โคเรเอดะถือว่าเป็นผู้กำกับคนโปรดของเราเลย เพราะมีหนังหลายเรื่องที่ดูแล้วเรารักมาก ๆ แทบจะไม่มีเรื่องใดที่ไม่ชอบเลย มากับเรื่องนี้แล้วก็ยิ่งทำให้เรารักหนังของเขามากขึ้นไปอีก ทั้งพาไปสำรวจความละเอียดอ่อนของความรู้สึกในแต่ละตัวละครได้เข้าชวนเข้าอกเข้าใจ เอาจริงงานกำกับในเรื่องนี้ สิ่งที่โคเรเอดะยังทำได้ดีมากคือการกำกับนักแสดงเด็กได้ดีมาก แสดงออกมาได้ธรรมชาติ แถมยังดึงเคมีและเสน่ห์ของตัวเด็กออกมาได้มีมิติและเสริมกลืนไปกับหนัง สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือดนตรีของ ริวอิจิ ซากาโมโตะ ก็งดงามมากและเสริมหนังได้ดีอย่างยิ่งเช่นกันสำหรับเรา นี่ถือเป็นแนวหนังของโคเรเอดะที่คิดถึงมาก ระหว่างดูก็นึกถึงเรื่อง Nobody Knows (2004) เป็นหนังโคเรเอดะที่เราชอบที่สุดและเป็นหนังในดวงใจของเราเสมอ โดยชวนนึกถึงในแง่ของโทนหนังที่เคลือบไปด้วยความเข้มข้น ประเด็นสังคมที่หนักแน่น แต่ยังมีมุมที่ประโลมหัวใจ ชวนนึกถึงในความน่าเศร้า หม่นหมอง และขณะเดียวกันก็ยังมีมุมที่งดงาม ชอบแทบจะทุกซีนของหนังตั้งแต่วิธีการเล่าที่หยิบยืมวิธีเล่าที่มีกลิ่นของความเป็นราโชมอน การเผยให้เห็นความจริงแต่ละคนที่ต่างกันออกไป พอเล่าในแต่ละสตอรี่ของแต่ละคนมันเลยทำให้เห็นมุมมองของตัวละครนึงที่มีต่อตัวละครนั้น อีกอย่างก็ชอบในประเด็นที่ว่า ทุกคนต่างก็เป็นสัตว์ประหลาดในมุมมองของคนอื่น ทำให้องค์แรกของหนังค่อนข้างวัดใจคนดูและสามารถสร้างความทับซ้อนกับเหตุการณ์ในหนังในแง่ที่การตัดสินความถูกผิดเพียงแค่มองแค่ความจริงเพียงส่วนนึงเท่านั้นเอาจริงชอบทุกตัวละครเลย พูดไปมากกว่านี้อาจจะเผยเนื้อหาหนัง แต่หนังมันเล่าได้เห็นมิติของทุกคนมาก ๆ ในแง่การแสดงแล้วนั้น นอกจากนักแสดงเด็ก ก็ยังชอบอันโด ซากุระ ที่แสดงมุมของความเป็นแม่ได้ละเอียดอ่อนและถึงอารมณ์ ส่วนตัวละครที่มาน้อย แต่ได้มากคือครูใหญ่ ที่รับบทโดย ยูโกะ ทานากะ โดยเฉพาะกับช่วงท้าย ๆ ทำให้เราชอบซีนเล่นเครื่องดนตรีมาก (ชอบในเสียงแตรที่เปล่งออกมาแทนด้วยคำพูดหลายล้านคำที่ไม่สามารถเอ่ยปากบอกใครได้)สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือความสัมพันธ์ระหว่างเด็กชายทั้งสอง มีทั้งมุมที่เศร้าสลด หนักหนา และน่าประทับใจ เล่าคู่ไปกับประเด็นสังคมได้อย่างเข้มข้น ชอบในความกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้นภายในชั้นเรียน เราชอบซีนที่เล่นกันในรถไฟร้าง หรือซีนอื่น ๆ ที่เล่นกัน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ทั้งหมดจดและงดงาม หนังจบซีนท้ายได้อย่างตราตรึง ทรงพลังและน่าเศร้าเช่นกันที่มันชวนนึกถึงอนาคตทั้งสองตัวละครว่ามันจะเป็นเช่นไรต่อไปหลังจากนี้ในสังคมที่เป็นแบบนี้"Monster" ก็เป้นหนังดราม่าญี่ปุ่นที่มาพร้อมวิธีเล่าเรื่องและประเด็นสังคมที่โดดเด่นและหนักแน่นมาก เล่าเรื่องได้น่าติดตาม ให้เห็นมุมที่มีหัวใจของทุกตัวละคร และสามารถปิดท้ายได้อย่างทรงพลังและตราตรึงมากจนอยากยกให้เป็นหนังที่ดีที่สุดของปีนี้เลย สำหรับเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 10 เต็ม 10 ครับ***ที่กล่าวมาเป็นความคิดเห็นของผู้เขียน รสนิยมและความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงก็ไปลองดูและพิสูจน์กันได้ครับ ภาพยนตร์: Monster (2023)ชื่อหนังต้นฉบับ: 怪物ประเภทหนัง: ดราม่า, ตลกผู้กำกับ: Hirokazu Kore-edaผู้เขียนบท: Yuji Sakamotoคะแนนจากผู้เขียน: 10/10ขอบคุณเครดิตภาพจากFacebook: MONGKOL CINEMA - ภาพปก / ภาพที่ 5X: @KaibutsuMovie - ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4