Short Commentความเห็นหลังชม Decision to Leave (2022)พิษรักฝังลึกยิ่งถอนยิ่งปักลึก จริงหรือหลอกหลอกหรือจริงคือสิ่งที่ต้องค้นหาด้วยแรงดึงดูดที่สัมผัสได้ถ้าจะเอ่ยถึงชื่อผู้กำกับชั้นแนวหน้าของวงการภาพยนตร์เกาหลีที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกพัคชานอุคหรือที่เมื่อก่อนเรียกว่าปาร์ชานวุคคงเป็นชื่อที่คิดได้ในลำดับต้นๆ กับหนังนัวร์เท่ๆหน่วงๆอย่าง Oldboy (2003) ที่มีความยอดเยี่ยมไปถึงมีการรีเมคเป็นเวอร์ชั่นอเมริกันแต่ในความเป็นศิลปะทางภาพยนตร์ยังห่างไกลจากต้นฉบับ แล้วสิ่งหนึ่งที่พัคชานอุคเป็นคือเขาคือมือเขียนบทระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่งที่สามารถร้อยเรียงความซับซ้อนให้ดูง่ายหรือภาษาวัยรุ่นข้างบ้านเรียกวาปั่น ซึ่งก็คือบทภาพยนตร์ที่ชี้นำให้คิดตามว่าควรจะเป็นอย่างนั้นแต่กลับเป็นอย่างนี้เมื่อถึงเวลาก็อึ้งทึ่งเสียวกันไปเหมือนงานระดับสุดยอดอีกเรื่องของเขาใน The Handmaiden (2016) ที่เป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้าที่โดดเด่นในเรื่องของอารมณ์และเสน่หาสะกดสายตา จนมาถึงเรื่องล่าสุดที่ยังโดดเด่นเช่นเคยเรื่องอารมณ์แต่คราวนี้ว่ากันที่ความรู้สึกข้างในคือเสน่ห์ที่ก่อให้เกิดความรัก แน่นอนงานของพัคชานอุคยังคงปั่นให้คนดูหัวหมุนได้ดังเดิมเพราะคนดูจะมีความรู้สึกบางอย่างและคิดตามว่าสิ่งที่เห็นเป็นอย่างที่เห็นหรือและแม้จะเป็นอย่างที่เห็นก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไม เมื่อมีเหตุการณ์อุบัติเหตุนักปีนเขาตกหน้าผาสายสืบจางแฮจุน (พัคแฮอิล) ก็ได้รับทำคดีโดยมีผู้ต้องสงสัยหลักคือซงซอเร (ถังเหว่ย) ภรรยาสาวทรงเสน่ห์ชาวจีนของผู้ตาย แต่สิ่งที่สายสืบแฮจุนคงคิดไม่ถึงคือซงซอเรมีอะไรบางอย่างที่สะดุดใจเขาทั้งความสุภาพและรูปลักษณ์ที่สะกดสายตา แต่การสอบสวนก็ไม่สามารถเชื่อมโยงซงซอเรเข้าหารูปคดีได้ซ้ำร้ายยังกลายเป็นว่าเธอคือเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว แต่เมื่อสายสืบสงสัยในตัวผู้ต้องสงสัยการตามสืบก็ตามมาแฮจุนจึงไปซุ่มดูซงซอเรจนความรู้สึกเริ่มถลำลึกและการที่เขาหมกมุ่นกับการสืบคดีทำให้เขาเป็นโรคนอนไม่หลับ ทว่าเมื่อการสืบสวนไปจนถึงที่สุดคดีก็ถูกปิดโดยที่ซงซอเรไม่เกี่ยวข้องกับการตายของสามีการผูกสัมพันธ์ระหว่างเขากับซงซอเรที่ทำให้เขาหลับลึกได้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาในฐานะตำรวจสายสืบกับผู้ต้องสงสัยอีกต่อไปถ้าไม่ใช่ว่าเขาแต่งงานแล้ว กระนั้นความจริงบางอย่างก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้จนเมื่อแฮจุนได้พบความจริงนั้นเขากลับไม่สามารถต้านทานเสน่หาในใจแล้วปล่อยมันไปพร้อมกับความล่มสลายของตัวเองจนในที่สุดเรื่องก็กลับมาที่จุดเดิมเมื่อเขาได้เจอเธออีกครั้งเหมือนใช่แต่ไม่ใช่เหมือนไม่ใช่แต่ใช่แต่จะใช่หรือไม่ใช่ก็ยังเหลือช่องว่างทางความคิดให้คิดว่าใช่หรือไม่ใช่ นี่คือบทภาพยนตร์สไตล์พัคชานอุคแท้ในความปั่นแต่ไม่ป่วนนั่นคือการเดินเรื่องที่เหมือนเรียบๆแต่มีปัจจัยรอบข้างมากำหนดทำให้ตัวละครดูดีมีพื้นฐาน เช่นเรื่องของการหมกมุ่นกับคดีของจางแฮจุนที่มาจากภายนอกเพื่อส่งผลต่อภายในที่หัวใจจะถูกกะเทาะ ซึ่งไม่ใช่การขยายความเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องจะเตลิดแต่ให้เป็นตัวเสริมเรื่องหลักที่ชักชวนปนชี้นำให้คนดูคิดเพื่อเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อจนในที่สุดก็ต้องคิดไปถึงว่าใช่หรือไม่ใช่ แล้วกับการชี้นำอย่างตั้งใจแบบนี้ยังได้ผลดีเพียงแต่เรื่องนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหักมุมเพราะไม่ได้ตั้งใจให้คนดูเชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ นั่นคืออาการคิดตามจะไปในทิศทางที่น่าจะใช่แบบนี้แต่ก็ไม่น่าจะใช่หรือว่าคิดเอาไว้ว่าใช่แต่หัวใจยังขัดขืน และนั่นคือความรู้สึกเดียวกับจางแฮจุนที่ในความเป็นสายสืบก็รู้ทั้งรู้เพราะกระทั่งสายสืบรุ่นน้องยังมองออก แต่ด้วยความที่เสน่หาบังตาทำให้แม้จะใช่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่หรือแม้จะไม่ใช่ก็คิดว่าน่าจะใช่และบทตั้งใจให้รู้สึกแบบนั้นได้อย่างสุดยอดเหมือนหลอกก็เหมือนจริงจนอดคิดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้งจริงหรือหลอก ในด้านของซงซอเรนั้นเหมือนตั้งใจมาหลอกแต่ความจริงแล้วหลอกหรือจริงจริงหรือหลอกยังมองออกยาก แน่นอนในมุมของคนดูเมื่อจุดเริ่มต้นเป็นความรู้สึกของจางแฮจุนที่เชื่อหรือไม่เชื่อใช่หรือไม่ใช่หรือว่าใช่แต่ใจไม่ยอมรับ แต่กับอีกมุมหนึ่งความรู้สึกกลับแยกเป็นสองทางที่สอดผสานเข้ากันได้ลงตัวคือในความตั้งใจมาหลอกหรือตั้งใจมาโปรยเสน่ห์หรือว่าเสน่หาคือความจริงกันแน่ที่กลายเป็นว่าการตั้งใจมาหลอกแต่ตัวเองกลับตกหลุม ซึ่งความรู้สึกจริงในหลอกกระทั่งการหลอกด้วยความจริงจนรู้สึกว่าต้องชดใช้ให้กับอีกฝ่ายแต่ยังไม่วายทิ้งยาพิษไว้ว่า "คุณจะคิดถึงฉันคนเดียว" ซึ่งก่อนหน้านั้นอาการหลอกหรือจริงไม่ใช่เป็นกับจางแฮจุนแต่ก็ยังเหมือนมีการหลอกตัวเองที่เมื่อมองในมุมของจางแฮจุนก็ยังบอกยากว่าหลอกหรือจริงตกลงซงซอเรหลอกตัวเองหรือนั่นคือความจริง และนี่คือความรู้สึกที่บทต้องการให้คนดูรู้สึกกับฝั่งของซงซอเรที่แน่นอนบทหนังต้องการให้คนดูคิดและเมื่อดูก็จะคิดเมื่อคิดก็จะรู้สึกไม่ว่าจะรู้สึกในมุมไหนหรือเป็นไปได้ทั้งสองมุมพิษรักที่ถลำลึกยิ่งถอนยิ่งฝังลึกเหมือนมีแรงดึงดูด และกับเรื่องนี้รักที่เป็นพิษเพราะไปรักคนที่ไม่ควรรักแต่ใครจะห้ามใจได้ ส่วนที่เนียนตาที่สุดคือเรื่องของความรู้สึกที่ก่อเกิดข้างในของจางแฮจุนที่บทตั้งใจมาชัดในเรื่องของเสน่หาแต่ว่าคลุมเครือในด้านของซงซอเรว่าจริงหรือหลอก และส่วนที่ทำให้ความรู้สึกที่ว่าเป็นพลังขับเน้นเรื่องได้อย่างมีพลังก็คืออารมณ์เสน่หาที่เกินต้านเพราะอาจไม่ถึงกับเปิดเผยโจ่งแจ้งแต่แค่เพียงมองตาจ้องหน้าการได้ทำอะไรร่วมกันกระทั่งเสียงลมหายใจก็ทำให้หัวใจเต้นแรงได้ ซึ่งก็คือการไม่ต้องเล่นใหญ่ให้โจ๋งครึ่มแต่ใช้ความรู้สึกจริงแท้ที่มีในมนุษย์ที่ไม่ต่างจากความดิบในส่วนลึกมาพัฒนามิติด้วยแรงดึงดูดตามธรรมชาติเรื่องของความสัมพันธ์ทางใจ กระทั้งหัวใจถลำลึกความจริงก็เปิดเผยความล่มสลายของใครบางคนก็ตามมาเพราะทุกอย่างได้พลังทลายไปเหมือนกับใครบางคนทำสำเร็จวางพิษของความรักไว้กลางใจของอีกฝ่าย ทว่าความรักมักเดายากเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจต้านทานรักที่เป็นพิษจึงย้อนมาทำร้ายตัวเอง และแน่นอนยิ่งถอนยิ่งปักลึกจนสุดท้ายอาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวการแสดงที่เป็นแรงดึงดูดทางอารมณ์จนสัมผัสได้ทั้งด้วยสายตาและความรู้สึก แรกเลยที่ต้องชื่นชมคือการแสดงที่มิดชิดแต่ทรงเสน่ห์ของถังเหว่ยที่เป็นตัวกำหนดอารมณ์ความรู้สึกของหนัง เพราะโดยรวมแล้วความรู้สึกของคนดูจะผูกพันกับความรู้สึกของจางแฮจุนหรือเรียกง่ายๆว่ารู้สึกตามจางแฮจุนที่ได้พับกับเสน่ห์ที่รัดรึงยากจะต้านทาน แน่นอนความรู้สึกตั้งแต่แรกเห็นไปจนสุดท้ายถูกกำหนดโดยถังเหว่ยที่น่าสงสัยว่าจริงหรือหลอกจะมาหลอกหรือจะมาเอาจริงที่เธอแสดงได้ทั้งมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาแค่มองหน้าก็ใจสั่น ยังไม่รวมถึงการเป็นตัวละครที่น่าค้นหาตั้งแต่ต้นจนจบเรียกได้ว่าถังเหว่ยคือคนกำหนดอารมณ์ของหนังก็คงไม่ผิดเพราะเมื่อคนดูรู้สึกตามจางแฮจุนก็คือหวั่นไหวไปกับเสน่ห์ของถังเหว่ยในบทซงซอเร ส่วนพัคแฮอิลก็คือวามยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดความรู้สึกให้คนดูรู้สึกอย่างที่ตัวละครของเขารู้สึกจนคนดูรู้สึกเหมือนเป็นตัวละครไปกับเขา หนังยังได้นักแสดงสมทบชั้นดีที่ส่งเสริมเรื่องด้วยการแสดงที่เนียนไม่มีหลุดตามมาตรฐานหนังเกาหลี มาพร้อมกับเพลงประกอบที่รู้สึกปั่นๆยังไงพิกลแต่ก็ส่งเสริมเรื่องได้ดีเหมือนเรียบเรื่อยไม่มีอะไรแต่มีพลังพอให้หยุดดูไม่ได้ เพราะหนังของพัคชานอุคก็จะเป็นแบบนี้คือจะว่าค่อยๆเล่าก็ใช่แต่การใส่ความรู้สึกให้ตัวละครเพื่อถ่ายทอดมายังคนดูก็เหมือนเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ ซึ่งถ้าจะให้ลองไปหา Old Boy ดูก็อาจจะไกลหรือหาดูยากไปถ้าจะเอาที่ใกล้หน่อยแต่ก็อาจหาดูไม่ง่ายก็ The Handmaiden แต่เรื่องนั้นตั้งใจมาหลอกการชี้นำเลยจะพยายามให้คนดูหลงทางแต่ไม่ว่ายังไงการหลอกในเรื่องก็คือการหลอกคนดูและไม่ต่างจากเรื่องนี้ที่ชี้นำให้คิดแต่ไม่ใช่ตั้งใจให้หลงทาง เพราะทางของเรื่องยังคงชัดที่จะว่ากันที่ความรู้สึกของตัวละครทั้งสองคนหนึ่งคือเจตนาจริงกับอีกหนึ่งคือเจตนาหลอก แต่เสน่หาจะมาเพื่อหลอกหรือมาด้วยความจริงก็ยังไม่ชัดหนังจึงเต็มไปด้วยความน่าสงสัยชักชวนให้ค้นหาว่าแท้จริงแล้วตกลงสิ่งที่เห็นคือความรู้สึกจริงหรือแค่ตั้งใจมาหลอก ก็คืออารมณ์ประมาณดูไปเรื่อยด้วยความอยากรู้ว่าพิษรักจะลุกลามไปขนาดไหนฝ่ายไหนจะทนพิษบาดแผลไม่ได้ในบั้นปลายและอะไรคือความจริงอะไรคือสิ่งที่ต้องเร้น แต่ที่แน่ๆคือความรู้สึกที่ก่อเกิดชัดเจนจนเห็นภาพทางความรู้สึกจนดึงดูดให้คนดูติดอยู่กับจอไม่ไปไหนในหนังที่พูดกันทั้งเรื่องแบบนี้ก็คือความฉลาดและความยอดเยี่ยมในการผูกเรื่องให้ออกมาเป็นบทภาพยนตร์ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7,8 จาก Instagram cjenmmovie ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/v4xzJ1p6LMZmhttps://entertainment.trueid.net/detail/vNRgmY7yL2Ddhttps://entertainment.trueid.net/detail/G1e69AgMNObRhttps://entertainment.trueid.net/detail/o2mdavbEObGl จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !