"นาจา 2" ยังโชว์แกร่งต่อ พลิกกลับมาขึ้นที่ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศจีนได้อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังที่ออกฉายมาตั้งแต่ช่วงวันตรุษจีน ผ่านล่วงเวลาไปแล้วกว่าสิบสัปดาห์ แต่สถานการณ์บ็อกซ์ออฟฟิศเมืองจีน อะไรก็เกิดขึ้นได้ กลายเป็นว่าสุดสัปดาห์กลางเดือนเมษายนปีนี้ แชมป์หนังกลับมาเป็นของ "Ne Zha 2" อีกครั้ง หลังจากร่นถอยให้หนังใหม่ ๆ ขึ้นมาแทนที่ไปได้ 2-3 สัปดาห์ก่อน แต่วีคนี้พลังแห่งนาจาก็กลับมาเพียงพอที่จะขึ้นเป็นแชมป์หนังแผ่นดินใหญ่ได้อีกครั้ง
ตามรายงานระบุว่า บ็อกซ์ออฟฟิศเมืองจีนในช่วงกลางเดือนเมษายนยังคงค่อนเหงาอยู่เบา ๆ เพราะดูเหมือนว่ากำลังชาร์จพลังเต็มที่เพื่อเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวครั้งไป วันแรงงาน ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ที่จะเป็นวันหยุดต่อเนื่องถึง 5 วันรวด ทำให้ความร้อนแรงของวงการหนังในเมืองจีนยังกักเก็บเตรียมไว้ปล่อยของในช่วงวันแรงงานนั่นเอง
แต่นั่นก็กลายเป็นว่า นาจา 2 สามารถพลิกกลับขึ้นมาแชมป์หนังในจีนได้อีก กับรายได้เพิ่มอีก 28.9 ล้านยวน (หรือ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ที่เพียงพอที่จะกลับขึ้นเป็นที่ 1 ได้อีกหน ปัจจุบันหนังฟันรายได้รวมไปได้แล้วกว่า 2.11 พันล้านเหรียญ หลังจากออกฉายเข้าสู่สัปดาห์ที่ 12 และยังคงเดินหน้าเก็บรายได้ต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้
โดยล่าสุด นาจา 2 ได้ฤกษ์บุกไปเปิดตลาดหนังฝั่งยุโรปอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้หนังยังมีช่องทางที่จะเพิ่มรายได้เข้ามาอีกทาง แม้ว่าในฉบับฝั่งยุโรปจะเป็นการฉายในรูปแบบพากย์อังกฤษเป็นหลักก็ตาม และในหลาย ๆ หัวเมืองใหญ่ก็จัดได้ว่าเป็นการนำเข้าฉายหนังจีนเรื่องแรกในรอบ ๆ หลายปีของประเทศนั้น ๆ ด้วย ซึ่งบัดนี้หนังก็ยังคงครองตำแหน่งรายได้ทั่วโลกสูงสุดในปี 2025 อยู่ต่อไป
รองแชมป์บนบ็อกซ์ออฟฟิศเมืองจีนวีคนี้เป็นแชมป์เก่าที่ร่วงลงมา "We Girls" หนังอาชญากรรมเพื่อนหญิงพลังหญิง สไตล์ 4 คิงส์แต่เป็นเวอร์ชันผู้หญิงของจีน ที่ได้นางเอกสาว "จ้าวลี่อิ่ง" แสดงนำ ทำรายได้เพิ่มไปอีก 3.8 ล้านเหรียสหรัฐฯ กับกระแสคำวิจารณ์ดีใช้ได้ดีเดียว ทางด้าน "A Minecraft Movie" เก็บไปอีก 2.9 ล้านเหรียญ อยู่ในอันดับที่ 3 กับยอดรวมในจีนที่ 24.2 ล้านเหรียญ แม้ว่าในอเมริกาจะปังสุด ๆ แต่ที่จีนกลับเฉย ๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะกระแสสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของบ็อกซ์ออฟฟิศเมืองจีนในปีนี้ ที่ล่วงเลยผ่านมากว่า 4 เดือนแล้ว สะสมรายได้เอาไว้ที่ 3.51 พันล้านเหรียญ ที่ถือว่าสถานการณ์ยังค่อนข้างไล่ตามหลังอยู่พอประมาณ ติดลบอยู่ที่ -39% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 คงจะต้องจับตาดูว่าในช่วงวันหยุดยาววันแรงงานที่จะถึงนี้ วงการหนังจีนจะมีทีเด็ดอะไรออกมากระตุ้นได้หรือไม่