หนังตะลุง ถือเป็นศิลปวัฒนธรรมด้านการแสดง ที่ให้ความบันเทิงเริงใจ แก่ผู้คนมากมาย เป็นที่นิยมมากในปักษ์ใต้ โดยหนังตะลุงแต่ละคณะนั้น จะมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นแตกต่างกันไป เพราะความสามารถของนายหนังตะลุงที่มีความเป็นเอกบุรุษเฉพาะตน ว่ากันว่า นายหนังตะลุง ชั้นบรมครู จะมีผลงานการเขียนบทหนังตะลุงจำนวนมาก ซึ่งเป็นความสามารถชั้นสูงที่หาตัวจับยาก มากกว่า 6,000 เรื่อง เพราะการเขียนบทหนังตะลุงนั้น นอกจากจะต้องอาศัยจินตนาการสูง และความสามารถในการเขียนบททั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ซึ่งเป็นวรรณศิลป์ชั้นสูง นายหนังตะลุง จะมีการสร้างตัวหนังตะลุง หรือตัวตลกหนังตะลุง ที่เป็นตัวละครประกอบการเล่าเรื่อง ให้มีลักษณะเฉพาะไว้เป็นตัวเด่นในคณะหนังของตน จังหวัดสงขลา มีนายหนังตะลุงมากมาย ที่มีความสามารถสูงและมีความเป็นครูในการถ่ายทอดวิชาการแสดงหนังตะลุง หนึ่งในนั้น คือ นายหนังตะลุง ฉิ้น ธรรมโฆษณ์ (ฉิ้น อรมุต ในชื่อเดิม) ในช่วงปี 2548-2549 ผู้เขียน ได้มีโอกาสไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ในฐานะนักวิจัย เพื่อศึกษาประยุกต์ตัวตลกหนังตะลุงไปใช้เป็นสื่อ ในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย โดยหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ก็เมตตา ให้ความรู้ เกี่ยวกับประวัติตัวตลกหนังตะลุง ที่ท่านได้สร้างขึ้น ชื่อ อ้ายโท่ง ซึ่งหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ได้สร้างอ้ายโท่ง ให้เป็นน้องชายอ้ายเท่ง ซึ่งเป็นตัวตลกหนังตะลุงเอก ที่นายหนังหลายคณะ นำไปแสดง โดยอ้ายโท่ง มักเรียกอ้ายเท่ง ด้วยสรรพนาม ว่า พี่เจ้า ซึ่งในภาษาคนปักษ์ใต้ หมายความถึง ผู้ที่เป็นพี่ และคำพูดว่า พี่เจ้า จะถูกนำไปใช้เชิงล้อเลียนแกมหยอก ขำขัน โดยลักษณะเด่นของอ้ายโท่ง คือ เป็นตัวตลก ที่พูดจาทำนองว่า จะพูดเรื่องหนึ่ง แต่กลับไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยใช้ลักษณะการเทียบเคียงการพูด เพื่อให้ผู้ฟังคล้อยตาม แต่ก็จบลงด้วยความไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่จะพูดกัน บทสนทนาของอ้ายโท่ง จึงถือสาหาความไม่ได้ เหมือนลักษณะของเด็ก แต่ก็ไม่เคยพูดให้ร้ายทำให้เกิดความเสียหายแก่ใคร ผู้เขียน ได้รบความรู้และได้นำตัวตลก "อ้ายโท่ง" ไปประยุกต์เป็นสื่อการสอนวิชาภาษาไทย ในลักษณะการสอนให้ผู้เรียนคิดเชิงสร้างสรรค์ จนสามารถสอบผ่านวิทยานิพนธ์ ในระดับดี ด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ความโดดเด่นของศิลปะการแสดงหนังตะลุงของหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ คือศิลปะการใช้ภาษา ผ่านตัวละครหนังตะลุง เพื่อให้ความบันเทิงเชิงพื้นบ้าน ที่สะท้อนภาพ ค่านิยม ความเชื่อ การเมืองการปกครองและวิถีชีวิตของชาวบ้าน และด้วยเกียรติประวัติด้านผลงานและคุณงามความดีของหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ก็ได้รับพระราชทาน ชื่อ หนังฉิ้น อรรถโฆษิต จากในหลวงรัชการที่ 9 เมื่อครั้งทรงได้ทอดพระเนตรการแสดงหนังตะลุงของหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ในปัจจุบันความบันเทิงจากหนังตะลุงที่เป็นขนบแบบแผนโบราณ ได้รับการศึกษาวิจัย เพื่อทำนุรักษาไว้เป็นมรดกของชาติตามระบบ ผู้เขียนเองก็ภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นศิษย์ของหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ผ่านการศึกษาวิจัยตัวตลกหนังตะลุง ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของนายหนังตะลุง ที่ถือว่าเป็นปูชนียบุคคลของชาติ และปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์บ้านหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ เปิดให้ศึกษาเรียนรู้ ณ บ้านธรรมโฆษณ์ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา