ต้อม ณหทัย พาเปิดวาร์ป น้องโนอาห์ แม่-ลูก คนละศาสนา เผย ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว
ต้อม ณหทัย พาเปิดวาร์ป น้องโนอาห์ แม่-ลูก คนละศาสนา เผย ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว พร้อมดันลูกเข้าวงการ
ต้อม ณหทัย พาเปิดวาร์ป - โตเป็นหนุ่มแล้ว สำหรับ น้องโนอาห์ ลูกชายคนเดียวของนักแสดงสาว ต้อม ณหทัย พิจิตรา ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะศิลปศาสตร์ สาขา วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 4
ล่าสุด ต้อม ณหทัย ได้ควง น้องโนอาห์ มาเปิดวาร์ปกับทางข่าวสดบันเทิงออนไลน์
เปิดตัวลูกชายทายาทคนเดียวของต้อม ณหทัย
โนอาห์ : "ชื่อโนอาห์ ภูรีภัทร มหากนก ครับ อายุ 22 ปี เรียนอยู่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลับรังสิต ปัจจุบันอยู่ปี 4 อายุ 22 ปี ปีสุดท้ายแล้ว"
แม่ลูกมีความลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นมากน้อยขนาดไหน? ต้อม : "เขายังไม่เคยลิ้มลองงานในวงการเลย เพราะเขาเวอร์จิ้นมาก เรียนอย่างเดียว แต่ต้อมก็ถามเขาว่าสนใจไหม ลองมาเฉี่ยวๆ ในวงการดีไหม แบบงานละคร เขาก็บอกว่าถ้าเป็นสไตล์ซีรีส์วายอ่ะ สนใจ"
โนอาห์ : "สนใจครับ ปัจจุบันใครก็ดูครับซีรีส์วาย มีความน่าสนใจสูง"
คุณแม่ลองพาไปแคสต์บ้างหรือยัง? ต้อม : "ยังไม่ได้ลอง ยังไม่ได้ไปทางไหนเลย เพราะว่ามันเป็นช่วงโควิดด้วย จริงๆ แล้วมีบรอดคาซท์ฯ ทาบทามไว้ แล้วพอดีตอนนั้นน้องเรียนเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 แล้วพอจังหวะเข้าปี 2 ก็ช่วงโควิดพอดี พี่หน่องบอกอยากให้น้องเข้าไปลองเทสต์ดู แล้วจังหวะตอนนั้นมันไม่เหมาะเลยแยกย้ายกัน ตอนนี้เลยยังเวอร์จิ้นอยู่ ยังไม่ได้เข้าไปในวงการใดใด"
ดีกรีเริ่ด โปรไฟล์ดีขนาดนี้ มีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง? โนอาห์ : "ความสามารถพิเศษส่วนตัวก็หลายด้าน เราชอบดนตรี เล่นกีตาร์ เปียโน ทรัมเป็ต"
ต้อม : "เขาร้องเพลงก็ได้อยู่นะ คล้ายๆ ใครนะ เพลง พิง ของ นนท์ ธนนท์ เขาจะมีน้ำเสียง ต้อมจะชอบแอบฟัง เขาก็จะมีกีตาร์ของเขา มีแวว คือต้อมจะบอกเขาเสมอว่าถ้าเกิดมีโอกาสอะไรเข้ามาทุกอย่างมันคือประสบการณ์ในชีวิต
เราอย่าไปปิดกั้น เราไม่ต้องเรียนอย่างเดียว ต้อมจะบอกเสมอว่าไม่ต้องเรียนจนเอาเกรด A มาให้แม่นะ เพราะแม่ไม่ต้องการ เราอยากให้เขาเรียนแบบสนุก เขาชอบอะไรเราก็ส่งเสริมเต็มที่ ให้เขาได้ใช้ชีวิต เฟรนด์ลี่ ให้ทำกิจกรรมโรงเรียน เลี้ยงกันแบบชิลชิล"
แม่ส่งเรียนดนตรีโดยเฉพาะ? ต้อม : "ตอนเล็กๆ เราส่งเขาเรียนอิเล็กโทน พอหลังจากนั้นเขาก็ขอให้ซื้อกีตาร์ให้ และอูคูเลเล่ และเขาก็พัฒนาเล่นของเขาเอง แต่ไม่ได้เล่นจริงจังมากมาย ก็เล่นเวลาว่าง"
โนอาห์ : "เป็นกิจกรรมยามว่างของเด็กมหา’ลัยครับ แล้วผมก็มีกิจกรรมเล็กเป็นสภานักศึกษา กรรมการคณะครับ"
ต้อม : "เราก็เป็นสายกิจกรรมมันคงจะถ่ายทอดกันไปทางยีนมั้งคะ"
ชีวิตการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นอย่างไร? ต้อม : "ดีนะ เราแฮปปี้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว คือการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมันหนักในเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่เราว่าเรามีลูกในวันที่เราพร้อม ต้อมมีลูกตอนอายุ 30 ปี ซึ่งวันนั้นเราพร้อมระดับหนึ่งแล้วที่จะสามารถดูแลใครได้แบบไม่ลำบากใดใด
แล้วการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวคือเราไม่ต้องมานั่งถามใคร อย่างเวลาเราตัดสินใจอะไร เราก็ตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล เราก็จะถามเขาว่าคิดยังไง เลยรู้สึกว่ามันอิสระดี จะเลี้ยงให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"
แม่หวงมากน้อยแค่ไหน? โนอาห์ : "เรื่องหวง อย่างที่บอกแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่แม่ก็ปล่อยให้ผมไปเจอประสบการณ์"
ต้อม : "เอาตรงๆ เลยก็ได้ เขาถามว่าเรื่องสาวๆ แม่หวงไหม มีสกรีนไหม"
โนอาห์ : "ไม่มีครับ แม่ให้เลือกด้วยตัวเองเลยว่าอยากเจอใครก็ไปเลย"
ต้อม : "คือให้เขาได้ลองคบ แต่เคยขอเขาไว้อย่างหนึ่งว่าถ้าจะมีจริงจังระดับใช้คำว่าแฟน ขอให้เรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยก่อน
เพราะว่าคุณจะโตพอ แยกแยะออกว่าคนนี้มาดี มาไม่ดี พูดง่ายๆ คุณแหล ไม่แหล มันจะพอดูออกมาระดับมหา’ลัย แต่ช่วงต่ำกว่านั้นก็บอกเขาว่าอย่าซีเรียสกับความรัก ให้เป็นปั๊ปปี้เลิฟ อย่าให้เป็นอะไรลึกๆ นั่นแหละบอกเขาว่าอย่าออกตัวแรง เพราะเดี๋ยวคุณต้องไปเจออะไรอีกเยอะ"
"เราเลี้ยงลูกแบบไม่มีความกดดันใดใด ยกเว้นเรื่องเกม เนื่องด้วยเป็นผู้ชาย ช่วงอายุ 16-18 ปี เป็นช่วงที่ต้อมเคยนั่งร้องไห้ตอนนั้น แล้วก็โทรไปปรึกษาพี่ตุ๊ก ดวงตา ว่าลูกเล่นเกมแล้วไม่สนใจเราเลย แล้วพี่ตุ๊กก็ให้แง่คิดว่าเขาเป็นวัยรุ่น เดี๋ยวเขาก็จะเลิกเอง เขาเป็นแบบนี้แหละ จนพออายุ 18 ปีไป เขาก็ไม่สนใจแล้วเกม ไปสนใจสาวแทน”
“คือตอนนั้นอยู่กันสองคน เราเดินเข้าบ้านเขาก็นั่งเล่นเกม เราก็พยายามเดินผ่านให้เขาเห็นว่ากลับมาแล้ว เขาก็ไม่ทักไม่ใดใดทั้งสิ้น จนผ่านมาเป็นชั่วโมง เราทนไม่ไหวว่าไม่คิดจะทักแม่เหรอ เขาก็หันมาบอกอ้าว แม่กลับมาแล้วเหรอ เราก็น้อยใจ ว่าเราเหนื่อยนะทำไมไม่ทักเรา เราไปทำงานกลับมา อยากจะบอกทุกคนที่เจอปัญหาแบบนี้นะว่าปล่อยผ่านไปแล้วเขาจะหยุดของเขาเอง คิดได้เอง”
หวงลูกแค่ไหน? ต้อม : "เราจะบอกลูกเสมอว่าโนอาห์ลูกมีแม่คนเดียวนะ ลูกต้องเซฟตัวเองตลอดเวลา ถ้าลูกเป็นอะไรไปใจแม่ยิ่งกว่าแตกสลาย เขาคือที่สุดของเรา เขาคือยิ่งกว่าชีวิตของเรา เราอยากให้เขาทะนุถนอมตัวเขาที่เราสร้างขึ้นมา ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาอยู่หอพัก คือถ้าเขาเป็นอะไรไป หัวใจมันแตกสลาย เราก็ไม่สามารถอยู่ได้ เราก็จะส่งสติกเกอร์ในไลน์ให้ตลอด"
ลูกชายโสดอยู่? ต้อม : "มีคนโสดอยู่ คือมีคนรอเชือดเฉือนกันมากเลย แม่คิดว่าเขาน่าจะมาสแตนบายแล้ว"
โนอาห์ : "แม่ก็พูดเกินไป(ยิ้ม)เขิน"
ต้อม : "จริงๆ มาต่อกันเร็วมาก อย่างว่าอยู่ม.เขาก็ทำกิจกรรม ก็จะมีสาวๆ มีหนุ่มๆ หมายปองเยอะ"
โนอาห์ : "แม่ๆ ผมไม่ได้มีหนุ่มๆ"
ต้อม : "ไม่ใช่ อย่างงั้น คือโนอาห์เขาจะเป็นคนหน้าหวานๆ คือนี่เป็นเรื่องเล่นๆ นะ ขำๆ ตอนเล็กๆ เขาจะเป็นคนหน้าหวานมาโดยตลอด เรายังพูดกับเขาเลยว่าถ้าเขาโตขึ้นมาแล้วจะเป็นก็ไม่ซีเรียสนะ คือเรารับได้ ถ้าจะเป็นลุกส์ไหน ถ้าจะไปแนวนั้นก็ได้นะ เราก็จะส่งเสริมให้เป็นน้องปอยไปเลย คือบอกเขาว่าไม่ต้องซีเรียสขอให้คุณเป็นคนดีก็พอ มีความสุขในการใช้ชีวิตแล้วก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน"
สเป๊กเป็นยังไงบ้าง? ต้อม : "มีสเป๊กด้วยเหรอเราเห็นแต่ละคนไม่เหมือนกันสักคน"
โนอาห์ : "จริงๆ สเป๊กที่ชอบจะเป็นแบบฝรั่งหน่อย คือแม่บอกตั้งแต่เล็กๆ แล้วว่าชอบฝรั่ง"
ต้อม : "จริงเหรอ ไม่เห็นเคยได้เลยฝรั่ง ถ้าฝรั่งได้จริงคือเอาหลานมาเลย เลี้ยงให้ เพราะต้อมเป็นคนชอบสะสมตุ๊กตาของเมืองนอก แต่เรามีข้อแม้ว่าถ้าเป็นหลานเนี่ย ขอเป็นผู้หญิงและต้องเป็นลูกครึ่งเท่านั้น แต่ถ้าคนไทยไม่เลี้ยงนะ เบื่อสายพันธุ์แบบนี้แล้ว (ยิ้ม)
อยากจะสอนสวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรม ก็เป็นข้อตกลงกัน แต่ถ้าเขาเป็นสายฝ. ก็ดีเลย เพราะว่าถ้าเขาเรียนจบปีนี้ ต้อมตั้งใจว่าจะให้เขาไปต่อที่ออสเตรเลีย เพราะเขาเกิดที่ซิดนีย์ ก็อยากจะให้เขาไปต่อที่นู่น เพราะตอนนี้จบมาก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบทำงานใดใด ในสถานการณ์แบบนี้นะ ไม่ต้องรีบ"
"แต่สมมติว่าเขาเฉี่ยวเข้ามาในวงการแล้วจะหาประสบการณ์ก็ได้ อายุยังน้อยอยู่ ก็ดูเส้นทางว่าอะไรมันจะเข้ามา จะหาประสบการณ์หรือเรียนต่อก็ดูจังหวะเวลาว่าอะไรมันมาก่อน แต่ถ้าไม่มีอะไรทำคงจะไปต่อปริญญาโทค่ะ"
โนอาห์ : "โนอาห์ก็อยากได้ประสบการณ์ด้วย ด้วยความที่แม่เลี้ยงมาแบบปล่อยๆ"
ต้อม : "อย่าพูดว่าปล่อยสิลูก แม่คือดูห่างๆ เพื่อให้ลูกได้คิด ได้ตัดสินใจ ได้เป็นตัวของตัวเอง จริงๆ เราเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง แต่เราก็ไม่ได้เลี้ยงลูกให้เขาสบายไปนะ"
โนอาห์ : "สบายไปมันก็จะเป็นการสปอยล์นะ แต่อย่างเรื่องประสบการณ์ผมที่บอกคือเรื่องการสร้างอนาคตถ้าได้เฉี่ยวทำซีรีส์ก็น่าเก็บเป็นประสบการณ์ ถ้าหากจะให้ทำงานที่ไทย ยังครับตอนนี้ถ้าเรียนจบขึ้นมาก็อาจจะไปต่อเมืองนอก นอกโลก(หัวเราะ)"
ต้อม : "อันนี้ยังแพลนไม่ค่อยได้ค่ะ เพราะน้องเขายังไม่เคยไปไหน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในม. และก็เป็นช่วงโควิด"
ทำไมถึงไม่ค่อยเปิดตัวลูกลงโซเชียล หลายคนอาจจะคิดว่าไม่มีลูกด้วยซ้ำ? ต้อม : "บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรามีลูก คือคนก็จะรู้เองเวลาไปออกตีสิบตอนเขาเล็กๆ แต่ด้วยเวลามันผ่านมาคนก็ไปโฟกัสที่เรื่องงาน แล้วก็ลืมเลือนไป แต่ถ้าถามเราก็บอกนะ
แต่ไม่ค่อยได้มีใครเจอน้องไง เพราะเขาก็เรียน แต่จริงๆ ก็อยู่ด้วยกันแหละ เพิ่งจะมาแยกกันตอนอายุ 18 ปี แต่เราก็ฝึกให้เขาดูแลตัวเอง ดูแลแบบห่างๆ แต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงเราจะไม่เลี้ยงแบบนี้เลยนะ ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ให้ไกลต้อมเกิน 3 ก้าวนะ ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะเลี้ยงแบบนี้”
“กลับกันผู้ชายเราต้องเลี้ยงแบบนี้ โตมาเขาจะได้มีภาวะความเป็นผู้นำ ในอนาคตเขามีแฟน เขาจะดูแลครอบครัวเขาไม่ได้ ถ้าเราแบบอะไรก็แม่ เอะอะอะไรก็แม่ตลอด ไม่ได้จะเป็นลูกแหง่ ดีนะได้ลูกผู้ชาย ถ้าได้ลูกผู้หญิงคงต้องแต่งตัวเรียบร้อย และต้องเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็น"
ได้ยินว่าลูกกับแม่คนละศาสนา? ต้อม : "ตอนอายุ 18 ปี เขามาขอต้อม รู้สึกว่าวันนั้นเขาซีเรียสมากนะ เหมือนเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเขารู้ว่าเราเป็นพุทธมามกะ เป็นพุทธแบบธรรมะจ๋ามาก เพราะเราปฏิบัติอยู่ เขาก็เข้ามาบอกว่าแม่มีอะไรจะคุยด้วย เขาก็บอกว่าแม่ถ้าโนอาห์จะขอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ได้ไหม คือมีอ้ำอึ้ง เราก็นิ่งไปแป๊บนึงแล้วบอกว่า อืมก็ได้
แต่ก็ขอว่าถ้าไปนับถือคริสเตียนก็ขอให้เขาไปปฏิบัติ ไปดูว่าในศาสนานั้นเขามีแก่นแท้ดีอย่างไร คือบอกเขาถ้าไปนับถือต้องเข้าโบสถ์ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าวันหนึ่งแม่อยากให้ลูกบวชพระ ลูกต้องบวชนะ ในเวลาที่ถึงเวลา
อย่างสมมติเรียนจบบวช เพราะคริสต์เขาไม่ได้ปิดกั้นอยู่แล้ว คืออยากให้เขามาศึกษา แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็กลับไปเป็นคริสต์เหมือนเดิม อยากให้เปิดกว้าง ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี"