รีวิวหนัง “Here ที่นี่ นิรันดร” ความมหัศจรรย์มนต์เสน่ห์แห่งที่อยู่อาศัย เผอิญฉุดรั้งเอาไว้ไม่อยู่
ความน่าตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้นในโปรเจกต์นี้ก็คงจะเป็นเพราะว่าเป็นหวนคืนรียูเนียนกันอีกครั้งในรอบ 30 ปี ของทีมงานและนักแสดงนำจากหนังคลาสสิก Forrest Gump ที่ใคร ๆ ก็หมายมั้นว่าจะออกมาเป็นความประทับใจตราตรึงครั้งใหม่ใน “Here ที่นี่ นิรันดร” หนังดรามาครอบครัวเหมาะเจาะกับช่วงเทศกาลปลายปี ที่ไว้วางใจได้ตั้งแต่เห็นรายชื่อนักแสดงและผู้กำกับ และยิ่งได้เห็นถึงคอนเซ็ปต์ของหนัง ก็ยิ่งทำให้ยิ่งว่ามันจะมหัศจรรย์
Here ที่นี่ นิรันดร เป็นการร้อยเรียงเรื่องราวที่อยู่เหนือกาลเวลาและความทรงจำหนังทั้งเรื่องบอกเล่าขึ้นบนพื้นที่แห่งหนึ่งในนิว อิงก์แลนด์ ตั้งแต่ยุคน้ำแข็งยุคบรรพกาล, ป่าดงดิบโบราณ, ฤดูที่พลัดเปลี่ยนจนมันกลายเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งทั้งความรัก, ความสูญเสีย, ความลำบาก, ความหวัง ล้วนเคยเกิดขึ้นใต้บ้านหลังนี้ บอกเล่าผ่านครอบครัว ผู้อยู่อาศัยรุ่นแล้วรุ่นเล่า
นี่ก็คือการหวนมาทำงานกันอีกครั้งในรอบ 30 ปี ของผู้กำกับ “โรเบิร์ต เซเม็กคิส” มือเขียนบทชื่อดัง “อีริค รอธ” และ 2 นักแสดงนำ “ทอม แฮงก์ส” กับ “โรบิน ไรท์” ที่พวกเขาเคยสร้างสรรค์ผลงานสุดคลาสสิกออกมาร่วมกันใน Forrest Gump เมื่อปี 1994 ที่กวาดออสการ์กลับบ้านไปได้ถึง 6 ตัว ไม่ประหลาดใจที่โครงการหนังเรื่องนี้เป็นที่น่าจับตามอง และใคร ๆ ก็เฝ้าคอยว่าครั้งนี้พวกเขาจะมาในรูปแบบไหน
อย่างที่หลาย ๆ คนทราบจากในตัวอย่างหนังกันแล้วว่า Here เป็นหนังที่จะใช้เทคนิคการเล่าเรื่องผ่านมุมกล้องมุมเดียวตลอดทั้งเรื่อง โดยเป็นการยึดหมุดปักหลักบริเวณพื้นที่เดียวเป็นเซ็นเตอร์ ท่ามกลางกาลเวลาและยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตของการใช้ชีวิตของคนในห้วงเวลานั้น ๆ โดยที่มีเส้นเรื่องหลักเป็นชีวิตของคนในครอบครัวตระกูลยัง โดยหนังดัดแปลงมาจากนิยายภาพของ ริชาร์ด แม็คไกรว์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2014 นั่นเอง
แน่นอนว่าในแง่เทคนิคงานสร้างและโปรดักชันต่าง ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Here ทำได้และทำถึง มุมมองและวิสัยทัศน์ของลุงโรเบิร์ต ยังคงใช้คำว่า ‘สรรหาทำ’ ได้อยู่ต่อไป เขายังไม่หมดไฟกับความพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ มาป้อนให้กับฮอลลีวูดอยู่ตลอดเวลา แล้วผลงานชิ้นนี้ของเขาก็เช่นกัน เป็นการเนรมิตมนต์เสน่ห์ในโลกภาพยนตร์ออกมาในรูปแบบที่กระตุ้นความสนใจของผู้ชมได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งเทคนิคต่าง ๆ ก็งัดออกมาใช้ได้ดีตามประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพของเขาที่สั่งสมมาหลายทศวรรษ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังที่เล่นอยู่แต่กับมุมกล้องเดียว แต่พวกเขาได้ใช้ความหลากหลายในการจัดแสงและองค์ประกอบฉากเข้ามาได้อย่างลงตัว คล้าย ๆ กับการหนังดูละครเวทีสลับเปลี่ยนฉากไปแบบเร็ว ๆ ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นในทรานซิสส่งต่อระหว่างฉากด้วยมุมกรอบต่าง ๆ ที่คอยจะเปิดเผยออกมาตลอดทั้งเรื่อง
ขณะที่การทุ่มเม็ดเงินใช้ซีจีไอราคาแพง อย่าง De-Aging ที่เป็นเหตุทำให้หนังเรื่องนี้ต้องใช้ทุนระดับ 50 ล้านเหรียญ ก็ทำผลลัพธ์ออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ อาจจะไม่ได้เนียนกริบขนาดนั้น แต่การช่วยลดวัยและทำให้นักแสดงนำย้อนกลับไปสู่วัยหนุ่มสาวได้อีกครั้ง ก็นับเป็นความมหัศจรรย์แห่งซินีมา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เทคนิคที่น่าตื่นเต้นอะไรอีกแล้วในยุคนี้ก็ตาม และบางครั้งก็แอบคิดเหมือนกันว่า หนังก็ใช้เทคนิคพิเศษค่อนข้างเกินจำเป็นไปอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ท่ามกลางความดีงามในงานโปรดักชันของ Here เรื่องนี้ กลับถูกบั่นทอนลงไปในลักษระพังครืนเพราะองค์ประกอบของบทหนังและการเล่าเรื่อง ที่ดันกลายเป็นจุดอ่อนและจุดด้อยของหนังเรื่องนี้ไปอย่างน่าเสียดาย ไม่ใช่ว่าบทหนังของ อีริค รอธ จะแย่อะไร เขายังคงแต่งเติมเสน่ห์และสร้างความแข็งแรงในส่วนของบทต่าง ๆ ได้ค่อนข้างมีชั้นเชิงด้วยดี เพียงแต่ว่าการปั้นออกมาสตอรี่เรื่องราวในหนังเรื่องนี้ยังค่อนข้างไปในทิศทางที่ไม่ค่อยเต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
แม้ว่าหนังจะพยายามยึดเส้นเรื่องหลักเป็นชีวิตของคนตระกูลยัง แต่ถูกเสริมมาด้วยเส้นเรื่องรองเข้ามาเป็นส่วนประกอบเสริมในหนัง ที่แม้ว่าจะเข้าใจถึงเจตนารมณ์ที่สอดแทรกเข้ามาดี เพราะอยากจะหยอดกิมมิกช่วงเวลาเหตุการณ์สำคัญของแต่ละยุคแต่ละสมัยเข้ามา แต่สุดท้ายมันค่อนข้างเป็นการแทรกเข้ามาแบบไม่มีจุดเชื่อมต่อกัน จนค่อนข้างเป็นคลื่นแทรกที่น่าหน่ายใจและเบรกอารมณ์ไปตลอดเรื่อง
โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของหนัง ที่น่าจะเป็นช่วงสำคัญที่ช่วยกวาดอารมณ์ของคนดูเอาไว้ได้ให้ได้อยู่หมัด แต่ Here กลับทำออกมาได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ถึงหนังจะใส่เสน่ห์ที่ตื่นตาตื่นใจเข้ามาได้อย่างชวนว้าว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์ที่ผู้สร้างใส่เข้ามาเหล่านั้น ดันสร้างปฏิกิริยาตอบสนองกับคนดูได้แค่เพียง 10-15 นาที ก็แปรเปลี่ยนความน่าเบื่อแล้ว เพราะต้องไม่ลืมว่าหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องด้วยภาพจากมุมมุมเดียวเท่านั้น
ในช่วงครึ่งหลังของหนังที่ค่อนข้างลงร่องลงรอยมากยิ่งขึ้น กับแก่นสารและประเด็นหลักที่ควรจะเน้นย้ำที่เพิ่มพลังความหนักแน่นได้ดี แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งอารมณ์คนดูให้อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เท่าที่ควรอีกต่อไป อาจจะเพราะด้วยความหวาดระแวงบรรดาคลื่นแทรกต่าง ๆ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะโยนใส่เข้ามาอีกตอนไหนอีกหรือไม่ เลยกลายเป็นหนังที่มีจุดบอดเพราะส่วนของสตอรี่อย่างน่าเสียดาย
ทางด้านการแสดงก็ถือว่าแคสติ้งนักแสดงมาแบบล้นทะลักมาก ๆ ทอม แฮงก์ส กับ โรบิน ไรท์ ก็ทำหน้าที่ของพวกเขาได้ค่อนข้างดี แต่ก็เป็นไปตามมาตรฐานของพวกเขานั่นแหละ การได้เห็น ทอม แฮงก์ส กับเทคนิคย้อนวัยมันค่อนข้างซ้ำซากไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า “พอล เบ็ตตานี” เป็นตัวละครและคาแรกเตอร์ที๋โปรดปราน และการแสดงของเขาก็ทำออกมาได้น่าประทับใจกว่าคนอื่น ๆ แบบเหนือความคาดหมายเสียอย่างนั้น
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Here ที่นี่ นิรันดร ก็คือหนังที่เต็มไปด้วยไอเดียสรรหาทำ เทคนิคงานสร้างต้องยกนิ้วให้ในหลาย ๆ องค์ประกอบที่พิถีพิถันสร้างออกมาได้อย่างตื่นตา แต่ทว่าหนังทั้งเรื่องก็สั่นไหวราวกับเรือเจอคลื่นมรสุมใหญ่ เพราะในส่วนของการเล่าเรื่องค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร กลายเป็นกิมมิกที่แสนแปลกประหลาดในการบริโภค เส้นเรื่องที่คอยผลักตัวออกจากคนดูอยู่ตลอด จึงกลายเป็นหนังที่ค่อนข้างท่าดีแต่ทีเหลวไม่น้อย
แต่กระนั้น Here ที่นี่ นิรันดร ก็ยังเป็นหนังที่มีกุญแจหลักในเรื่องราวที่แข็งแรงอยู่ไม่น้อย ในความพยายามร้อยเรียงด้วยสารตั้งต้นเกี่ยวกับประเด็นครอบครัวกับการใช้ชีวิต มันเป็นหนังที่ก็เหมาะกับครอบครัวนั่นแหละ เป็นการสะท้อนมุมมองหลาย ๆ แง่กับชีวิตมนุษย์ที่หลากหลายอารมณ์ เพียงแต่อาจจะยังไม่ใช่หนังที่ดีสมบูรณ์แบบ แต่หนังก็ไม่ได้จัดว่าเป็นหนังย่ำแย่และเลวร้ายอะไรเช่นกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Here ที่นี่ นิรันดร
- ประเภท: ดรามา
- ผู้กำกับ: โรเบิร์ต เซเม็กคิส
- นำแสดงโดย: ทอม แฮงก์ส, โรบิน ไรท์, พอล เบ็ตตานี
- ความยาว: 104 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 5 ธันวาคม 2024
Movie.TrueID METRIC: Here ที่นี่ นิรันดร
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.3/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (4.9/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (6.8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.0/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.0/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa