สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ต่อไปจะเป็นการรีวิวซีรีส์ สำหรับผู้ที่ต้องการหาหนังฟีลแบบ mood and tone หม่น ๆ ซาวด์ประกอบดี ๆ ให้ความรู้สึกเศร้า คูล อึดอัด ตลกร้าย รู้สึกดี และรู้สึกมีชีวิตไปพร้อม ๆ กัน แนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ The End of the F***ing World SS 1 เป็นซีรีส์เรื่องโปรดในดวงใจของผู้เขียนเลยก็ว่าได้ ออกเป็นซีรี่ส์แนวคอมเมดี้สุดดาร์ก ให้ได้กลิ่นโรคจิตแบบจาง ๆ กับความรักแบบหม่น ๆ โดยเริ่มจากซีรีส์เรื่องนี้ ได้บอกเล่าเรื่องราวของ เจมส์ เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ผู้ที่มั่นใจว่าตัวเองมีอาการทางจิตและคิดวางแผนจะฆ่าคนครั้งแรก เพื่อชดเชยประสบการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก ได้เบื่อหน่ายกับชีวิตที่โรงเรียน และดันได้มาเจอ อลิสซา หญิงสาวผู้ไม่ชอบการเข้าสังคม ออกเป็นแนวขบถ High School แบบเท่ ๆ ปูเรื่องให้ทั้งสองได้มาพบกันในโรงเรียนเดียวกันค่ะหลังจากนั้น ทำให้ทั้งสองได้ตัดสินใจคบกัน ด้วยความที่เจมส์เป็นโรคจิต จึงทำให้เจมส์แกล้งคบเพื่อหวังจะฆ่าอลิสซา เมื่ออลิสซามีปัญหาทางครอบครัว เธอต้องการใครสักคนพาเธอหนีไปจากชีวิตในครอบครัว จึงได้ตัดสินใจหนีไปกับเจมส์ และยิ่งเข้าทางเจมส์ไปกันใหญ่กับแผนที่หวังจะฆ่าคนครั้งแรกนั่นเองค่ะ ตอนนี้จะให้ฟีลแบบ Road Trip ของวัยรุ่นที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง อยากทำอะไรก็ทำ และมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการเดินทาง ทำให้เกิดเป็นความรู้สึกระหว่างทางของ อลิสซา และ เจมส์ ด้วยเสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้ที่เคล้าซาวด์แทร็กแบบ Old Fashion กับความโรแมนติกที่ปรุงรสด้วยความโรคจิตแบบจาง ๆ และการแสดงของทั้ง อเล็กซ์ ลอว์เธอร์ (เจมส์) และ เจสสิกา บาร์เดน (อลิสซา) ก็จะทำให้เราอินไปกับความรักแบบเพี้ยน ๆ ของ The End of The F***ing World ได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะแต่เรื่องไม่ได้จบเพียงแค่สองคนวัยรุ่นหนีไปขับรถ เริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เพราะเนื้อหาในซีรีส์ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด เมื่ออยู่ ๆ ทั้งคู่ได้แอบเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เมื่อเจ้าของกลับมาบ้าน ทำให้อยู่ดี ๆ พวกเขาได้เข้าไปพัวพันกับการฆาตกรรมและจี้ปล้น จนต้องหนีการตามล่ากันหัวซุกหัวซุน ทำให้อลิสซาจึงตัดสินใจตามหาพ่อของเธอ และเรื่องราวดันตลกร้ายเมื่อเจมส์กับตกหลุมรักเหยื่อของตนเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นต้องติดตามดูที่ Netflix นะคะ ว่าเจมส์จะตัดสินใจฆ่าเธอหรือไม่ ซึ่งวันนี้เราก็สามารถรับชม Netflix ได้แล้ว ผ่านทางกล่อง True ID TV ค่ะโดยภาพรวมของซีรีส์เรื่องนี้ยาวแค่ประมาณตอนละ 25 นาทีเท่านั้นค่ะ ทำให้เราสามารถดูทั้งซีซันได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองค่ะ สรุปภาพรวม คือ เพลงดี บทดี นักแสดงเล่นดี ไม่ได้รู้สึกหวือหวาแต่ประทับใจอย่างบอกไม่ถูก มีความลุ้นและตื่นเต้นแบบนิด ๆ รู้สึกและอินไปกับตัวละครที่มีการเปลี่ยนแปลง ค่อย ๆ ไล่ระดับความรู้สึก การค้นหาตัวตนและความรู้สึกของตนเองเป็นเรื่องราวความรักแบบคลุกเคล้าไปกับเสียงหัวเราะ ร้องไห้ และโรคจิต โดยส่วนตัวแล้วชอบซาวด์แทร็กของเรื่องที่มาเพิ่มอารมณ์ของซีรีส์ได้เป็นอย่างดี กับสำเนียงของ เจสสิกา บาร์เดน (อลิสซา) มาก ให้ความรู้สึกแบบบริทิชที่ไม่ได้ดู Posh Up แต่ดูเท่แล้วติดหู โดยรวมมันคือซีรีส์ที่ต้องดูอีกเรื่องเลยค่ะ และเรื่องราวจะจบลงอย่างไรสามารถรับชมได้แล้วทาง Netflix ค่ะ เครดิตภาพทั้งหมด : netflix.com