รีเซต

ตัวแม่มาเอง!! ตุ๊ก วิยะดา เปิดใจเล่าที่มากว่าจะเป็นดีว่า ประกาศปิดประตูหัวใจ

ตัวแม่มาเอง!! ตุ๊ก วิยะดา เปิดใจเล่าที่มากว่าจะเป็นดีว่า ประกาศปิดประตูหัวใจ
Entertainment Report_3
1 ธันวาคม 2563 ( 15:04 )
322

ข่าวบันเทิงวันนี้

โด่งดังมาจากการประกวดร้องเพลง จนคว้ารางวัลระดับประเทศมาแล้ว สำหรับนักร้องเสียงดี ตำแหน่งดีว่าตัวแม่ "ตุ๊ก วิยะดา โกมารกุล ณ นคร" ที่มีเพลงดัง ๆ มากมาย อาทิ เพียงแค่ใจเรารักกัน, ขอจันทร์, ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ฯลฯ  ซึ่งเจ้าตัวได้มาเยือน รายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เล่าย้อนประวัติกว่าจะได้มาเป็น ตุ๊ก วิยะดา ที่ทุกคนรู้จักตอนนี้ พร้อมทั้งยังเปิดใจเรื่องความรักที่ชีวิตนี้ไม่ขอครองสถานะโสด ไม่ขอแชร์เวลาชีวิตกับใครอีกแล้ว 

ตุ๊ก วิยะดา เปิดใจเล่าที่มากว่าจะเป็นดีว่า ประกาศปิดประตูหัวใจ

 

ย้อนกลับไปที่กว่าจะมาเป็น ตุ๊ก วิยะดา ที่ทุกคนเรียกว่า ดีว่า ตอนนั้นเริ่มต้นมาจากอะไร? 
ตุ๊ก วิยะดา : ตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่เลย เพราะตอนนั้นมีแฟนเป็นนายร้อยตำรวจ พอแฟนจบก็ไปอยู่วงดนตรีของ บชน.  เป็นวงที่เข้าถึงประชาชนก็จะไปเล่นตามธรรมศาสตร์ จุฬาฯ ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็ตามแฟนไปซ้อมดนตรีทุกอาทิตย์ 

ซึ่งเรารู้ตัวไหมว่าเราร้องเพลงได้?
ตุ๊ก วิยะดา : ไม่รู้ตัวเลย เราติดแฟนแค่นั้น แล้วไปซ้อมเพลงที่บ้านหม่อมหลวงประพันธ์ทุกครั้ง เราก็ตามแฟนไปซ้อมทุกอาทิตย์จนเขาถามว่าร้องเพลงเป็นหรือเปล่าไหนลองร้องสิ พอเราร้องเขาก็ประจุเข้าวงเลยเพราะว่านักร้องของวงตำรวจผู้หญิงเขาร้องเพลงไทย ส่วนเราร้องเพลงสากลจากนั้นเขาก็บรรจุเราเข้าวงเลยเป็นนักร้องประจำวง เพราะด้วยความที่เราอยู่โรงเรียนราชินีมา เราร้องแต่เพลงไทยเดิมเราไม่มีทางที่เรารู้เลยว่าเราจะร้องเพลงได้ และเราไม่รู้เลยว่าเราร้องเพลงสากลชัด เพราะเราโตมากับ THE BEATLES โตมากับ เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราร้องเพลงเป็น แต่เนื้อเพลงมันซึมเข้ามาในหัวตั้งแต่เด็กแล้ว

แล้วตอนนั้นที่เข้าไปร้องเพลงใน บชน. ใช้ความสามารถของเราหรือใช้เส้นของแฟน? 
ตุ๊ก วิยะดา : มีบ้างแต่ถ้าบอกว่าใช้เส้นไม่ได้ให้แฟนใช้ค่ะ แต่เราใช้ทางรุ่นพี่เข้ามากกว่า แต่การได้เข้ามาอยู่ในนี้ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นของนักร้องอาชีพที่กล้าขึ้นเวทีโดยชุดนักเรียน จากนั้นก็เริ่มเป็นขั้น เป็นตอน พอวันตำรวจก็ได้ออกทีวีมันก็เริ่มเคยชินกับการขึ้นเวทีมีประสบการณ์เยอะขึ้น จากนั้นแฟนก็ไปเรียนต่อแล้วเราไม่ได้ทำอะไร เราก็หัดร้องเพลงกับแผ่นเสียง พอเรากลับมาที่ไทยเราก็มาร้องเพลงเป็นอาชีพ เริ่มจากการร้องเพลงที่คลับของโรงแรมก็ร้องมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาอยู่ใน บางกอกคอนเนชั่น ระหว่างที่อยู่ที่นี่พี่ที่ค่ายก็ส่งเพลงเข้าประกวดที่สยามกลการ หรือ KPN งานของสยามกลการ มีอยู่ 2 การประกวดนักร้อง ตอนนั้นที่ประกวดก็จะมี พี่เบิร์ด ธงไชย, พี่อุ้ย รวิวรรณ แล้วตัวเรา พี่ปุ๊ อัญชลี เป็นสายประกวดร้องเพลงให้คนที่ส่งบทประพันธ์เพลงเข้าประกวด (คือ ร้องเพลงให้กรรมการฟัง แต่ขอตัวเพลงที่ร้องเข้าประกวด) ก็ประกวดมา 2 ปี ปีที่สอง เราประกวดได้ที่สอง แต่เพลงนี้ติด 1 ใน 2000 เพลงที่ญี่ปุ่น พอเขาเลือกเพลงนี้มาเราได้ไป ญี่ปุ่น

ตรงนั้นหรือเปล่าที่ทำให้เราเป็นนักร้องออกอัลบั้ม? 
ตุ๊ก วิยะดา : ยังค่ะ แต่วันดีคืนดี พี่กริช ทอมมัส มาชวนว่าไปทำเทปกันไหมใจเราตอนนั้นคือ เราดีพอเหรอ คือ สมัยนั้นการออกเทปคือมันยิ่งใหญ่มากแต่เราปฏิเสธไป แล้วต่อจากนั้น 2-3 ปี ก็มีคนมาชวนอีกคือ พี่แต๋ม ชรัส เราเลยตอบตกลง เริ่มต้นด้วยเพลง เพียงแค่ใจเรารักกัน แต่ก็แปลกที่เพลงเราเหมือนร้องวันนี้ แต่ก็จะดังอีกปีสองปีเลยหลังจากที่ปล่อยเพลงออกมา อย่างพอเราออกเพลง ขอจันทร์ ออกมา แต่เพลงที่ดังกลับเป็นเพลง เพียงแค่ใจเรารักกัน ซึ่งเพลงดังนะคะ แต่ดังช้า อัลบั้มแรกของวิยะดา ออกมาคู่กับตู่ นันทิดา ฟ้ายังมองเรา พี่ตู่ขายไปได้ห้าแสน วิยะดา ขายได้ห้าหมื่น เพราะในยุคนั้นเพลงที่เราออกมาคือ POP JAZZ ซึ่งไม่มีใครทำในยุคนั้นคนเลยไม่ค่อยฟัง และยิ่งไปกว่านั้นอัลบั้มชุดที่ 3 ออกมาแนว JAZZ เลยคนฟังเขาก็จะบอกว่าสูงไปฟังไม่รู้เรื่อง

แล้วอีกอย่างเลยคือ ออกเพลงดังมาก็เยอะแต่เวลาไปไหนมาไหนคนไม่รู้จักว่าคือ ตุ๊ก วิยะดา?
ตุ๊ก วิยะดา : ส่วนมากคนจะทักผิดค่ะ อย่างล่าสุดที่เราไปงานที่เขาใหญ่มาแล้วมีแฟนเพลงเอาของมาให้ในถุงก็จะมีของเยอะแยะมากมาย แต่ที่หน้าถุงที่เขาเขียนมาคือชื่อ ณัฐดาว วิยะกาญจน์ ก็ ปนัดดา โกมารฑัต เคยมีครั้งหนึ่งที่ตรัง ขึ้นลิฟท์มาด้วยกันแล้วบอกเราว่า ชอบมากเลยค่ะ คุณปนัดดา (หัวเราะ) 

อีกอย่างคือ ก่อนที่จะขึ้นเวที ตุ๊ก วิยะดา จะมีการวอร์มเสียงที่ไม่เหมือนใคร?
ตุ๊ก วิยะดา : มีดื่มเล็กน้อยก่อนขึ้นเวทีค่ะ เพื่อทำให้อุ่นคอ แต่ไม่ได้แนะนำให้ทำตามนะคะ เรารู้สึกว่าทำให้เครื่องมันร้อน แต่ก็มีอยู่งานที่เราดื่มจนเกลี้ยงเลย(แต่ไม่ใช่ร้องไม่ได้เลยนะคะ แต่แอมเขาก็มาช่วยประคองเรายืนร้องไปด้วยกัน) แต่ว่าเจ้าของงานเขาก็โอเคนะคะ เพราะว่ามันสนุก ซึ่งการที่เราดริ๊งก์ก็เป็นของดีเหมือนกันนะ เพราะเวลาคนที่เขาติดต่องานแล้วหานักร้องที่ไม่ต้องรีบกลับเขาก็โทรมาหาเรา (หัวเราะ) แต่ก็มีค่ะ ที่เราขึ้นร้องแล้วไม่ได้ดื่ม คือช่วงเข้าพรรษา แต่เพื่อน ๆ ก็จะบอกเราว่า วิยะดา เธอไม่ต้องมีเข้าพรรษาก็ได้นะเพราะทุกอย่างรู้สึกว่าไม่อัตโนมัติ

แถมยังมีบางงานไม่ยอมลงจากเวที? 
ตุ๊ก วิยะดา : เพราะบางงาน อย่างที่เขาใหญ่ให้เราขึ้นร้องหนึ่งทุ่ม แล้วร้องอีกทีสุดท้ายเลยแล้วระหว่างรอให้ทำอะไรก็ดริ๊งก์รอไป จำได้เลยวันนั้นได้ขึ้นอีกทีตีสามพร้อมพี่มัมแล้วเป็นเพลงต่อกัน ๆ เราก็ร้องวนท่อน HOOK อยู่ห้ารอบ จนพี่บอย พี่ดี้ ต้องมาพาลงเวทีจากงานนี้มันเลยเป็นภาพติดตัวมา

และอีกเรื่องคือ ตุ๊ก วิยะดา มีเพื่อนคู่ซี้จนคนมองว่าเป็น ดับเบิ้ลตุ๊ก?
ตุ๊ก วิยะดา : ตุ๊ก ญาณี คือ คบกันมานานแต่มาสนิทกันมาก ๆ น่าจะสักประมาณ 10 ปี เวลาเราถ่ายละครเราเป็นคนไม่กล้าดริ๊งก์ในกองแต่ผู้จัดเปิดให้เราก็ตาม แต่ผู้จัดเป็นคนสั่งไว้ให้ด้วยนะคะ แล้วถ้าเราไปร้องเพลงที่ไหนแล้วไม่ชวนเขาก็จะงอน แล้วคือ พี่ตุ๊ก ก็จะขึ้นแจมร้องเพลงด้วยกับเรา และที่เหมือนกันอีกอย่างคือ ไม่ยอมลงเวทีเหมือนกัน

อีกเรื่องที่คงไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือ เรื่องของความรักผ่านมาอย่างมากมาย? 
ตุ๊ก วิยะดา : ใช้ชีวิตคุ้มค่ะ เพราะบางทีเราทำอะไรคนเดียวใช้ชีวิตลำบากหน่อย แต่สำหรับตอนนี้ไม่ต้องมีแล้ว ตอนนี้โสด และโสดมานานแล้ว รู้สึกว่าโลกนี้เป็นของเรา คือไม่อยู่เพื่อใครแล้ว ไม่ต้องทำอะไรเพื่อใคร อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมีคนมาถามว่ากลับกี่โมง กลับเมื่อไหร่ เสร็จงานหรือยัง แต่ที่ผ่านมามันเหมือนกับว่าพอเลิกกับคนหนึ่งเสียใจมีใหม่ มีความเสียใจนะคะ เพราะหลายคนมักบอกว่าเราไม่เสียใจในความรัก แต่จริงๆเสียใจนะ แต่ที่รีบมีคนใหม่เพราะจะได้ลืมความเสียใจจากคนเก่า แต่เราเป็นคนที่ไม่เคยทิ้งใครนะคะ อดทนกับความเจ็บปวดจนถึงที่สุด ให้เขาเป็นคนเลิกกับเราเอง อย่างคนสุดท้ายที่เราคบคือ เขาค่อย ๆ หายไป และเราก็ไม่ตามเขา แต่ในวันที่เรารู้สึกว่าจบแล้วไม่อยากมีใครแล้วก็เพราะว่า เราถึงวัยที่อยากอยู่คนเดียวอยากมีเพื่อน อยากปาร์ตี้ ให้ความสำคัญกับตัวเองให้ความสำคัญกับครอบครัว เรามีความสุขที่ได้โสด ได้อยู่คนเดียว

ไม่ใช่แต่จะเป็นนักร้องสายปาร์ตี้เท่านั้น แต่ ตุ๊ก วิยะดา ยังเป็นสายบุญอีกด้วย?
ตุ๊ก วิยะดา : เราก็ไม่ใช่สายบุญแต่เต็มร้อย แต่แม่ก้อย ทาริกา ก็จะชวนเราตลอดไปไหน เราก็ไปตลอด