Stevie เด็กชายที่เติบโตในลอสแอนเจลิส เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวชนชั้นกลางที่พอมีพอกินไปวัน ๆ ประกอบด้วย Ian พี่ชายที่เกเร เกรี้ยวกราด แถมชอบรังแกเขาเป็นประจำ และ Dabney single mom ที่จะอยู่นอกบ้านมากกว่าอยู่ในบ้าน ซึ่งตรงนี้ Stevie ค่อนข้างจะขาดความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัวพอสมควร Stevie จึงหาวิธีชดเชยสิ่งที่ขาดไปเมื่อเขาได้ผูกมิตรกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งก็คือ 1 ในสมาชิกกลุ่มนักเล่นสเก็ตบอร์ดข้างถนน Stevie รู้สึกเหมือนถูกเปิดโลกอีกใบนึงที่ได้สัมผัสการใช้ชีวิตที่น่าตื่นเต้น ท้าทาย และ ยังมีอะไรอีกมากมายในโลกใบนี้ที่เขาต้องเรียนรู้พูดได้เลยว่านี่คือ แฟนฉัน เวอร์ชั่น Hollywood ในตระกูล Genre ประเภท Coming of age เกี่ยวกับการก้าวข้ามวัยที่ดีอีกเรื่องของค่าย A24 อีกแล้ว ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่เกิด หรือ ผ่านชีวิตในช่วงยุค 90 มาแล้วได้สำเร็จ ซึ่ง Gen X และ Gen Y จะ Get จะอินเรื่องแบบนี้เป็นพิเศษเหมือนเป็นยุคทศวรรษที่ดีที่สุดสำหรับวัยของพวกเขา โดยเฉพาะ Gadget ที่ปรากฎผ่าน Story เหล่านี้ เช่น Family Game / เครื่องเล่น Sony Walkman / ช่อง MTV , Channel V ยุคทองของวงการเพลงแรป หรือ อิทธิพลวัฒนธรรมของสื่อเทคโนโลยี และ แฟชั่นเสื้อตัวใหญ่ กางเกงขากระบอกใหญ่ ๆ คำพูดติดปาก อาทิ เท่ห๋ จ๊าบ โย่ว เป็นต้น ล้วนสะท้อนถึงความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมร่วมสมัยใหม่ ก่อนวิกฤติการณ์ Y2K ปี 2000 ได้อย่างงดงาม ซึ่งพวกเด็ก Gen X , Gen Y เขาโฟกัสแค่ในสิ่งที่เขาต้องการอะไรก็ได้เพื่อความสนุกสนาน พวกเขาไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าสังคมจะคิดยังไง ไม่ต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่อะไร หรือ โลกจะเป็นอย่างไรขอแค่ได้เล่น ได้เที่ยวกับเพื่อนฝูง พี่น้อง ญาติมิตรสนิทก็พอแล้วการดำเนินเรื่องให้ความสบาย นุ่มนวล เข้าใจง่าย เป็นเส้นตรง บางช่วงดูอ่อนแรงลงไป มีเอือดจวนจะวูบหลับบ้าง ยังดีที่นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ตนเองได้ดี ช่วยพยุงหนังน่าติดตามไปจนจบ Detail แต่ละอย่างที่พูดถึงมี Message ส่งถึงคนดูให้ขบคิดถึงอยู่เรื่อย ๆ ทั้งบรรยากาศบ้านเมืองชวนทำให้คิดถึงอดีตที่เทคโนโลยีไม่ได้ล้ำสมัยมาก คนไม่ได้ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้เสพสื่อ Social ออนไลน์เหมือนในปัจจุบัน Lifestyle คนวัยรุ่นหนุ่มสาวจึงทำได้ที่สุดคือการทำกิจกรรม Outdoor ปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนกับครอบครัวกันมากกว่า ซึ่งขณะดูเหมือนเราได้กลับมาเห็นภาพอดีตที่มีจิตวิญญาณความเป็น Old School ด้วยความอิ่มเอมหัวใจ ประมาณว่าต่อให้โลกเปลี่ยนแปลงยังไง วันวานยังหวานอยู่ ครั้งหนึ่งตอนเราเคยเป็นเด็ก เราเคยทำอะไรแผลง ๆ บ้าง สิ้นคิดมากี่อย่าง อะไรบ้างเล่าให้ฟังหน่อย สิ่งเหล่านี้มันเป็น Easter Egg ให้เราคิดทบทวนว่า ตอนนั้นเราคิดอะไรถึงไปทำอย่างนั้นได้ นึกไปก็รู้สึกอายตัวเองเหมือนกัน ถ้ารู้นี้จะทำมั้ยก็บอกไม่ได้อ่ะนะ 55 คือ เรื่องเกรียน ๆ นี้สามารถพูดกับเพื่อนได้รู้เรื่องอย่างสนุก นั่งอมยิ้มแก้เขินในอินเนอร์อารมณ์ร่วมกันด้วยแถมลากยาวไปอีก 2-3 วันก็ไม่น่าจบ ซึ่ง Keywords ก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ แม้โทนเรื่องภายนอกดูสดใส ไร้มลทิน แต่เนื้อแท้จริงกล่าวประเด็นสะท้อนสังคมได้สะเทือนใจพอสมควร แอบไม่โลกสวยเหมือนที่เห็นตามสภาพแวดล้อมรอบตัว Stevie มีแต่เสี่ยงชีวิต เสี่ยงอันตรายเอามาก เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจ การเข้ามากระแสวัฒนธรรม Culture pop ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ควบคู่กับปัญหาสังคมที่นับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น มีแนวโน้มที่คนจะก่ออาชญากรรมมากตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น ปัญหาครอบครัวของ Stevie ที่ขาดเสาหลักไปจนบ้านแตกสาแหรกขาด / ปัญหาเพื่อนฝูงที่เกเร ไม่น่าคบ / ปัญหาเรื่องยาเสพติดที่เรื้อรังคาซัง ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ตัว Stevie มีอุปนิสัยที่เก็บกด แนวคิดต่อต้านสังคมโดยการขอทำตามใจตนเองเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมเดิมเพื่อยกระดับตนเองไปสู่ชีวิตที่ที่ดีกว่า โดยหารู้ไม่ว่าบางทีโลกใจร้ายเกินกว่าจะให้คำตอบที่สมหวังดั่งทุกอย่างที่ต้องการ ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเสี่ยงคุกเสี่ยงอันตรายอีกเช่นกันหนังฟอร์มเล็กนอกสายตาจากค่ายอินดี้คุณภาพดีจาก A24 ( ค่ายนี้มีเซนส์ในการเลือกซื้อหนังมาฉายดีมาก รับประกันเรื่องคุณภาพได้ ) ภายใต้การกำกับโดยนักแสดงตลก Jonah Hill จาก Superbad (2007) , The wolf of wall streets (2013) และ Don't look up (2021) มาชิมงานกำกับเรื่องแรกที่เฮียกำกับได้ดีมาก คุมจังหวะอยู่หมัด มาทางสายกลางพอดี ไม่เล่นใหญ่ไม่ Drop ลงเกินไป เนื่องด้วยเขาเอาประสบการณ์ของตนเองวัยเด็กด้วยแหล่ะมาเป็น Inspiration จุดไฟฝันให้ความทรงจำวันวานมีชีวิตอีกครั้ง การดำเนินเรื่องมีชีวิตชีวาในความเป็นยุค 90s เต็มที่ เฮียแกจัดสัดส่วน Balance พอดีระหว่างมุกตลกจากความเกรียนตลกร้ายของ Stevie เดอะแก๊ง กับ Scene ดราม่าในพาร์ทครอบครัวตัวเอกทำได้หดหู่ ซึ้งใจไม่แพ้กัน ผลงานกำกับและเขียนบทของเฮีย Jonah Hill เป็นงานเปิดตัวที่กลมกล่อมน่าประทับใจ ฟูฟ่องจนผมลืมภาพตลกบ้าบอของเฮียแกไปหมดเลย นักแสดงนำในเรื่องทั้งตัวเอกอย่าง Sunny Suljic จาก The killing of a sacred deer (2017) / The House with a clock in its walls (2018) น้องแบกเรื่องได้ดีมาก น้องแบ่งพาร์ทตลกในความซ่าส์ แสบ เกินวัย และ พาร์ทดราม่าเล่นดีเก็บกดชัดเจน น้องแสดงความซับซ้อนทางอารมณ์ได้สงยงาม ส่วนนักแสดงสมทบท่านอื่น เช่น Katherine Waterston จาก Fantastic Beasts 1-2 (2016,2018) / Alien : Covenent (2017) รับบทแม่ผู้ไม่ค่อยสนใจเรื่องในบ้าน ควงผู้ชายแก้เหงาไม่เว้นวัน กับ Lucas Hedges จาก Manchester by the sea (2016) / Boy Erased (2018) รับบทพี่ชายที่ชอบใช้กำลังรังแกน้อง แถมไม่เอาไหนอีก คือ ทั้งบ้านไม่มีใครพึ่งพาได้สักคน แต่ทั้ง 2 แสดงดีเข้าขากับน้องมาก รวมถึงเดอะเแก๊งสเก็ตบอร์ดเป็นตัวสร้างสีสันที่ขาดไม่ได้ พวกเขามีส่วนช่วย Support มากให้ Story มี Soft Power ที่แข็งแรงมากขึ้นประเด็นหนังพูดถึงการตั้งคำถาม Q & A ปัญหาสังคมผ่านมุมมองชีวิตของวัยรุ่น เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อชีวิต เป็นช่วงอายุของการเปลี่ยนผ่านจากวัยหนึ่งไปสู่อีกวัยหนึ่งที่โตกว่า ความคิด ความอ่าน ความรู้สึกเติบโตขึ้นตามไปด้วย แน่นอนระหว่างทางชีวิตก็ต้องมีการประสบกับทางเลือกมากมาย ปัญหาที่ตามมาหลากอย่างจึงเป็นอุปสรรคขวางทาง แล้วเรามีวิธีการทำอย่างไรถึงจะผ่านจุดนี้ไปให้ ซึ่งเป็นบททดสอบในการตั้งคำถาม ให้ศึกษาเรียนรู้ในแง่มุมปลีกย่อยต่าง ๆ ความรู้บางอย่างไม่มีตำราในห้องเรียน ไม่มีสอนในโรงเรียน เราต้องค้นหาด้วยตนเองจากโลกภายนอก ส่วนหนึ่งการเผชิญหน้ากับสถานการณ์โดยตรงเป็นวิชาเรียนสอนเราให้รู้คุณค่าสัจธรรมอย่างแท้จริง เพราะโลกนี้บางอย่างสิ่งที่ถูกก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูก และ การกระทำบางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดเสมอไป ด้วยความที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี มันก็คือการกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมาโดยคนเท่านั้น ชีวิตมันต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งคำถามทำการทดลองด้วยตนเองดูว่าผลลัพธ์เป็นยังไง ได้คำตอบเป็นยังไง ชีวิตมันต้อง Suck seed นึงถึงจะมันส์ ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share รีวิวของผม EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไปกันด้วยครับ ขอบคุณครับขอขอบคุณภาพประกอบโดย :Facebook / mid90smovie = ภาพประกอบหน้าปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7 / ภาพประกอบที่ 8คอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน