต่ความทรงจำจะไม่เลือนหายรีวิวจัดเต็ม One Spring Night : สายใยคืนใบไม้ผลิ (2019) เพราะความรักไร้ทฤษฎี บางครั้งอาจดูหมิ่นเหม่ แต่บางทีก็น่าเห็นใจรีวิวจัดเต็ม Familiar Wife คนคุ้นใจ (2018) บทเรียนและความต่างของ "ชีวิตคู่" กับ "คู่ชีวิต"รีวิวจัดเต็ม Our Blues : เวลาสีฟ้าหม่น (2022) "เราไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้เพื่อทรมานหรือเป็นทุกข์" จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !