ตำรวจไซเบอร์ จ่อเรียก “มาริโอ้” ดารา-นักแสดงดังให้การเพิ่ม หลังมีชื่อไปเอี่ยวแก๊งสวมทะเบียนรถ พร้อมให้นำหลักฐานมาแสดงสัปดาห์หน้า
ตำรวจไซเบอร์ จ่อเรียก “มาริโอ้” ดารา-นักแสดงดังให้การเพิ่ม หลังมีชื่อไปเอี่ยวแก๊งสวมทะเบียนรถ พร้อมให้นำหลักฐานมาแสดงสัปดาห์หน้า
จากกรณีชุด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมขนส่งทางบก และตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(บช.สอท.) เปิดปฏิบัติการ "พลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม" จับกุม นายเสถียร เรืองสมุทร อายุ 38 ปี และ นายศริสร สุทธิเจต อายุ 44 ปี สองผู้ต้องหาแก๊งสวมทะเบียนรถ โดยแอบใช้รหัสยูสเซอร์เนม-พาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่ขนส่ง เข้าไปเจาะข้อมูลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลรถยนต์ จากนั้นไปแจ้งหายเพื่อทำเล่มทะเบียนใหม่ ก่อนนำไปจำนำหรือขาย โดยปูพรมยึดรถได้ 65 คัน มูลค่ากว่า 77 ล้านบาท
สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งดารานักแสดงดัง ในจำนวนนี้มีพระเอกชื่อดังอักษรย่อ "ม." กลุ่มไฮโซและคนเล่นรถโบราณ เบื้องต้นตำรวจได้ออกหมายเรียกดาราคนดังกล่าวมาสอบปากคำ ก่อนที่ต่อมาทาง “มาริโอ้ เมาเร่อ” หรือ “นายณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์” อายุ 34 ปี นักแสดงชื่อดัง ได้ออกมายอมรับว่าเป็นดารา "ม." ที่มีชื่อเอี่ยวโยงแก๊งดังกล่าว หลังซื้อรถมาจากรุ่นพี่ที่รู้จัก พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจ เตรียมให้ปากคำกับทางตำรวจ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุดความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 66 พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท เปิดเผยว่า ทางชุดทำงานได้มีการออกหมายเรียกมาริโอ้ นักแสดงหนุ่มเข้าให้ปากคำแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา และยังไม่ได้มีการให้การเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระหว่างนั้นได้มีการพูดคุยให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในเบื้องต้นว่า ซื้อรถต่อมาอีกทอดหนึ่ง ไม่ใช่การซื้อซากรถแล้วนำมาประกอบ ซึ่งเป็นการซื้อรถมาพร้อมกับเอกสารทะเบียนเล่ม จึงไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ซึ่งในส่วนนี้เพื่อความชัดเจน จะต้องเรียกนักแสดงหนุ่มให้ปากคำ พร้อมนำเอกสารหลักฐานมาแสดง ส่วนจะเป็นวันเวลาใดนั้นอยู่ระหว่างการประสาน
นอกจากนี้ ต้องสอบพยานแวดล้อม รวมทั้งบุคคลที่สามที่ดาราหนุ่มอ้างว่ามีการติดต่อซื้อขายกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อนำมาดูด้วยว่ามีเจตนาว่าซื้อโดยไม่รู้ว่ารถคันนี้เป็นรถไม่ถูกต้อง หรือรู้อยู่แล้วแต่ตั้งใจ จงใจซื้อ โดยยังไม่เชื่อในคำให้การทั้งหมดของนักแสดงหนุ่ม
ในส่วนของการขยายผล ขณะนี้พบว่ามีกลุ่มที่มีรถโบราณที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถเถื่อน และแอบสวมทะเบียนทำผิดกฎหมาย จำนวนกว่า 50 คัน ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนกำลังขยายผลจับกุม โดยจะจับกุมเครือข่ายรายใหญ่ให้ได้ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มักจะนำซากมาจากที่อื่น แล้วนำมาประกอบก่อนจะจดทะเบียนปลอม และขายให้กับผู้ที่ชื่นชอบ ทั้งที่ผิดกฎหมาย
โดยในวันพรุ่งนี้ 7 ส.ค. จะเรียกชุดทำงานและพนักงานสอบสวน หารือวางแนวทางในการขยายผล เพื่อที่จะสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ขยายผลการจับกุม พร้อมเน้นย้ำให้ชุดทำงานดำเนินการรัดกุม ทำงานตรงไปตรงมา หากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปที่กลุ่มบุคคลใดที่ส่อไปในการกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.