รีเซต

เปิดเส้นทางความรัก "เต้ ปิติศักดิ์ - น้ำหวาน" จากที่คิดว่าเพื่อนสาว-เด็กเสี่ย สู่สามีภรรยา

เปิดเส้นทางความรัก "เต้ ปิติศักดิ์ - น้ำหวาน" จากที่คิดว่าเพื่อนสาว-เด็กเสี่ย สู่สามีภรรยา
EntertainmentReport2
26 สิงหาคม 2566 ( 09:35 )
199

นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ "เต้ ปิติศักดิ์" ที่วันนี้ควงภรรยา "น้ำหวาน สรารัศมิ์" มาเผยเส้นทางความรัก 17 ปี เจอปัญหาใหญ่ เป็นข่าวดังมาแล้ว หวิดขาเตียงหัก พร้อมเล่าเหตุการณ์สุดช็อกแท้งลูกคนที่2 และหมอดูทักมีเด็กตามตลอด ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, เป็กกี้ ศรีธัญญา และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เปิดเส้นทางความรัก "เต้ ปิติศักดิ์ - น้ำหวาน" จากที่คิดว่าเพื่อนสาว-เด็กเสี่ย สู่สามีภรรยา

ตอนนี้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง?

เต้ : หลากหลายบทบาทครับ

คู่นี้แต่งงานมานานเท่าไหร่แล้ว?

เต้ : ถ้ารวมมาถึงทุกวันนี้ 16-17 ปีแล้วครับ ผมผ่านหลายบทบาท ได้มีโอกาสไปเป็นพิธีกรข่าว ทำธุรกิจหลายอย่าง

พี่เต้เป็นตัวท็อปของวงการ แต่อยู่ดี ๆ มีแว๊บนึงหายไปเลย แล้วช่วงนี้กลับมาโหมงานหนัก ละคร 3-4 เรื่อง แล้วพิธีกรอีก กระแสดีด้วย?

เต้ : หลังจากโควิดเหมือนเขาอั้นกัน มันก็เหมือนเป็นชีวิตเรา เราอยู่กับวงการมานาน พอได้กลับมาก็มีความสุขในการทำงาน

เต้มีความสุข แล้วน้ำหวานมีความสุขไหมที่ไม่เจอหน้าสามี?

น้ำหวาน : ก็มีความสุข เราภูมิใจที่เวลาแบบไปห้างก็มีคนมาทัก คุณสมบัติ เราก็..อ่อ เขาดูละครนะ เขาติดตามแฟนเรา

คู่นี้มีเส้นทางความรักที่น่าสนใจมาก เจอกันครั้งแรกที่กองละคร?

เต้ : ครับ

 

เจอครั้งแรกตอนนั้นผู้ชายคนนี้เป็นยังไง?

น้ำหวาน : หวานคิดว่าเขาไม่แมน เวลาเดินเข้ากอง ผู้ช่วยที่เป็น LGBTQ ก็จะมากอดเขา เราก็เข้าใจว่าพี่เขาคงไม่แมน แต่ในกองก็คุยกันปกติ เพราะในใจคิดว่าเขาไม่แมน

พี่เต้เองก็คิดว่าสวยๆ แบบนี้คิดว่ามีเสี่ยเลี้ยง?

เต้ : ในใจเราคิดว่าน้องคนนี้ไม่ธรรมดา หน้าตาน่ารักดี มีรถขับ เรียนปี 1 เอ๊ะ...ไปทำงานที่ไหนยังไง เราก็แบบมีคนคอยดูแลหรือเปล่า

ทำไมตอนนั้นปี1 ถึงมีรถขับ?

น้ำหวาน : เสี่ยที่ว่านี่คือนามสกุลเดียวกัน ปะป๊าเลี้ยง เพราะบ้านอยู่รังสิต แล้วเรียนไกล ปะป๊าเลยซื้อรถให้ เพราะเขาก็เป็นห่วง

 

ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บShow

การที่เรามีรถ ทำให้พระเอกคนนี้คิดว่าเรามีเสี่ยเลี้ยง?

น้ำหวาน : เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไงช่วงนั้น แต่เราขับรถยนต์ เขาก็เลยแบบมีเสี่ยเลี้ยงหรือเปล่า

คนนึงเสี่ยเลี้ยง อีกคนเพื่อนสาว แล้วมันจบยังไง ถึงเป็นแฟนกันได้?

น้ำหวาน : ก็คุยกัน ได้รู้จักพี่เขามากขึ้น ได้คุยกันเยอะขึ้นในกอง

ในกองผู้หญิงเยอะ ทำไมสนใจคนนี้?

เต้ : ด้วยความที่เราแอบคุย เขาสบายใจว่าเราเพื่อนสาว เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็รู้ว่าเราไม่ใช่เพื่อนสาว เราก็อยากเป็นเพื่อนกับเขาแหละ แต่คนมันเยอะที่มาเลือกคุยกับคนนี้จริงๆ จังๆ เพราะว่าเขามีความเป็นเด็ก น่ารักๆ แต่เวลาคุย เขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเอง เราเลยรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ไม่ได้แบบว่าจะจีบนะ ก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป

แล้วตอนนั้นทำยังไงให้เขามั่นใจว่าเราไม่ใช่เพื่อนสาว?

เต้ : ผมก็พิสูจน์ด้วยความสม่ำเสมอ เขาก็บอกผมนะ ตอนแรกก็คิดว่าพี่เต้ไม่แมนซะอีก ตอนนั้นมีอะไรก็คุยกันแทบทุกเรื่อง 

น้ำหวาน : ด้วยความที่คิดว่าไม่แมน เราก็ไม่ได้แอ๊บเนาะ ถ้าเรารู้ว่าเขาเป็นผู้ชายมาจีบ เราก็จะไม่เป็นตัวเอง ก็จะแอ๊บ พอรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย เราก็เป็นตัวของเราเอง พอคุยไปเรื่อยๆ เราก็รู้เองว่าเขาไม่ใช่เพื่อนสาว

ตอนที่ตัดสินใจเป็นแฟน ตอนนั้น เต้ เจอพ่อหรือยัง?

เต้ : คำว่าเป็นแฟนสำหรับหลายๆ คน มีจุดเปลี่ยน จุดข้ามเส้นที่มันแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ผมรู้สึกว่าอยากจะคุยกับคนนี้ก็ไปหาเขาเรื่อยๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดเริ่มเป็นแฟนคือตรงไหน แต่ด้วยความที่ไปหาคุณพ่อเรื่อยๆ ก็เจออุปสรรคเลย ตั้งแต่วันแรกๆ คุณพ่อเห็น ดารา นี่หว่า มาทำอะไรกับลูกสาวผม

พอเต้กลับพ่อว่ายังไง?

น้ำหวาน : เขาบอกแน่ใจเหรอ เพราะตัวเขาจะต้องเจอกับผู้หญิงเยอะแยะเลยนะ เขาจะมาหลอกหรือเปล่า เพราะตอนนั้นเขาก็เป็นห่วง ไม่อยากให้คบ

เห็นว่าคุณพ่อของคุณน้ำหวานเดินมาคุยกับคุณเต้โดยตรง เรียกว่าฟาดเลย?

เต้ : ใช่ครับ คุณพ่อแกจะมาแบบมาดน่ากลัวมาก เดินมาตาแข็ง ๆ แล้วมาคุยกับผมแบบชัดเจนเลยว่า คุณเป็นนักแสดง เป็นดารา คุณจะแน่ใจกับลูกสาวเราได้ยังไง จริงจังไหม

น้ำหวาน : ปะป๊า เขาเป็นคนจีน เขาจะพูดตรงๆ เลย

เต้ : เข้าทางเลยครับ ผมตั้งใจอยู่แล้ว ผมไม่ได้คบทีละหลายคน แล้วรู้สึกว่ายิ่งมีผู้ใหญ่รับรู้เรื่องราวก็ยิ่งดีนะ ผมก็ไปมาหาสู่ เรื่อยๆ เลย ใช้ความสม่ำเสมอ จนสุดท้ายแกก็เห็นเองว่าเราไม่ได้มาเล่นๆ 

คบกันมา 5 ปี ตัดสินใจแต่งงาน?

เต้ : ด้วยความที่ผมตั้งใจตั้งแต่แรก แล้วผมรู้สึกว่าเวลา 4-5 ปีสำหรับผมมันก็เยอะพอสมควรแล้ว คนก่อนๆ ที่คบมา มันก็ใช้เวลามันก็ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะฉะนั้นปัจจัยเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความพร้อมของเรามากกว่าว่าเรามั่นใจกับเขาคนนี้

ตอนแต่งงานน้ำหวานมีแอบงอนพี่เต้?

น้ำหวาน : หึงหวงเป็นเรื่องธรรมดา แรก ๆ ยังไม่เข้าใจความเป็นนักแสดง เจอผู้หญิงเยอะแยะ บางทีก็มี SMS สาวๆ ติดกลับมาบ้านบ้าง แบบ อยากได้เป็นแฟนจังเลย

จริง ๆ น้ำหวานเล่นละครแค่เรื่องเดียวที่เจอกัน หลังจากนั้นก็เป็นนักเรียนใช้ชีวิตปกติ เราก็ยังไม่เข้าใจว่าวงการมันเป็นยังไงบ้าง แต่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ เพราะมีคนส่ง SMS มาตลอด?

เต้ : มันเป็นเรื่องราวที่น่าจะเข้าใจผิด เพราะเวลาเราทำงานกับใคร มันก็มีบ้างที่อะไรยังไงกับใครหรือเปล่า หมายถึงผู้หญิงคนอื่นๆ เขาคิดกับเราหรือเปล่า แต่ว่าเราควรจะคิดกลับไหม ก็มีคุยกันบ้างเล็กน้อย แต่ว่าด้วยใจเต็ม 100% เราไม่เคยคิดเลยว่าจะไปอะไรกับเขา แต่พอมีการติดต่อเข้ามา แล้วเขาเห็นมันก็รู้สึกไม่สบายใจ

ตอนนั้นเราทำยังไงถึงชนะความรู้สึกเขาได้?

เต้ : เหมือนเดิมครับ เราต้องใช้ความสม่ำเสมอ แล้วอธิบายให้เขาใจว่า คนนี้เป็นแบบนี้นะ

ตอนนั้นเขาชนะใจเราได้ยังไง?

น้ำหวาน : ให้โทรกลับไปคุยเลย ตอนแรกเขาจะบอกว่าเพื่อนไม่มีอะไร แต่พอโทรไปเราจะได้ยินเลยว่าแอดติจูดเขาไม่ได้ดีนะ คนนี้เขาก็หยุด คือตัวเขาไม่ได้คิดอะไร แต่ผู้หญิงที่เข้ามาคิดกับเขา พอโทรกลับไปเขาได้ยินผู้หญิงตอบกลับมา เขาก็เข้าใจเลยว่าจิตไม่ได้ดีแล้ว

เห็นมีข่าวใหญ่โตเลย พี่เต้บอกว่าถ้ากลับมาโสดอีกครั้งจะเป็นยังไง?

เต้ : มันเป็นความน้อยใจ มันเป็นช่วงเวลาที่น้ำหวานเขากลับไปทำงาน เพราะว่าตั้งแต่มีลูก เราวางแผนครอบครัว มีลูกเลย เรารู้สึกว่าได้เวลาแล้วให้เขาดูแลลูกอย่างเดียว เขามาขอผมกลับไปทำงาน เขายังอยากไปหาประสบการณ์ในการทำงานต่างๆ นานา เราก็เปิดกว้างอยู่แล้ว แต่สุดท้ายไม่ได้ทำงานอย่างเดียว มีคนติดต่อมา เหมือกรรมตามสนองยังไงไม่รู้

