รีเซต

ยังหล่อเฟี้ยว! ทูน หิรัญทรัพย์ รับคุยสาวในวงการอายุห่างกัน 20 ปี เจอรักกลางกอง พร้อมเผยอักษรย่อ (มีคลิป)

ยังหล่อเฟี้ยว! ทูน หิรัญทรัพย์ รับคุยสาวในวงการอายุห่างกัน 20 ปี เจอรักกลางกอง พร้อมเผยอักษรย่อ (มีคลิป)
Entertainment Report_2
22 ตุลาคม 2564 ( 10:00 )
219

ข่าวบันเทิงวันนี้

นักแสดงรุ่นใหญ่มากความสามารถ "ทูน หิรัญทรัพย์" อดีตคาสโนวาคนแรกของวงการ ที่วันนี้ควงลูกสาวคนเล็ก น้องน้ำตาล วาสิตา มาอัปเดตเรื่องดวงตา ที่ตอนนี้ตาซ้ายเกือบบอดสนิท ตาขวาเหลือการมองเห็นแค่ 30% พร้อมแย้มเรื่องหัวใจ เปิดตัวรักใหม่เป็นสาวนอกวงการอายุห่างกัน 20 ปี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

อัปเดตดวงตาของพี่หน่อย ทีมงานบอกว่า ข้างซ้ายมองไม่เห็นเกือบ 100% ?
ทูน : ใช่ครับ มันเริ่มจากข้างขวามันมืดไปแล้วนะครับ ซึ่งเหลือแต่ข้างซ้ายซึ่งมันข้ามมาได้ ข้างซ้ายมันก็รักษาไว้ แต่หมอบอกว่ามันเหลือแค่ประมาณ 30% เอง 

ตอนนี้ข้างไหนชัดกว่ากัน?
ทูน : ข้างซ้ายครับที่เห็นได้ แต่ข้างนี้ไม่เห็นแล้ว 

 

ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บshow

มันมืดเลยเหรอพี่?
ทูน : เวลาคุยกับใครก็อย่าหยิ่งครับ ต้องหัน 

เมื่อกี้เจอข้างล่างดูไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติเลย?
ทูน : เวลามันผ่านไปนานแล้วเป็นปีละ เราก็ชินกับมัน แล้วการที่จะหันอะไรต่างๆ มันก็กลับมาปกติ แต่ว่าขับรถไม่ได้เท่านั้นเองที่ไม่ปกติ มันอันตรายคนอื่น ไม่ใช่อันตรายเรา 

หมอบอกว่ารักษาได้ไหม?
ทูน : รักษาได้ครับ แต่ต้องรอให้สเต็มเซลล์มันเข้าสู่การพัฒนาที่ดีขึ้นกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ถ้าตัดนิ้ว หูหาย เขาใช้สเต็มเซลล์ปลูกได้ แต่ว่าตามันละเอียดอ่อนเลยไม่ได้ครับ

ถ้าจำไม่ผิดพี่เพิ่งไปผ่าตัดตามา?
ทูน : ผ่าตานี่หมายถึงเราเปลี่ยนกระจกตาครับเมื่อปีที่แล้วนี่เอง

แล้วมันดีขึ้นไหม?
ทูน : ก็ดีขึ้น คือมันเสื่อมหมอเลยบอกว่าเปลี่ยนเถอะ อะไหล่ยังมีอยู่ก็เลยเปลี่ยนให้

รักษาตัวนานไหม?
ทูน : ไม่นานครับ ไปวันนี้พักคืนนึง ตอนเช้าทำเรื่องผ่าตัดอะไรเรียบร้อย ไม่ถึง 40 นาทีเราก็ออกมาแล้วครับ ที่ตกใจคืออายุขนาดนี้ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตแบบแอคทีฟไม่น่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ เป็น 3 เส้นด้วย หมอบอกเอา 2 เส้นก่อน ก็เลยไปทำบอลลูน พอมันตีบปั๊บมันเหมือนกับหลอดน้ำ เลือดไม่ไป มีอาการปวด นู่น นี่
 ก็เลยไปหาหมอ หมอเขาฉีดสี ก็เลยรู้ว่ามันไปตันอยู่ตรงนั้น

น้องน้ำตาลให้กำลังใจคุณพ่อยังไง?
น้ำตาล : ถ้าคุณพ่อไปผ่าตัดเราก็ไปนอนเฝ้า พอพ่อกลับมาพักฟื้นเราก็ผลัดกันไปนอนเฝ้า แล้วก็ช่วยกันเตือนคุณพ่อทานยาแล้วก็หยอดตา
ทูน : เตือนแต่ไม่รู้จะฟังไหม

ครั้งที่แล้วที่พี่มา พี่เล่าให้ฟังว่า เพราะปัญหาสุขภาพทำให้คิดฆ่าตัวตาย นั่นคือเรื่องผ่านมานานแล้วใช่ไหม?
ทูน : ใช่ครับ

น้ำตาลรู้เรื่องนี้ไหม?
น้ำตาล : ไม่ทราบเลยจนกว่ามีออกข่าว แล้วหนูก็ทราบพร้อมๆ กับทุกคนเลย

วันที่เราทราบข่าว เราตกใจไหม?
น้ำตาล : ก็ตกใจ มีไปหาคุณพ่อ 2-3 วันหลังจากนั้น แล้วด้วยความที่เราไม่ค่อยพูดกับคุณพ่อตรง ๆ อยู่แล้ว เราก็มีการแอบเขียนจดหมายให้ทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานคุณพ่อ
ทูน : ลูกเขาขี้อาย ต้องเขียนจดหมาย เขาบอกว่าเขาเป็นห่วง เขารัก แล้วถ้าวันนึงไม่มีเรา เขาไม่รู้จะรับสภาพตรงนั้นได้ไหม อารมณ์อาจจะเปลี่ยนไป เขาเป็นคนที่คนข้างละเอียดอ่อนพี่อ่านจดหมายแล้วรู้สึกว่าเขาต้องการเรา แล้วไม่ใช่ตัวเขาอย่างเดียว แต่ว่าพี่สาวอีก 2 คนด้วย คือเราไม่ใช่ทีภาระแต่เรามีความรักที่อธิบายไม่ได้

ถือจดหมายในมือ ลืมไปเลยไหมเรื่องฆ่าตัวตาย?
ทูน : มันลืมก่อนนั้น เพราะว่าคิดก่อนว่าเราอยากเห็นวันที่ลูกปีะสบความสำเร็จ รับปริญญาทั้ง 3 คน เราอยากจะอยู่ถึงวันนั้น แล้วก็ถ้าเป็นไปได้เราอยากจะอยู่ถึงวันที่เขาแต่งงานเราส่งลูกคนโตไปแล้วก็เหลืออีก 2 คน ที่รอดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะว่าเรามีสติที่จะเตือนเราตลอดเวลาว่ายังมีคนที่รักเราอยู่ โดยเฉพาะเลือดเนื้อของเราเองก็คือลูกๆนี่แหละ เราก็เลยต้องอยู่เป็นกำลังใจให้เขา

ตอนที่เราเจอปัญหาหนักๆ ที่เราไม่อยากอยู่แล้ว เคยคิดไหมว่าจะไปปรึกษาลูก?
ทูน : จริงๆ ไม่ค่อยให้คำปรึกษาลูกได้ ใครคำปรึกษาใครๆ ก็ได้ เพราะว่าเป็นนิสัยที่อยากให้อยู่แล้ว แต่เป็นคนที่ไม่ขออะไรจากใคร หรือไม่อยากได้อะไรจากใคร ไม่ใช่เป็นคนหยิ่งหรืออีโก้ แต่เป็นคนที่มีศักดิ์ศรี

พี่แก้ปัญหาให้คนทั้งโลกได้ แต่ที่แก้ไม่ได้คือตัวเอง?
ทูน : ถูกต้องครับ

ทุกวันนี้เริ่มชินกับการใช้ชีวิตที่มันเกิดปัญหาต่างๆ มา แล้วเราก็ยังต่อสู้ สร้างกำลังใจ เพื่ออยู่กันอย่างมีความสุขต่อไป?
ทูน : คือบิ๊วตัวเองทุกเช้า ตื่นมามันต้องทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ที่มีคุณค่าให้กับผู้อื่น เราก็เลยคิดว่าเรามีความรักใหม่แล้ว เขาเรียกว่าสร้างค่านิยมใหม่ๆ ให้กับเยาวชน ก็เลยทุ่มเทเวลา 7-8 ปีนี้ให้กับการอบรมเยาวชน อันนั้นคือ 1 เรื่อง พอมันมาวิกฤตโควิด เราก็ไปนู่นเลย เพราะเป็นที่ปรึกษาให้กองทัพเรืออยู่แล้ว เราก็เลยไปช่วยเขาประชาสัมพันธ์เรื่องการดูแลตัวเองในช่วงโควิด

ที่พี่ทำบอลลูน 3 เส้นที่หัวใจ คือเมื่อไหร่?
ทูน : ประมาณ 2 ปีแล้วครับ

ตอนที่เรารู้ว่ามันมีความผิดปกติของร่างกาย ตอนนั้นความรู้สึกเป็นยังไง?
ทูน : มันอึดอัดไปหมด เหมือนคนมีอะไรมาทับที่หน้าอก แล้วมันก็หายใจไม่ออกแล้วจะเป็นลม ก็เลยรู้ว่ามันไม่น่าจะดี เผอิญลูกสาวน้ำหวาน มาพอดี เขาถามป๊าเป็นอะไรหน้าซีดแล้ว พาป๊าไปที่โรงพยาบาล พอไปที่โรงพยาบาล ขั้นตอนและกระบวนการของโรงพยาบาลคือ นอนก่อน เดี๋ยวดูอาการ แต่เราขออ๊อกซิเจน หายใจไม่ออก แล้วก็ปวดหน้าอกมาก คือเราเรียกว่าหน้าอกนะ เพราะเราไม่รู้ว่าเป็นหัวใจ เราก็ขออ๊อกซิเจน หมอบอกไม่ได้ เอาถุงมาให้แล้วให้เป่าผ่านในถุงกระดาษ เราก็โมโหหมอ บอกว่าผมจะตายอยู่แล้วให้ผมเป่าอยู่เนี่ย แต่มันเป็นธรรมชาติที่เวลาคนหายใจไม่ออก อย่าให้อ๊อกซิเจนเดี๋ยวมันจะเยอะเกินไป ก็เลยกลายเป็นว่าค่อยๆ หายใจ 
และค่อยๆ ลดอาการของความเครียดตรงนี้ หมอถามว่าเจ็บตรงไหน เขาก็เห็นว่าตรงนี้ผิดปกติก็เลยต้องเอ็กซ์สเรย์ไปฉีดสี ก็เลยรู้

ทุกวันนี้ปัญหาเรื่องมองเห็นกับอาการป่วย มันมีผลต่อการทำงานไหม 
ทูน : มันเหมือนกับคนอกหัก ก็จะเศร้าแบบว่าชีวิตนี้ไม่เอาแล้ว แต่พอเราเจอรักใหม่คือแพชชั่น เรามีแรงบันดาลใจ คือการทำให้เรามีค่านิยมใหม่ๆ ขึ้นในสังคม

พี่เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หย่ากับภรรยามา 20 ปี?
ทูน : ครับ เกือบๆ

แล้วคนที่พาพี่กับอดีตภรรยาไปหย่าคือลูก ๆ?
ทูน : ลูก ๆ ครับ ประเด็นมันอยู่ที่ว่าพอลูก ๆ เห็นเราทะเลาะกันบ่อยๆ เขาก็เลยบอกว่าถ้าไม่มีความสุขเราควรจะแยกกันอยู่ ถ้าเห็นหน้ากันทุกวันอาจจะมีเรื่อง มีราว เราก็ซอฟๆ ลงมาโอเคเราไปอยู่ที่ออฟฟิศ กลายเป็นว่าข้างล่างทำงาน ข้างบนเป็นที่พักอาศัย เราก็ได้อรรถรสของชีวิตอีกแบบ ก็คือว่ามีอิสระภาพมากขึ้นในการทำงาน แล้วเราเป็นคนที่ทุ่มเท 

อย่างนี้ลูกๆ อยู่กับคุณพ่อ คุณแม่วันไหนบ้าง?
น้ำตาล : ตอนมัธยมน้ำตาลจะอยู่โรงเรียนประจำ เสาร์-อาทิตย์ บางทีจะสลับไปอยู่กับคุณพ่อบ้าง คุณแม่บ้าง
ทูน : ลูกๆ ก็หมุนเวียนกันมาอยู่ ลูกสาวคนโตมาอยู่อาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้าคนเล็ก บางทีก็มาพร้อมกัน 3 คน แล้วพ่อต้องนอนที่พื้น เตียงมันไม่พอ

ทุกวันนี้เราเจอการหย่าร้างในครอบครัวเยอะมาก แล้วมันก็มีคำพูดว่าเด็กส่วนใหญ่จะมีปัญหาจากการที่พ่อแม่หย่ากัน แต่ครอบครัวนี้ดูเหมือนไม่มีปัญหา พี่จัดการกับเด็กยังไง?
ทูน : เขาเรียกกระบวนการความคิด ถ้าสมมติมนุษย์ 2 คน ไม่สามารถที่จะร่วมชีวิตกันได้ อันแรกเลยต้องยอมรับก่อนว่ามันเป็นไปไม่ได้ 

แต่การยอมรับเนี่ย บางทีมันทำให้เด็กที่ไม่เข้าใจปัญหาของผู้ใหญ่ จะยอมรับยังไง?
ทูน : อันแรกคือบุคคลก่อน แล้วเมื่อมีการยอมรับและตกลงกันได้ เราถึงจะไปเอาผลที่เราสรุปเนี่ยมาบอกลูก ซึ่งบอกลูกก็เหมือนกันครับ กระบวนการมันมีอย่างนี้ 1.ความจริงมันมีอย่างนี้นะลูก ต้องยอมรับแล้ว มันไปไม่ได้ 2.เมื่อยอมรับเสร็จแล้วเนี่ย เราก็เลือกที่จะปฏิบัติได้ ก็คือตกลงมันเป็นอย่างนี้ นี่คือธรรมชาติ นี่คือชีวิต เราจะดำเนินยังไงต่อ เราก็จะเดินไปในฐานะลูก ในฐานะภรรยา ในฐานะสามี ในฐานะพี่น้อง มันก็ปรับตัว มันจะมี 2 อย่าง คือรับรู้แล้วยอมรับ แค่นั้นแหละครับ

คนโตอายุเท่าไหร่แล้วพี่?
ทูน : คนโต 37-38 ครับ คนโตคือน้ำฝน แต่งงานมีลูกแล้ว คนกลางก็อายุประมาณ 35-36 แล้วครับ แล้วน้ำตาลมาทีหลัง อายุ 26 

เห็นบอกว่าลูกสาวคนที่ห่วงที่สุดคือน้องน้ำตาล?
ทูน : ครับ ที่เป็นห่วงเพราะว่าแต่ละยุค แต่ละสมัยนี่ เราเลี้ยงลูก น้ำฝนกับน้ำหวานในยุคนึง ซึ่งอายุเขาใกล้เคียงกัน มันเลี้ยงอีกแบบนึงได้ ประมาณว่าคุยเป็นเพื่อนกับลูกได้ แต่พอมายุคให้หลัง 10 กว่าปีเนี่ยก็ต้องเลี้ยงอีกแบบ เพราะว่าเด็กเจนนี้แบบ ข้าเก่ง ข้าเลิศ ข้าอยู่ได้คนเดียว เขามีความมั่นใจสูง
น้ำตาล : ก็ไม่ค่อยมั่นใจนะคะ แต่ก็พอไหวอยู่

อันนี้เป็นห่วงหรือเป็นหวง?
ทูน : ทั้งคู่ครับ
น้ำตาล : น่าจะหวงหนักกว่า

ตอนมีน้ำตาลเรียกว่าลูกหลงก็ได้ พอคุณแม่ไปตรวจครรภ์ คุณหมอบอกว่าอาจจะมีความผิดปกติ คุณหมออยากให้เอาออก แต่คุณพ่อ คุณแม่ ไม่เอาออก เป็นลูกเขาแล้วยังไงเขาก็ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด น้ำตาลได้รู้เรื่องนี้ไหม?
น้ำตาล : พอทราบมานิดหน่อย ก็ดีใจ อย่างน้อยคุณพ่อ คุณแม่ก็ให้โอกาสมาเกิด แต่ว่านี่ก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ก็เป็นคนติ๊งต๊องเฉย ๆ ไม่มีอะไร

หมอบอกว่ามีความเสี่ยงสูง ทำไมเราถึงเอาไว้?
ทูน : ตอนแรกที่ฟังคุณหมอก็อยากจะลุกเลย คุณหมอพูดแบบนี้ได้ยังไง คือชีวิตนึงที่เกิดมาอาจจะเป็นวุ้นอยู่ แต่ว่าเขาอยากมาเกิดแล้วอยู่ในครอบครัวของเราทำไมเราไม่ให้โอกาสเขา แล้วเรายอมรับว่าคุณหมอพูดจริง แต่คุณหมอไม่น่าพูดตรงๆ อ้อมๆ บ้างก็ได้ ออกมาอาจจะพิการ อาจจะออทิสติก ผมบอกคุณหมอ ผมสรุปง่ายๆ เลย เขาอยากมาเกิด ผมอยากมีลูก ก็ขอให้เขามาแล้วกัน เขาจะมาในสภาพไหน ผมก็จะรับ

น้ำตาลสวยๆ แบบนี้ไม่คิดอยากเข้าวงการเหมือนคุณพ่อบ้างเหรอ?
น้ำตาล : เห็นคุณพ่อทำงานในวงการมาตั้งแต่เด็ก เราก็คอยไปเฝ้าเขาที่กองถ่าย ไม่ค่อยอยากเข้า เพราะเข้าใจว่า ก็เหนื่อย ต้องไปรอคิวจนถึงเช้า จะถ่ายเมื่อไหร่ก็ไม่แน่ใจ

ที่ไม่อยากเข้า เพราะไม่อยากเป็นคนบ้างานเหมือนคุณพ่อหรือเปล่า?
น้ำตาล : ด้วยค่ะ คือเข้าใจมากกว่าว่ามันเป็นงานที่ต้องเจอหลายๆ คาแรคเตอร์ ต้องดิลกับหลายๆ อย่าง ไม่ใช่งานที่ง่าย อย่างที่ใครๆ เขาเข้าใจกัน

บ้างานขนาดวันเกิดลูกก็ไม่ไป คิดถ่ายละคร อันนี้จริงไหม?
ทูน : อันที่1.มันเกิดทุกปีอยู่แล้ว ตอนเด็กๆ เราก็เป่าเค้กให้เขา มีวันพิเศษชวนเพื่อนๆ เขามาเล่นอะไรกันที่บ้าน โดยพื้นฐานตัวเองไม่ค่อยสนใจอะไร สนใจเรื่องเดียว วันนี้จะคิดงาน วันนี้จะวางแผน วันนี้จะออกไปพบปะ ไปอบรมเยาวชน ก็เลยมองว่าเรื่องอย่างนี้ไม่สำคัญ

เห็นว่ารับปริญญาก็ไม่ไป?
ทูน : ที่ไม่ไปสำหรับน้ำตาล เขาอยู่ถึงออสเตรเลีย
น้ำตาล : ที่ออสเตรเลียหนูไม่ได้มายอยู่แล้ว เข้าใจว่ากว่าจะเคลียร์งานเสร็จ กว่าจะไป แต่ว่าหนูรับ 2 ใบนะป๊า
ทูน : รู้ลูก เพราะป๊าจ่ายเงินอยู่
น้ำตาล : หนูรับที่ไทยด้วย คุณพ้อก็ไม่ได้มา แต่ก็เข้าใจงานที่จุฬาฯ คนเยอะ คุณพ่อมาเดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็อะไร ก็เข้าใจ ไม่ได้น้อยใจ

ลูก 8-9 ขวบให้เริ่มดื่มเบียร์แล้วเหรอ?
ทูน : โลกใบนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง เขาจะเจออะไรบ้าง แต่เราก็บอกว่าเห้ย ถ้าเราให้เขาเริ่มต้นจากการมีประสบการณ์ เขาก็จะตัดสินใจเองได้ จะบอกลูกตลอดเวลาว่ามันมีทางเลือกตลอด 8-9 ขวบ อยากดื่มเบียร์ไหมลูก อยากลองๆ เห็นลุงเขาดื่ม เพราะเราเป็นคนไม่ดื่มไง เราก็เลยเอาเบียร์ให้ แต่เป็นเบียร์ดำ มันก็จะขมมาก ก็ให้เขาดื่ม แล้วถามว่าดื่มอีกไหม เขาบอกว่าไม่เอาแล้ว เหม็นๆ โอเคว่าไป

พี่รักลูกทั้ง 3 คน แต่พี่ดูปล่อยอีก 2 คนมากกว่าปล่อยน้ำตาล?
ทูน : ประมาณเท่าๆ กันนะครับ แต่วิธีการอบรม วิธีการสอนเขาคือภาคปฏิบัติมากกว่าให้เขามีประสบการณ์และให้เขาตัดสินใจเองว่าเขาทำยังไง

พ่อเข้มงวดกับเราไหม?
น้ำตาล : มากที่สุดเลยค่ะ จริงๆ คุณพ่อน่าจะเข้มงวดกับพี่คนโตด้วยนะ พี่คนโตจะมองว่าคุณพ่อปล่อยหนูมากสุด แต่จริงๆ ไม่ค่อย

สมัยก่อนกลับบ้านกี่โมง?
น้ำตาล : สมัยก่อนไม่ได้ไปไหนเลย บ้านเพื่อนไปได้ แต่ต้องกลับเร็ว แล้วก็นอนไม่ได้ 

จริงหรือไหมที่หวงไม่อยากให้เขาไปไหน ไม่อยากให้เขาเจอผู้คนเลย?
ทูน : ถ้าเป็นเด็กผู้ชายมันจะซนยังไงเราก็ต้องปล่อย เพราะอยากให้แขามีประสบการณ์ต้องสู้ชีวิต ต้องอยู่ในสังคมได้ แต่ลูกผู้หญิง มันค่อยๆบ่ม ค่อยๆ อบรม ค่อยๆ สอน 

พี่กลัวอะไร?
ทูน : คือเราคิดว่าเขายังไม่พร้อมมากกว่า

จริงไหม พ่อห้ามเรามีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ?
น้ำตาล : ไม่จริงค่ะ เพราะคุณพ่อบอกว่าห้ามมีแฟนเลย

แต่เขาแอบมีแฟน แล้วพ่อก็รู้ด้วย แต่ไม่เคยบอกลูกว่ารู้?
ทูน : รู้ทุกอย่าง วันที่ส่งตัวที่จุฬาฯ ถึงไปแนะนำ ก็เจอครู เจออะไรต่างๆ แจกนามบัตรผมนะครับ มีอะไรโทรหาผมนะครับ แล้วผมขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยนะครับ เผื่อมีอะไร ผมชอบอบรม อ้างไปก่อน แต่จริงๆ โทรไปถาม น้ำตาลเป็นยังไงบ้าง ตั้งใจเรียนไหมครับ โดดเรียนบ้างไหม

อันนี้น้ำตาลไม่เคยรู้?
น้ำตาล : ไม่ทราบเลย

ไม่รู้เหรอ ตอนปี2 อาจารย์ทุกคนในนั้นคือสายลับของพ่อหมด?
น้ำตาล : น่ากลัวมาก ไม่เคยทราบเลย ถามว่ารู้สึกยังไง ก็คุณพ่อสนใจและใส่ใจหนูดี แต่ถ้าตอนนั้นรู้เราคงระวังตัวขึ้นนิดนึง

แล้วเขาทำตามสัญญาไหม เขาเรียนจบก่อนไหมถึงมีแฟน?
น้ำตาล : มีระหว่างเรียนค่ะ คบกันตอนนี้ประมาณ 6 ปี

คบกัน 4-5 ปีถึงพามารู้จักกับพ่อ วันนี้ยอมรับน้องก้องหรือยัง?
ทูน : 1.เราดูผู้ชาย เราต้องดูว่าเป็นผู้นำให้ลูกเราได้ไหม 2.มีไหวพริบยังไง แก้ไขปัญหาอะไรได้ไหม 3.เป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติลูกเราหรือเปล่า

กว่าจะรู้คำตอบพวกนี้พี่ต้องสร้างสถานการณ์ ตอนนั้นพี่ทำอะไร?
ทูน : จัดงานวันเกิดของเราแล้วของลูกด้วย มันก็มีเพื่อนๆ ด้วย ตัวผู้ชายจะยืนห่างๆ เดินรอบๆ สังเกตสิ่งแวดล้อม แล้วก็เจาะแจะกับเพื่อนเขา เพราะตอนเด็กเพื่อนๆ เขาก็มานอนที่บ้านเหมือนกัน เราก็มองๆ พอลูกเห็นป๊าเริ่มคอยาวแล้ว เขาก็ไปตามมาแล้วแนะนำให้รู้จักกัน
น้ำตาล : เพื่อนชื่อ ก้อง ค่ะ

น้ำตาล ลูกสาว ทูน หิรัญทรัพย์

ตอนนั้นเรารู้ไหมว่าเขาเป็นมากกว่าเพื่อน?
ทูน : แหม่...สันชาตญาณ รู้ว่าเขาชอบลูกเราแค่นั้น

เราทราบไหมว่าคุณพ่อจัดงานเพื่อมาดูก้อง?
น้ำตาล : ไม่ทราบเลย คิดว่าคุณพ่อน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามีแฟน เขาชวนมาคงจะแบบโอเพ่นแล้วนิดนึง ก็เลยชวนมา แต่ว่าพอมาถึงก็เขินๆ กันนิดนึง ก็จะเป็นบรรยากาศที่แบบคนนึงอยู่อีกมุมนึง คนนึงอยู่อีกมุมนึง หลังจากวันนั้นก็ค่อยๆ ดีขึ้นมาเรื่อยๆ 

เหมือนที่เขาพูดกันว่าผู้ชายเจ้าชู้มักจะหวงลูก เพราะกลัวกรรมตามสนอง?
ทูน : มันคือข่าวลือ เป็นคนที่เหมือนจะเจ้าชู้แต่เป็นคนที่อัธยาศัยดี มนุษย์สัมพันดี เราเป็นมิตรกับทุกคน เจ้าชู้ไม่ได้อยู่ในสารระบบเรา มันเป็นการที่เราเป็นคนเฟรนลี่ 

พี่กำลังคบหาดูใจกับผู้หญิงอยู่ จริงไม่จริง?
ทูน : จริง 

สาวสวยคนนี้อายุน้อยกว่าพี่ 20 ปีเหรอ?
ทูน : จริง 

สาวสวยคนนี้อยู่ในวงการบันเทิงด้วย?
ทูน : ครับ ทั้งในและนอกวงการ 

คนที่คุยอักษรย่อคือตัว k ใช่หรือไม่?
ทูน : ใช่ครับ ตัว k เป็นชื่อเล่น ถามว่าอยู่ช่องไหน เขาอิสระครับ เป็นฟรีแลนซ์ จะบอกว่าไม่ใช่คนสวยอะไรมาก สวยที่ใจ

เขาน่ารักยังไง?
ทูน : เป็นคนที่คุยสนุก เพราะเราเป็นคนที่ทำงาน บางทีก็เครียด เขาก็พยายามคุยกับเราให้ผ่อนคลาย 

พี่เจอเขาที่ไหน?
ทูน : ในกองถ่าย 

น้ำตาลรู้เรื่องนี้ไหม?
น้ำตาล : รู้หมดเลยค่ะ
ทูน : รู้ได้ยังไง
น้ำตาล : หนูก็มีสายสืบของหนู 

แล้วหนูรู้สึกยังไง ป๊าเขามีคนคุยแล้วเขาเบิกบานใจแบบนี้?
น้ำตาล : เขามีความสุขก็ดี ถ้าไม่ใช่คนที่มีภัยร้ายอะไรก็โอเค 

เรามีโอกาสได้เจอยัง?
น้ำตาล : ยังเลยค่ะ 

คนนี้คุยนานหรือยัง?
ทูน : ประมาณ 4 ปีแล้วครับ แต่ลูกไม่เคยเจอเลย เป็นห่วงความรู้สึกของลูกเขาด้วย เขาอาจจะคิดว่ามีแล้วเดี๋ยวมาแย่งความรักของเขาไปหรือเปล่า
น้ำตาล : จริงๆ ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่เคยมีอยู่ครั้งนึง คุณพ่อเคยพาคนคุยมาแนะนำ ต้องบอกว่าตอนนั้นน้อยใจ ไม่คุยกับคุณพ่อไปสักพัก แล้วร้องไห้อะไรประมาณนี้ คุณพ่ออาจจะมองว่าประสบการณ์ครั้งนั้นอาจจะไม่ค่อยดี ก็เลยอาจจะไม่กล้าพามา 

อย่างคนนี้น้ำตาลอยากเจอไหม?
น้ำตาล : อยากเจอ เจอก็ได้ค่ะ 

คนนี้น้ำตาลไฟเขียวไหม?
น้ำตาล : อย่างที่บอกขึ้นอยู่กับคุณพ่อมากกว่า ว่าเขามีความสุขไหม คบกันแล้วชีวิตดีขึ้นก็เต็มที่ได้เลย 

ถ้าเขาจะมีครอบครัวใหม่กับคนนี้โอเคไหม?
น้ำตาล : คิดว่าโอเคค่ะ อยากให้เขามีความสุขที่สุด 

อยากบอกอะไรกับสาว k ?
ทูน : เราคบกันมานาน เราก็คิดว่าเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักกันมาเป็นเพื่อนที่รู้ใจกัน ดูแลซึ่งกันและกัน ผมก็คิดว่าคงไม่ช้า ไม่นานคงจะปิดไม่มิด ยังไงก็ขึ้นอยู่กับน้องเขานะครับว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ 

เขาไม่ได้มีแค่คนเดียว คนนอกวงการชื่อเล่นอักษรย่อคือ?
ทูน : ตัว P ครับ 

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คุยแซ่บShow”  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวม
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี