Movie Review The Six Triple Eight (2024) 6888: กองพันหญิงแกร่ง เอาความจริงที่เจ็บปวดมาเล่าได้อย่างเกริกเกียร์ติถึงใจถึงอารมณ์กับการก้าวข้ามทัศนคติแบ่งแยกที่เป็นกำแพงสูงหนาที่อาจไม่มีวันข้ามได้ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เพราะมนุษย์เกิดมาเท่ากันแต่ไม่เท่ากันบ่อยครั้งจึงเห็นหนังที่สร้างมาเพื่อเรียกร้องความเท่ากันในความเป็นมนุษย์สักคนที่เกิดและมีตัวตนบนโลกนี้ หนึ่งในเรื่องราวที่เป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจบสิ้นคือทัศนคติในการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติและสีผิวที่ในบ้านเราก็มีแต่อาจไม่รุนแรงเท่าเมืองนอก และเพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้การดำรงชีวิตบนโลกที่เต็มไปด้วยทัศนคติแบ่งแยกและหยามเหยียดนั้นอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวดหัวใจอย่างสาหัส จึงเห็นหนังหลายเรื่องที่บอกเล่าตรงนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของคนผิวดำที่มักถูกกระทำจากคนผิวขาวเยี่ยงพวกเขามิใช่มนุษย์ หนังที่ออกมาเรียกร้องก้องป่าวให้โลกรับรู้จึงมีออกมาอย่างสม่ำเสมอและส่วนมากเป็นหนังที่เข้าถึงทางอารมณ์แล้วที่น่าเจ็บปวดกว่าคือมันมักถูกสร้างจากเรื่องจริง เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่เป็นหนังใหม่เป็นงาน Original ของ NETFLIX จากผู้กำกับ Tyler Perry ผู้กำกับผิวดำที่เด่นในการเล่าเรื่องของคนผิวดำได้อย่างเข้าถึงในหนังของเขา และกับเรื่องนี้คือการให้เกียร์ติกับคนผิวดำที่เป็นผู้ปิดทองหลังพระที่ต้องฝ่าฟันกับเรื่องราวและอุปสรรคมากมาย Lena Derricott (Ebony Obsidian) หญิงสาวผิวดำที่มีรักกับ Abram David (Gregg Sulkin) ชายหนุ่มผิวขาวลูกชายคหบดีที่แน่นอนความรักต่างผิวสีต้องถูกต่อต้านแต่สำหรับสองคนมันคือรักแท้ จนเมื่อ Abram ตัดสินใจไปรบในสงครามโลกครั้งที่สองแล้วพลีชีพโดยที่ก่อนหน้านั้นไม่มีข่าวคราวจากแนวหน้า Lena จึงตัดสินใจเข้าร่วมกับกองทัพในฐานะทหารหญิงในสังกัดของผู้กอง Charity Adams (Kerry Washington) ที่ทหารหญิงในหน่วยคือคนผิวดำและหลากเชื้อชาติทั้งหมด แล้วสำหรับผู้กอง Adams เธอเชื่อว่าทหารของเธอมีความสามารถมีศักยภาพพอที่จะรับภารกิจในสนามรบแต่ผู้บังคับบัญชาไม่มองอย่างนั้นเพราะกำแพงของสีผิว จนเมื่อเรื่องของขวัญกำลังใจจากแนวหลังที่ไม่ได้รับข่าวคราวจากแนวหน้าไม่มีจดหมายมาหานานนับปีเข้าถึงหูประธานาธิบดี ภารกิจที่ไม่มีใครใส่ใจเป็นเรื่องที่เหมือนง่ายๆไม่สำคัญจึงตกมาถึงมือ Charity Adams ที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นผู้พันมีกองพันในสังกัดชื่อว่ากองพัน 6888 แล้วภารกิจนั้นคือการจัดการจดหมายทั้งจากแนวหน้าและแนวหลังที่คั่งค้างมหาศาลให้ถึงมือผู้รับเพราะความคิดถึงส่งไปไม่ถึงสักทีแต่นี่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เข้มข้นเหลือกำลังด้วยการเล่าเรื่องจริงอิงความเจ็บช้ำกับเรื่องง่ายๆที่เติมเต็มมิติเชิงขวัญกำลังใจ การเอาเรื่องจริงมาเล่าอาจไม่ยากแต่ความยากคือการจะเล่าเรื่องจริงที่ว่าให้ออกมาบันเทิงน่าติดตามไม่มีความน่าเบื่อจนกลายเป็นหนังกึ่งสารคดี แต่บางครั้งเรื่องจริงที่ไม่อิงนิยายก็มีความบันเทิงอยู่ในตัวคือมีดราม่าที่เข้มข้นและเรื่องนี้อาจเป็นแบบนั้น เพราะนี่คือการเล่าเรื่องของวีรกรรมของผู้หญิงในพื้นที่ของผู้ชายคือสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่สองที่เราๆอาจเคยเห็นมากับวีรกรรมของเหล่าผู้กล้าในสนามรบ แต่นี่คือเรื่องของผู้หญิงซ้ำยังเป็นกองพันที่เป็นหญิงผิวดำและต่างเชื้อชาติในยุคสมัยที่การเหยียดผิวและเชื้อชาติอยู่ในขั้นรุนแรง บทหนังสามารถเอาตรงนี้มาเล่าได้อย่างเข้มข้นเหลือกำลังลากเพราะใส่มาตั้งแต่ต้นแบบไม่มีหมกเม็ดกับความเจ็บช้ำของคนผิวดำซึ่งมันอาจเป็นเรื่องง่ายๆที่หนังแบบนี้ต้องมี กระนั้นเมื่อหนังเดินเรื่องด้วยการไปข้างหน้าด้วยการต้องเผชิญหน้ากับทัศนคติที่มองคนไม่เท่ากับคนทั้งเรื่องเพศ สีผิว และเชื้อชาติ หนังจึงเติมเต็มมิติเชิงขวัญกำลังใจได้ดีแม้จะมีไว้เป็นเบื้องหลังเพราะหนังตั้งธงมาเป็นเรื่องของการยืนหยัดสู้กับทัศนคติที่มีต่อสีผิวและเพศของพวกเธอ ผลักหัวใจคนดูให้อยู่ตรงข้ามด้วยความเป็นหนังผู้หญิงซ้ำยังไม่พอยังเป็นผู้หญิงผิวดำทำให้ได้ใจคนดูไปก่อนแล้ว อาจเพราะการกระทำต่อคนด้วยกันแบบไม่เห็นความเป็นคน หรือการมองคนอื่นว่าต่ำกว่าโง่กว่าเพียงเพราะสีผิวและเชื้อชาติแม้กระทั่งเพศและเพศสภาพมันคือเรื่องของหัวใจล้วนๆทัศคติที่ต่ำช้าแบบนี้จึงมักอยู่ตรงข้ามกับหัวใจคนส่วนมาก นั่นเท่ากับว่าหนังสามารถได้ใจคนดูไปแล้วครึ่งค่อนโดยเฉพาะคนดูที่ไม่มีทัศนคติแย่ๆแบบนั้นแต่นั่นมันคือเรื่องอดีตที่เรามองเห็นในปัจจุบันที่เรื่องแบบนี้มันก้าวข้ามกำแพงมาพอประมาณ แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นกำแพงที่ว่าก็สูงและหนาเกินไปจึงอาจไม่มีวันข้ามพ้นเสียทีเพราะเหตุนี้หนังจึงน่าจะได้ใจคนดูเต็มที่เพราะเรื่องแบบนี้ยังมีให้เห็น ทั้งยังเล่าเรื่องของวีรกรรมปิดทองหลังพระในการบริหารจัดการจดหมายจากแนวหน้าหรือว่าที่มาจากแนวหลังที่คั่งค้างมหาศาลเพราะกองทัพไม่ใส่ใจที่จะจัดการ ทั้งที่มันคือเรื่องของขวัญกำลังใจเพราะไม่ว่าใครก็หนีความคิดถึงไม่พ้นหนังจึงมีเรื่องดราม่าที่มาดึงดูดใจอย่างมีพลังทั้งสองทาง เพราะการจัดการเรื่องยากๆมาจากผู้หญิงแถมเป็นผู้หญิงผิวดำที่คนขาวในเรื่องมองว่าโง่และต้อยต่ำและมันทำให้เรื่องนี้แม้จะง่ายๆแต่ก็สะกดใจได้ดีนักแล ด้วยพลังการแสดงที่ต้องขนลุกกับการเป็นหญิงเก่งหัวใจแกร่งที่หาญกล้าท้าทายสายการบังคับบัญชา ความจริงหนังดูเหมือนจะกั๊กๆกับการจะชูเรื่องของหัวใจหรือจะเชิดชูวีรกรรมของสตรีนางหนึ่งด้วยการเปิดด้วยเรื่องของหัวใจของคนที่สูญเสียก่อนพัฒนาไปเป็นการเชิดชูในเวลาต่อมา นั้นคือการจับจองห้องใจด้วยเรื่องความรักต่างสีผิวที่รับผิดชอบโดย Ebony Obsidian ในบท Lena แต่แก่นของเรื่องจริงๆอยู่ที่วีกรรมของผู้พัน Charity Adams ที่รับบทโดย Kerry Washington ที่เป็นทั้งหญิงเก่งหัวใจแกร่งและรักชาติ ทำให้ในส่วนของการแสดงน้ำหนักมาลงที่ Kerry Washington ด้วยบุคลิกตัวละครที่คู่ควรได้ใจเพราะมีหมดทั้งแข็งนอกอ่อนในเต็มไปด้วยภาวะผู้นำ แต่กับ Ebony Obsidian นั้นแม้จะเปิดเรื่องมาได้ดีแต่ก็ค่อยๆเลือนหายไปจนกลายเป็นบทสมทบเต็มที่เพราะ Kerry Washington มาดีกว่าและคาแร็กเตอร์ชัดกว่าที่กล้าท้าทายกับพวกผู้ชายทัศนคติแย่ๆแถมยังเป็นผู้บังคับบัญชา หนังมาพร้อมกับเพลงประกอบที่ปลุกเร้าชวนขนลุกทำให้มีซีนติดตามากมายรวมถึงฉากสวนสนามท่ามกลางซากปรักหักพังในสมรภูมิรบของกองพันหญิงผิวดำที่เป็นของจริงจนทำให้คนบ่อน้ำตาตื้นอาจมีหยดกันบ้างล่ะ อาจเป็นงานดราม่าที่เคยๆเห็นมาเกี่ยวกับคนผิวดำที่ถูกกระทำแต่เมื่อมันเป็นเรื่องจริงที่เป็นวีรกรรมทำให้ไม่อาจละสายตาได้ ความจริงหนังอาจดูกั๊กอย่างที่ว่าคือเรื่องของหัวใจความรักและความคิดถึงมากั๊กกับอารมณ์เชิดชู เพราะเปิดเรื่องมาดีที่จะพาไปสู่ภารกิจเข็นครกขึ้นภูเขาที่สร้างวีรกรรมที่คงไม่มีใครคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้และมันลงตัวดี เพียงแต่ในส่วนของความลึกของความคิดถึงกับการเฝ้ารอคอยข่างคราวจากคนที่รักที่ไปรบของทางบ้านอาจดูลอยๆไปหน่อยทั้งที่นี่แหละคือพื้นฐานของเรื่องขวัญกำลังใจ แล้วในส่วนของการเฝ้ารอจดหมายจากแนวหลังที่เป็นส่วนเสริมชั้นเยี่ยมก็ไม่มีทำให้มิติทางหัวใจตรงนี้มันจับต้องไม่ได้คือรู้ว่ามันคือเรื่องสำคัญแต่มันยังไม่ลงลึกถึงความคิดถึงความห่วงใยหรือความเจ็บปวดกับการรอคอย ทำให้ในตอนท้ายพลังมันไม่มากพอเมื่อจดหมายถึงผู้รับทั้งที่มันควรจะซาบซึ้งสุดขีดแต่ก็เข้าใจได้ว่าเวลาของหนังมันมีเท่านี้ แน่นอนการเลือกไปในทางเชิดชูเต็มที่โดยให้ความสูญเสียและการรอคอยอยู่เบื้องหลังโดยเล่าผ่านการต่อสู้กับทัศคติการเหยียดเพศเหยียดผิวและสร้างมาจากเรื่องจริง สุดท้ายแม้หนังจะเหมือนขาดบางอย่างไปทำให้ไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็เรียกได้ว่าหนังดีที่ละสายตาไม่ได้เช่นกัน ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก,ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3 จาก Instagram tylerperry ภาพที่ 4,5,6,7 จาก Instagram netflixfilm เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !