แวะมาป้ายยา! “Fell Upon Me” คือซีรีส์จีนแนวดราม่า–ไซไฟ–แฟนตาซีเรื่องใหม่จาก iQIYI กำกับโดย “หยางไท่” นำแสดงโดย หวงจวิ้นเจี๋ย และ อิ่นรุ่ย ถ่ายทอดเรื่องราวของ “อันเจิ้นเจิ้น” เด็กสาวมัธยมที่ได้รับโทรศัพท์ลึกลับจากอนาคตซึ่งนำเธอเข้าสู่ความลับ ความรัก และ ชะตากรรมที่ย้อนกลับไม่ได้ กับการตัดสินใจเปลี่ยนอนาคตโดยไม่รู้ว่าต้องแลกด้วยอะไร ซีรีส์เตรียมออกอากาศ 8 สิงหาคม 2025 ขอแปวะมาป้ายยาก่อนดูกันค่ะ! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. พล็อตข้ามเวลาอันชวนลุ้น ที่มากกว่าความรัก คือการต่อสู้กับโชคชะตาและความจริงที่เปลี่ยนไม่ได้ จุดเริ่มต้นของเรื่องคือเหตุการณ์แสนธรรมดา โทรศัพท์หนึ่งสายจากปี 2024 ที่เชื่อมถึงนักเรียนหญิงในปี 2012 แต่สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่เรื่องของการสื่อสารข้ามเวลา หากเป็นปริศนาซ้อนปริศนาเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่แน่นอน และอดีตที่กำลังถูกเปลี่ยนไปทีละน้อย ตัวเอกของเรื่องต้องรับมือกับความคาดหวังที่ถาโถมจาก “อนาคต” ในขณะที่ยังไม่เข้าใจ “ปัจจุบัน” อย่างแท้จริง ซีรีส์สร้างความตื่นเต้นตั้งแต่ต้นจนจบด้วยคำถามว่า “เราจะหนีจากโชคชะตาได้จริงหรือ?” พร้อมจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูต้องย้อนกลับมาคิดถึงการเลือกเล็กๆที่อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิต 2. ดราม่าวัยรุ่นสุดเข้มข้นที่ถ่ายทอด “ความเป็นมนุษย์” ได้อย่างลึกซึ้งและไม่สวยงามเกินจริง เบื้องหลังความรักและมิตรภาพของวัยรุ่นในเรื่องนี้ คือความขมขื่นของการเติบโต การถูกเข้าใจผิด ความกดดันจากครอบครัว และ ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนก็ยังเจ็บปวด ซีรีส์ไม่หวังให้วัยรุ่นดูแล้วฟุ้งฝันแต่อยากให้เข้าใจและรู้ว่าช่วงชีวิตหนึ่งที่เปราะบางนั้นสำคัญเพียงใด การเล่าเรื่องของ “อันเจิ้นเจิ้น” ที่ต้องเจอทั้งคำโกหก คำใส่ร้าย และความทรมานใจจากผู้ใหญ่รอบข้าง เป็นการเปิดมุมมองใหม่ต่อปัญหาชีวิตที่เด็กหลายคนเผชิญแต่ไม่เคยกล้าพูดออกมา 3. ทีมนักแสดงรุ่นใหม่ไฟแรง ถ่ายทอดความซับซ้อนทางอารมณ์ได้ถึงใจ และเคมีพระ-นางที่ทำให้หัวใจสะเทือน ซีรีส์นำโดย หวงจวิ้นเจี๋ย ในบทเจียงหลิง เด็กหนุ่มลึกลับที่ต้องแบกรับภาระจากโลกอนาคต และ อิ่นรุ่ย ที่รับบทอันเจิ้นเจิ้น เด็กสาวที่ดูอ่อนแอแต่แฝงด้วยความกล้าหาญ การแสดงของทั้งคู่สร้างมิติให้กับตัวละครอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากเผชิญหน้าทางอารมณ์และช่วงเวลาที่ทั้งสองต้องเลือกระหว่าง “หัวใจ” กับ “อนาคต” นั้นสร้างความรู้สึกที่เข้าถึงได้จริง นอกจากนี้ นักแสดงสมทบอย่าง หวงซินเยว่ และ ตงฮ่าว ก็ช่วยเติมเต็มภาพความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเพื่อน มิตรภาพ และ ศัตรูในห้องเรียนได้อย่างหนักแน่น 4. งานโปรดักชันละเมียดละไม ภาพและเสียงช่วยส่งอารมณ์แบบภาพยนตร์ ดึงดูดใจทั้งสายดราม่าและไซไฟ นอกจากบทและการแสดง ซีรีส์ยังมีงานภาพที่โดดเด่น ทั้งการใช้แสง สี และ มุมกล้องในการแบ่ง “โลกของอดีต” กับ “โลกของอนาคต” อย่างชัดเจน การออกแบบฉากย้อนยุคปี 2012 เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ชวนให้หวนคิดถึงวัยเรียน ขณะที่โลกปี 2024 ถูกสร้างให้รู้สึกคลุมเครือ น่ากลัว และ เต็มไปด้วยคำถาม ดนตรีประกอบเลือกใช้โทนเสียงที่กลมกล่อม เคล้าความเจ็บปวดและความหวังได้พอดี ทำให้บรรยากาศโดยรวมของซีรีส์นั้นลึกซึ้งและทรงพลัง ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ลงทุนอยู่พอตัว 5. เนื้อเรื่องตั้งคำถามใหญ่ต่อชีวิต ความตาย และความหมายของการเลือกที่จะ “อยู่ต่อ” แม้จะเจ็บแค่ไหนก็ตาม ในตอนท้ายที่สุด สิ่งที่ซีรีส์ต้องการถามคนดูไม่ใช่แค่ “คุณจะเปลี่ยนอดีตไหม?” แต่คือ “คุณจะรับมือกับปัจจุบันอย่างไร?” ตัวละครเอกต้องผ่านช่วงเวลาที่หมดหนทางและเกือบสูญเสียตัวตน แต่กลับเลือกที่จะเดินต่อไป แม้จะต้องเจอเรื่องเดิมๆ ซ้ำอีกกี่ครั้ง นี่คือเรื่องราวของ “ความหวังในวันที่สิ้นหวัง” ซีรีส์จึงกลายเป็นมากกว่าความบันเทิง แต่คือบทสนทนากับผู้ชมว่าเราในฐานะคนคนหนึ่ง ควรให้อภัยอดีต ยอมรับปัจจุบัน และ กล้าฝันถึงอนาคตหรือไม่ บอกเลยว่าให้ข้อคิดได้ดีมาก ขอขอบคุณ 拯救我的世界末日官微 ภาพปก ภาพที่ 1/2/3/4/5 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !