หากใครรู้สึกเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายกับชีวิต รู้สึกว่าอยากจะยอมแพ้กับทุกอย่างและหมดกำลังใจที่จะเดินไปต่อ ผมอยากให้คุณได้รู้จักกับ Eddie the Eagle ชายผู้ไม่เคยยอมแพ้… วันนี้ “ห้องสี่เหลี่ยม” อยากจะมาแบ่งปันแนวคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่อง Eddie the Eagle ซึ่งผมเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้ในการต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต ดังนี้1.ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ Eddie เป็นคนที่มีความฝันตั้งแต่เด็ก เขาอยากจะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก และเขาไม่ได้เพียงแค่คิดฝันกลางวัน เพ้อเจ้อแบบเด็กคนอื่น เขาลงมือทำ! และพยายามค้นหาว่าเขาจะเป็นนักกีฬาอะไรได้บ้าง เมื่อเขาได้มาค้นพบว่าเขาอยากจะเป็น “นักกีฬาสกีกระโดด” เขาก็บอกลาพ่อและแม่ของเขา มุ่งหน้าไปยังเยอรมัน ซึ่งเป็นค่ายฝึกหัดสำหรับนักสกี ในสมัยนั้น สิ่งที่ Eddie ทำทุกวันนั่นก็คือ การกระโดดมาจากที่สูง โดยไม่มีใครมาสอนเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเจ็บตัวจากการกระโดดทุกครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยที่จะหยุดฝึกฝนมันเลย...2.ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา ถ้าใครเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ จะรู้ว่าดีว่า Eddie ถูกปฏิเสธเยอะมาก! และผมคิดว่าชีวิตจริงของเขาก็คงจะถูกปฏิเสธเยอะกว่าที่ภาพยนตร์นำมาถ่ายทอดซะอีก แต่ Eddie ไม่เคยนำมาใส่ใจของเขาเลย เขาฟังแต่เขาไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว หรือ ก้าวร้าว เขาบอกพ่อด้วยเหตุผล ซึ่งพ่อของเขาไม่อยากให้เขาเดินตามความฝัน เพราะกลัวว่าลูกของตนเองจะไม่มีงานทำ อีกทั้งสมาคมนักกีฬาโอลิมปิก ก็ปฏิเสธ เพียงเพราะไม่เห็นศักยภาพของเขา มีแต่แม่ของเขาเท่านั้นที่เข้าใจและสนับสนุน...3.ล้มแล้วก็ลุก ถ้าใครที่เคยดูจะจำได้ดีว่า Eddie ขึ้นไปกระโดดในตำแหน่งที่สูง ซึ่งเขายังไม่พร้อม เพียงเพราะอยากจะพิสูจน์ให้คนที่ดูถูกเขานั้นดูว่าเขานั้นก็สามารถที่จะเป็นนักสกีกระโดดได้ แต่ทว่า…เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยแผล ฟกช้ำตามร่างกาย รวมทั้งใบหน้าอีกด้วย ซึ่งโค้ชของเขานั้นก็บอกเขาว่าให้ยอมแพ้และกลับบ้านไปซะ สิ่งที่ Eddie ทำก็คือลุกพรวดขึ้นมาแล้วบอกโค้ชว่าเราจะไปฝึกกัน!4.ไม่ยอมแพ้ Eddie ลงสนามแข่งขันทุกสนามแต่เขาทำคะแนนได้ไม่ค่อยดี ไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่ง หรือ เขาไม่สามารถที่จะเป็นนักกีฬาสกีกระโดดได้นะครับ แต่เป็นเพราะเขาเพิ่งเริ่มต้นแค่นั้นเอง ซึ่งเขามีเวลาเพียงแค่ 6 เดือนที่จะต้องพิสูจน์ให้กับใครหลาย ๆ คนว่าเขาสามารถที่จะไปแข่งโอลิมปิกได้! และชัยชนะของเขาก็มาถึง เขาได้เป็น นักสกีกระโดดคนแรกของประเทศอังกฤษ ด้วยความสูงโดยประมาณ 71.5 เมตร หากใครที่เคยดูและยังไม่เคยดู ผมอยากจะให้ทุกคนจำฉากสุดท้ายให้ดีที่ Eddie กระโดดในการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งเขาร้องสุดเสียง “อ้ากกกกกก” ซึ่งเป็นฉากที่พ่อแม่ โค้ช รวมถึงกองเชียร์ ต่างก็ตกใจ ตกตะลึงไปด้วย และผมรู้สึกว่าเป็นฉากที่เราได้ปลดปล่อยกับความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า ฯ ไปสู่ความสำเร็จของเรา ถ้าเราอดทนกับทุกสิ่งที่เราต้องเจอได้ ผมเชื่อว่าวันที่สดใสของเราจะมาถึงอย่างแน่นอน…ภาพหน้าปกโดย : IMDBภาพเนื้อหาทั้งหมดโดย : 20th Century Studios (Official Trailer)