The Pursuit of Happyness ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้ เป็นภาพยนตร์ดราม่า ที่สร้างขึ้นมาจากชีวิตจริงของ คริส การ์ดเนอร์ นักธุรกิจที่ประสบปัญหาในชีวิต ถึงขั้นตกต่ำสุด ๆ แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ ด้วยความอดทนและยิ้มสู้กับทุกปัญหา เขาพัฒนาตนเองด้วยการเข้าคอร์สฝึกอบรมในบริษัทโบรกเกอร์ค้าหุ้น ซึ่งเป็นช่วงชีวิตที่สุดแสนลำบากของเขา และสุดท้ายเขาก็ได้ประสบความสำเร็จ ในการเป็นโบรกเกอร์ค้าหุ้นThe Pursuit of Happyness ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้ เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 2006 กำกับโดย Gabriele Muccino เขียนบทโดย Steve Conradแสดงนำโดย Will Smith (รับบทคริส การ์ดเนอร์), Jaden Smith (รับบทคริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์) , Thandie Newton (รับบทลินดา การ์ดเนอร์)ภาพโดย WMMThe Pursuit of Happyness ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้ เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของ คริส การ์ดเนอร์ ที่เอาเงินเก็บไปลงทุนกับธุรกิจเครื่องแสกนกระดูกซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ว่าธุรกิจไม่เป็นไปอย่างที่คาดฝัน จนทำให้เขาต้องเป็นหนี้ และมีปัญหาครอบครัว เมื่อลินดาภรรยาของเขาทิ้งไป เขาจึงต้องอยู่กันตามลำพังสองคนพ่อลูกกับ คริสโตเฟอร์ ลูกชายของเขาช่วงเวลานั้นเองเขาได้ตัดสินใจเข้าคอร์สฝึกอบรมกับบริษัทโบรกเกอร์ค้าหุ้น ซึ่งมีระยะเวลายาวนานถึง 6 เดือนโดยที่เขาไม่ได้เงินเดือน เขามีรายได้เพียงเล็กน้อยจากการขายเครื่องแสกนกระดูกที่เหลือเพียงไม่กี่เครื่อง และวิกฤตขั้นสูงสุดก็มาเยือนเมื่อสรรพากรรีดเงินค่าภาษีที่มีอยู่ 600 ดอลลาร์ในบัญชีของเขาไปจนหมด ทำให้คริสและลูกชายกลายเป็นคนไร้บ้าน เขาต้องไปแย่งต่อแถวเพื่อให้ได้เข้าพักในศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน เขาต้องเผชิญปัญหาต่างนา ๆ แต่ด้วยการยิ้มสู้และความไม่ย่อท้อทำให้คริส การ์ดเนอร์ผ่านการฝึกอบรมและได้เข้าทำงานกับบริษัท และสามารถนำพาตัวเองกับลูกชายให้ผ่านพ้นวิกฤตชีวิตช่วงนี้ไปได้ภาพโดย WMMในชีวิตจริงของคริส การ์ดเนอร์ หลังจากที่เขาได้ทำงานกับบริษัทโบรกเกอร์แล้ว ต่อมาเขาได้ออกมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง และกลายเป็นคนร่ำรวยในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ปรารถนาจะประสบความสำเร็จในชีวิต ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคใด ๆ ผ่านเข้ามาก็อย่ายอมแพ้ ขอเพียงเรายังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่วางไว้ แล้วสักวันเราก็จะประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้ และมีตอนสำคัญตอนหนึ่งที่เขาได้เผลอพูดทำลายความฝันของลูกชาย และเขาก็ได้ขอโทษด้วยประโยคที่ว่า “อย่าให้ใครมาบอกลูกว่า ลูกทำนั่นทำนี่ไม่ได้ แม้แต่พ่อ เมื่อลูกมีความฝัน ลูกต้องปกป้องมัน คนที่ทำอะไรไม่ได้ เขาจะบอกว่าลูกก็ทำไม่ได้ ถ้าลูกต้องการอะไร จงเอามาให้ได้” ซึ่งที่เป็นประโยคที่ให้แนวคิดและให้กำลังใจได้ดีมาก ๆ เป็นประโยคที่ทำให้ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ และนี่ก็เป็นภาพยนตร์ที่ดีมากอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันครับภาพโดย WMM