น้ำหวาน : ส่วนใหญ่จะมีคนกระซิบว่าเห็นผู้ชายคนนั้นมาคุยกับแฟนนะ

เต้ : โทรไปไม่รับ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ โทรไปไม่รับเลยนะ มันทำงานไปสักระยะ เหมือนเขาจะยุ่งๆ แต่ตอนนั้นคิดไม่ออกหรอกว่ายุ่งหรือเปล่า แล้วเราไม่ค่อยปิดมือถือ หรือใส่รหัส ดูกันได้ แล้วเราก็แบบนี่ใคร ชัดเลยๆ ไม่ใช่แล้ว

ทำไมคุณน้ำหวานถึงไม่รับโทรศัพท์พี่เต้?

น้ำหวาน : รับไม่ได้ คือมันยุ่ง ประชุม ด้วยความที่เราเพิ่งกลับเข้ามาทำงาน บางทีการสื่อสารกันมันน้อย พอมันมีปัญหาตรงนี้เข้ามา การสื่อสารกันเริ่มเยอะขึ้น เราก็รู้แล้วว่าถ้าเขามองไม่เห็น สิ่งที่เขาจะมโนเพิ่มขึ้นไปมันจะเยอะมาก เราก็แคปให้เขาดู ถ้าโทรมาแล้วไม่ได้รับก็แปลว่าประชุมอยู่

เต้ : หลังจากเราได้เคลียร์กันแล้ว ได้ทำความเข้าใจกัน คือเราขาดการสื่อสาร สำคัญมากสำหรับทุกครอบครัว เพราะว่าใคร ยังไงก็แล้วแต่ สิ่งที่มันติดอยู่ในหัวมันไม่ใช่เรื่องที่มันถูกต้อง แล้วคุณยิ่งไปเพิ่มอะไรต่ออะไรเข้าไป มันกลายเป็นว่าเรื่องดีๆ มันไม่เกิดเลยนะ คุยกันดีที่สุด

น้ำหวาน : คุยกันเยอะ ๆ อธิบายเยอะหน่อย แต่ทุกอย่างมันจะดี

ปรับยังไง ถึงกลับมาเข้าใจกันได้?

เต้ : ลูกครับ ลูกเรียกว่าเป็นจุดเชื่อมสำคัญเลย พอกลับมาปุ๊บหน้าที่ของความเป็นแม่ หน้าที่ของความเป็นพ่อ ก็ช่วยกันดูแลลูก มันก็กลมเกลียวกันมากขึ้นกว่าเดิม แต่ว่ามันผ่านจากการที่เรรได้เคลียร์กันมาแล้วนะ

ลูกคนที่2 เราตั้งใจแล้วแท้ง?

เต้ : ครับ 

น้ำหวาน : จริง ๆ ท้องนอกมดลูก น้องไปโตที่ท่อนำไข่ เขาไม่ไหลมาอยู่ที่มดลูก ทำให้เราต้องเสียน้องไป

ตอนนั้นหนักไหม?

น้ำหวาน : ก็เสียใจทั้งคู่ เรามีการตั้งชื่ออะไรไว้หมดแล้ว

เต้ : ผมก็โตมาจากครอบครัวที่มีพี่น้อง 4 คน แล้วเรามามีเอง มีแค่คนเดียว เราไม่เคยคิดเลย อย่างน้อยๆ ก็มีเพื่อนให้เขาหน่อย เสียใจมากตอนนั้น

เพิ่งได้ยินเหมือนกัน การที่น้องโตนอกรังไข่ การที่ดูแลตัวเองต้องให้คีโมด้วย?

น้ำหวาน : จะเป็นการให้คีโมแบบอ่อนๆ เพื่อให้ก้อนนั้นมันฝ่อลง พอฝ่อลงตามธรรมชาติ ร่างกายก็จะขับออก

ตัวคีโมมีฟีดแบคอะไรกับเราบ้าง?

น้ำหวาน : ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะภูมิคุ้มกันของเราจะตก ช่วงนั้นต้องใส่หน้ากากตลอด ไม่ออกไปข้างนอก คือพอเขาไม่ออกมาก็ต้องไปเจาะท้อง เพื่อตัดท่อนำไข่ออกไป

เห็นว่ามีผลกระทบต่อจิตใจถึงขั้นไปดูดวง?

เต้ : เราก็ไม่รู้ว่ามันยังไง เพราะว่าที่มาคือผมไปออกรายการแล้วมีหมอดูในรายการทักว่ามีเด็กตาม ซึ่งผมเองก็อะไร ยังไงครับ ใครที่ไหน เลยได้สืบสานราวเรื่องกันมันมาผูกกับน้องที่หลุดไป เพราะว่าเราตั้งชื่อ เราเรียกเขา เราคุยกับเขา เหมือนมีเขาอยู่

งั้นอนาคตก็ไม่แน่?

เต้ : ใช่ครับ ตั้งใจอยู่ครับ

แล้วถ้าอนาคตมาชื่อเดิมไหม?

น้ำหวาน : ไม่ได้ค่ะ

เต้ : น่าจะชื่อใหม่ เพราะสุดท้ายหมอดูทักว่า เราต้องปล่อยเขาไปนะ ไม่ให้เรียก

ลูกน่ารักขนาดนี้ทะเลาะอะไรกันที่ทำให้คุณตีไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย?

เต้ : ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ถึงขั้นตีลูก ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะโตขนาดนี้ แต่เรารู้สึกว่าเขายังอยู่บนอกเราแบบนี้ ทุกครั้งที่มีอะไรขัดแย้งกัน เราพยายามจะพูดคุย แต่มันมีอยู่แมตช์นึง พยายามจะคุย มันเริ่มจากติดลบห้ามาเลย ชีต้าร์ครับ อันนี้ไม่ได้นะ เป็นแบบนี้นะ ลบสี่ ลบสาม ลบศูนย์ หนึ่ง สอง สาม ไปถึงสิบ ผมขับรถไป เถียงกันเรื่องตัวอักษรภาษาจีน ผมก็อยากรู้ความหมายว่าตัวนี้คืออะไร เขาบอกไม่มีความหมายปะป๊า มันต้องมีสิ ไม่มีครับ มีสิ ไม่มี มี ไม่มี จนสุดท้ายผมต้องตี เขาตีกลับมาด้วยนะ แล้วก็ร้องไห้กันไป แต่ในโมเมนต์นั้นผมรู้สึกว่าเราขาดสติ มันเลยพาอารมณ์กันไป แล้วเขาเป็นเด็กพลังเยอะ มันก็เลยเถิด แต่พอหลังจากเหตุการณ์นั้นมันจบลง กลับบ้านมาเขามาง้อ เขาบอกปะป๊ากินข้าว ปะป๊าขึ้นข้างบนไป 

สรุปตัวอักษรนั้นมีความหมายไหม?

ชีต้าร์ : มันเป็นเส้นของภาษาจีนตัวนึง ชีตาร์ก็อธิบายแต่เพิ่งไปอธิบายตอนเขาติดลบ ห้า หกแล้วครับ

เต้ : ต่างคน ต่างก็พายุพัดใส่กัน อันนี้เรียกว่าเป็นอุทาหรณ์เลยนะ อย่าประมาทเรื่องอารมณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งสุดท้ายต่างคนต่างเสียใจ ผมเสียใจมาก รู้สึกแบบเราทำกับเจ้าตัวเล็กของเราได้ยังไง ก็ไปขอโทษเขา ทุกครั้งที่มีปัญหา หรือมีเรื่องอะไรก็ตาม ทุกคืนผมจะไปหอมเขา ปะป๊ากลับมาแล้วนะ นอนหลับฝันดีนะ ปะป๊ารักชีต้าร์นะ ทำแบบนี้ทุกคืน

ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama