Movie Review The Match (2025) เดอะ แมทช์ Netflix เข้มข้นเชือดเฉือนตามแนวดราม่ากีฬาตามสูตรแต่มันสุดที่นี่คือเรื่องจริงที่แทรกวิถีและแนวคิดไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกจนเต็มไปด้วยความงดงาม รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เมื่ออดีตกาลนานมาแล้วสมัยผู้เขียนยังเรียนมัธยมตามร่มไม้ที่โรงเรียนจะมีม้าหินอ่อนและบนพื้นโต๊ะจะมีตารางสี่เหลี่ยมสลับสีมีไว้เล่นหมากฮอสและผู้เขียนก็เล่นได้ในระดับหนึ่ง แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือกระดาษยังมีซาลาเปาก็มีเพื่อนผู้เขียนบางคนเลิศกว่าด้วยการเล่นหมากรุกไทยและหมากรุกสากลเรียกได้ว่าเปิดโลกทัศน์ให้เด็กจากชนบทที่ได้เข้าเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดมากขึ้น ต่อมาเมื่อเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็ได้รู้จักกับมิตรสหายที่ไปไกลกว่าเพราะเกมกระดานที่เล่นเป็นสิ่งที่เคยเห็นมาในหนังนั่นคือหมากล้อม ซึ่งหมากรุกไทยพอถูๆไถๆแต่ถ้าเป็นหมากล้อมนี่ยอมรับว่าใบ้รับประทานคือพยายามดูก็ไม่รู้เรื่องแต่ที่น่าสนใจคือปัจจุบันผู้เขียนไม่ค่อยเห็นเด็กรุ่นลูกผู้เขียนไม่เล่นหมากฮอสกันแล้ว แต่เท่าที่เห็นคือหมากรุกที่ลูกคนโตก็เล่นและหมากล้อมนี่ดูน่าจะเห็นบ่อยที่ผู้เขียนจะบอกคือมันจะมีของบางอย่างการแข่งขันบางอย่างที่เราไม่รู้เรื่องเล่นไม่เป็นไม่รู้กติกา แต่ว่าเมื่อถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังหรือซีรีส์แล้วกลับทำให้คนที่ไม่รู้ดูสนุกได้มันสุดยอดใช่ไหมล่ะกับหนังเรื่องนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของโจฮยุนฮยอนและอีชางโฮที่ช่วงปี 1980 อิงค์คัพจัดขึ้นเพื่อหาแชมป์โลกหมากล้อมมีที่ว่างเดียวให้กับม้านอกสายตาอย่างเกาหลีโจฮยุนฮยอนเก้าดั้ง (อีบยองฮอน) จากเกาหลีเข้าชิงแบบพลิกความคาดหมาย คู่แข่งของเขาคือเนี่ยเหว่ยผิงเก้าดั้งหรือหมีดำแห่งแผ่นดินใหญ่มือหนึ่งของโลกชื่อดังผู้ชนะซูเปอร์ลีกระหว่างจีนและญี่ปุ่นสิบเอ็ดนัดรวดและโจฮยุนฮยอนชนะ หลังจากนั้นในฐานะแชมป์เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้มีพรสวรรค์ด้านหมากล้อมอีชางโฮ (คิมคังฮุน) จนโชคชะตาพาให้เป็นหนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์ แล้วโจฮยุนฮยอนก็ได้ขัดเกลาจาเด็กน้อยเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มอีชางโฮ (ยูอาอิน) ที่มีทางในการเล่นหมากล้อมที่ต่างไป แต่นี่คือกีฬาหมากล้อมที่วิถีของคนเก่งจะต้องมาเจอกันสักวันเพราะจุดสูงสุดมีที่ยืนเพียงที่เดียววันหนึ่งศิษย์ที่อาจารย์ขัดเกลาจนมีวิธีการเล่นหมากล้อมที่แตกต่างก็ต้องโคจรมาพบกับอาจารย์ที่สั่งสอนเขามาทั้งการเล่นหมากล้อมและวิถี สุดท้ายหนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์อาจต้องได้เรียนรู้บางอย่างจากการแข่งขันครั้งนี้ เหมือนง่ายๆแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดเดินตามแนวดราม่ากีฬาอย่างเคร่งครัดทำให้ขึงขังแข็งแรงแต่ที่น่าทึ่งคือนี่คือเรื่องจริง ออกตัวมาตั้งแต่แรกว่านี่คือบทหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของบุคคลที่มีตัวตนจริงแถมยังใช้ชื่อจริง นั่นหมายความว่าเค้าโครงคือเรื่องจริงที่ถูกแต้มแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรสได้แต่ที่ต้องทึ่งคือมองไม่ออกว่าส่วนไหนที่ถูกแต้มเข้ามาเพื่อให้เป็นบันเทิงคดีเหมือนกับทั้งเรื่องนี้คือเรื่องจริงไม่อิงนิยาย แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะบทหนังออกมาเป็นดราม่ากีฬาตามสูตรเป๊ะๆเรื่องของครูกับลูกศิษย์ที่วิถีของมืออาชีพต้องมาเจอกันบนสนามแข่ง สุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะให้ไปดูเอาเองและหลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ตกต่ำและลุกขึ้นยืนเพื่อพิสูจน์ตัวเองผ่านรายละเอียดที่ไม่มากจนยิบย่อยแต่เล่าได้ทำให้เรื่องแข็งแรง แต่เมื่อนี่คือเรื่องจริงจึงต้องขยี้ตาดูอีกทีเพราะชีวิตจริงจะมาตามสูตรอย่างเคร่งครัดได้ปานนี้หรือแต่มันเป็นไปแล้วกับการเล่าเรื่องจริงให้บันเทิงตามสูตรได้อย่างขึงขังทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันคือการแต่งเติมแต่มองไม่ออกว่าเติมตรงไหนเจ๋งไหมล่ะท่านผู้อ่าน เข้มข้นเชือดเฉือนสะเทือนอารมณ์แต่อุดมไปด้วยความงดงามเพราะไม่มีใครน่ารังเกียจแต่นี่คือวิถีของกีฬาหมากล้อม นี่คือเรื่องของสองคนที่โชคชะตาเล่นตลกให้มาเป็นศิษย์กับอาจารย์จนกลายเป็นครอบครัวแต่ต้องมาเป็นคู่แข่ง ทำให้ในส่วนของการแข่งขันเข้มข้นเชือดเฉือนแต่มีสะเทือนอารมณ์เพราะไม่รู้จะเอาใจช่วยใคร นั่นเพราะหนังเลือกเล่าด้วยความสวยงามตามวิถีของกีฬาหมากล้อมที่ในการแข่งขันมีแค่คู่แข่งไม่มีศิษย์อาจารย์แต่ด้วยความที่หนังเล่าเรื่องมาจนถึงจุดนี้พร้อมกับกุมหัวใจไปจนสิ้นแล้วทำให้หัวใจคล้ายกับถูกบีบให้ต้องเลือก หนังยังสอดแทรกวิถีและปรัชญาของกีฬาหมากล้อมเข้ามาทำให้อุดมไปด้วยความงดงามในความเคารพซึ่งกันและกัน สิ่งที่เป็นคือหนังที่ไม่มีตัวร้ายตัวอิจฉาอย่างจริงจังคือไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกแต่ด้วยวิถีของกีฬาที่จะมีที่ยืนบนจุดสูงสุดเพียงที่เดียวทำให้หนังพาอารมณ์ไปยังจุดสูงสุดนั้นได้โดยไม่มีใครน่ารังเกียจ เพราะนี่ไม่ใช่ศิษย์คิดล้างครูแต่เป็นวิถีของมืออาชีพและหัวใจของความเป็นอาจารย์กับศิษย์ที่จะปักลึกเข้ากลางใจคนดู ยกระดับความเข้มให้ยกกำลังสองด้วยการแสดงที่ทรงคุณค่าจนยอมรับว่าเสียดายใครบางคน ถ้านี่คือหนังเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างนักหมากล้อมขั้นเทพสองคนที่เข้มจัดเร้าใจได้ทุกนาทีการแสดงของอีบยองฮอนกับยูอาอินในเรื่องนี้ก็ต้องเรียกว่าทรงคุณค่า เพราะนี่คือการฟาดฟันกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันของสองขั้นเทพทางการแสดงที่แค่ดูการแสดงของทั้งสองคนก็คุ้มแล้ว เพราะตั้งแค่หัวจรดเท้าหรือกระทั่งสายตาการสื่อสารความรู้สึกจากข้างในมันคือความยอดเยี่ยมจนสามารถทำให้การแข่งขันทั้งกับกันและกับและกับตัวเองทวีความเข้มอย่างยกกำลังสอง ซึ่งในส่วนของอีบยองฮอนนั้นคงไม่สาธยายมากแต่ในส่วนของยูอาอินนั้นยอมรับว่าเสียดาย เพราะความจริงหนังสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2021 แล้วมีกำหนดสตรีมทาง NETFLIX ที่ซื้อเรื่องนี้ไว้มาตั้งแต่ปี 2023 แต่ก็ถูกเลื่อนฉายจนมาได้ฤกษ์ลงจอกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สาเหตุเพราะเรื่องส่วนตัวของยูอาอินที่คงไม่ลงรายละเอียดทำให้เหมือนอนาคตของเขาจะดับวูบลงจนน่าเสียดายฝีมือการแสดงอย่างยิ่ง อาจเหมือนเป็นแนวดราม่ากีฬาที่พบเห็นทั่วไปที่ดูสนุกได้ลุ้นไปกับการแข่งขันแต่มีความเหนือชั้นที่เรื่องของหัวใจ ความจริงถ้าเอาตามที่ผู้เขียนชอบดูหนังดราม่ากีฬาเป็นการส่วนตัวยังมองว่าเค้าโครงและชั้นเชิงยังคงหาได้ทั่วไปในงานแนวนี้คือเดินตามแนวทางอย่างเคร่งครัด นั่นคือเมื่อเป็นหนังเกี่ยวกับการแข่งขันก็เอาการแข่งขันมากระตุ้นความเร้าใจให้ได้และส่วนมากทำได้ แต่ความต่างของเรื่องนี้คือแน่นอนว่าหนังมีความบันเทิงตามแนวและเข้มข้นจนเข้มขลังทางดราม่าตามประสางานจากเกาหลีที่มีดีกว่าตรงที่ไม่สร้างทางแยกให้หัวใจ นั่นคือเก่งและฉลาดที่ไม่สร้างตัวละครคนใดคนหนึ่งในสองคนให้เป็นคนร้ายทำให้เลือกข้างไม่ได้จนเอาใจช่วยทั้งสองคนแต่ทั้งที่เป็นอย่างนี้ยังคงดูสนุกสะกดอารมณ์ด้วยการสั่นสะเทือนอารมณ์ไปเรื่อยๆ แถมตัวละครยังเป็นที่รักไม่ใช่เด็กเปรตคิดล้างครูหรือครูที่มีความริษยาแต่เป็นการค้นหาความหมายเชิงความคิดด้วยตัวเอง สุดท้ายคือเก่งที่ทำให้คนดูที่ดูหมากล้อมไม่รู้เรื่องแต่สามารถสนุกกับหนังไปได้ตลอดเวลาคุ้มค่าทุกนาที ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4 / ภาพที่ 5,6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram by4mstudio.official เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !