Short CommentDoctor Lawyer (2022)"ฉากหน้าคือไอเดียที่แหวก แต่เนื้อในคือความเดิมและซ้ำ ทว่ายังเข้มข้นเร้าใจได้ตามแนว"ถ้าดูซีรีส์เกาหลีมานานเข้ามากเข้าและดูแบบเอาเรื่องจะมองเห็นบางอย่าง และสิ่งที่ดูไปบ่นไปมองเห็นคือใช่ว่าทางเกาหลีจะมีอะไรใหม่มาให้ตื่นใจได้ตลอดเวลา ยังมีการเอาของเก่ามาเล่าใหม่อยู่จนดูแล้วเอะใจ เพียงแต่ด้วยชั้นเชิงที่แพรวพราวขึ้นจนสังเกตได้ในปัจจุบันก็ทำให้เกิดสิ่งที่ผู้เขียนเคยเอื้อนเอ่ยมาหลายครั้งแล้วว่า เกาหลีมักมีดีที่การเอาของเก่าซ้ำช้ำมาเล่าให้ดูใหม่ได้ตลอด เช่นเรื่องของการหลีกเร้นกายใจไปให้ธรรมชาติและความงดงามของจิตในมนุษย์ตามวิถีช่วยเยียวยาที่ได้เห็นกันบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เล่าออกมาถ้าไม่เรื่องมากอย่างผู้เขียนก็จะดูได้แบบเนียนๆไปไม่สนใจว่านี่คือเรื่องที่ได้เคยผ่านตามาบ่อยๆ หรือกระทั่งถ้าเอาเรื่องทางนี้ไปใส่ในงานแนวอื่นก็ยังมีมาแล้วและถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น เช่นเดียวกับซีรีส์ที่ผู้เขียนเพิ่งดูจบไปที่หน้าฉากดูแหวกแปลกใหม่แต่เนื้อหาข้างในก็คือของเก่าเล่าซ้ำ แต่ก็ยังเข้มข้นพอที่จะให้ดูได้อย่างเร้าใจฮันอีฮัน (โซจีซบ) ศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลมูลนิธิมหาวิทยาลัยพันซอกต้องกลายมาเป็นผู้ต้องหา เมื่อการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจให้กับน้องชายของอัยการกึมซอกยอง (อิมซูฮยัง) ที่อีกฐานะหนึ่งคือคนรักได้เกิดความผิดพลาดถึงชีวิต แต่แท้จริงแล้วคือความฉ้อฉลของประธานโรงพยาบาลกูจินกิ (อีคยองยอง) ที่จะป้ายสีให้ฮันอีฮันเป็นผู้รับผิดชอบผ่านแผนการที่แยบยล และสุดท้ายฮันอีฮันจึงต้องยอมทำตามเพื่อรักษาชีวิตไว้จนห้าปีให้หลังฮันอีฮันกลายมาเป็นทนายความที่ว่าความให้กับคนไข้ที่ได้รับการรักษาที่ผิดพลาดของพันซอก ขณะเดียวกันโรงพยาบาลพันซอกก็ได้ต้อนรับนักลงทุนต่างชาติเชื้อสายเกาหลีเจย์เดน ลี (ชินซึงรก) จนเมื่อฮันอีฮันต้องการสืบหาความจริงในกรณีการผ่าตัดหัวใจของน้องชายคนรักเพื่อเปิดโปงและเอาคืนกูจินกิ กลายเป็นเจย์เดน ลีมาร่วมมือกับฮันอีฮันเพื่อโค่นกูจินกิที่ฉากหน้าเห็นว่าเป็นเรื่องการลงทุน แต่ลึกๆแล้วมีอะไรซ่อนไว้มากกว่านั้นถ้าว่ากันที่ไอเดียเรื่องนี้ถือว่าเริ่มต้นด้วยความบรรเจิด เพราะโดยธรรมชาติของเนื้อหาของซีรีส์แนวการแพทย์และซีรีส์แนวคอร์ทรูมดราม่าจะมีความเข้มข้นอยู่ในตัว ซึ่งถ้าว่ากันที่ไอเดียเริ่มต้นคือความน่าสนใจเป็นหน้าเสื่อที่แข็งแรงเพราะเมื่อหมอกลายมาเป็นทนายใครมันจะไปคิด และเมื่อเริ่มต้นก็เห็นความเข้มข้นรออยู่ข้างหน้าเมื่อใช้ความเป็นงานสืบสวนค้นหาความจริงเพื่อเปิดโปงและทวงคืนความยุติธรรม แล้วสิ่งนี้เองที่ทำให้เนื้อในของไอเดียบรรเจิดที่ฉากหน้ากลายเป็นความเก่าเล่าซ้ำ เพราะแม้จะมีเรื่องของการแพทย์การผ่าตัดการช่วยชีวิตคนให้เห็นหรือยังมีเรื่องราวในศาลการว่าความการต่อสู้กันทางคดีความ แต่ก็ดูเหมือนหลบไปข้างหลังเอาไว้เป็นฐานรากเพื่อไม่ให้หลุดไปจากไอเดียเริ่มต้นเท่านั้น เพราะบทละครเดินเรื่องด้วยการสืบหาความจริงผ่านความซับซ้อนที่ต้องค้นหาจนทำให้กลายเป็นซีรีส์สืบสวนที่เห็นได้ทั่วไปแต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ใช่ว่าเรื่องจะออกมาธรรมดาเพราะยังมีดีพอที่จะเร้าอะดรีนาลีนให้หลั่ง เพราะแม้จะใช้ชั้นเชิงแบบเดิมคือการเล่าเรื่องย่อยเก็บเล็กน้อยไปหาเรื่องใหญ่แต่สิ่งที่ทำได้ดีคือความน่าสนใจและความน่าสงสัย ซึ่งต้องแยกออกเป็นสองส่วนหนึ่งคือความน่าสนใจคือเรื่องของการต้องค้นหาหัวใจ (ที่ไม่ใช่ความรัก) ที่คนดูรู้ทั้งรู้ว่าเป็นอะไรยังไงแต่น่าสนใจว่าความจริงจะเผยออกมารูปแบบไหน สองคือความน่าสงสัยว่าทำไมเจย์เดน ลีจึงช่วยฮันอีฮันเพราะแม้จะเห็นว่าเป็นเรื่องของทุนใหญ่ที่จ้องจะฮุบกิจการโดยไม่สนวิธีการแต่ก็มองเห็นเจตนาบางอย่างข้างในเพราะบทปล่อยมันออกมาแบบนั้น น่าเสียดายที่บทเลือกเล่าเรื่องย่อยที่ดูลอยออกจากเรื่องใหญ่ในคดีความบางคดีที่เห็นชัดว่าเอามาสะกิดแค่ผิวๆไม่เจ็บไม่ร้อนไม่มีก็ไม่เป็นไรแต่เมื่อมีมาก็มองเห็นว่าตั้งใจมาเพื่อเร่งเร้าอารมณ์คนดูให้ไปสุดทางส่วนที่สามที่ทำให้เร้าใจถึงขั้นสุดแม้จะไม่ใหม่คือการบังคับให้คนดูเลือกข้าง นั่นคือการโยนความเกลียดชังทุกอย่างไปหาฝ่ายคนร้ายคือประธานกูจินกิและพันซอก ด้วยชั้นเชิงง่ายๆแบบนี้แต่ถ้ารายละเอียดเข้าขั้น (และการดูออนแอร์สดที่ขาดความต่อเนื่องทำให้จับผิดลำบาก) คนดูก็พร้อมชิงชังอีกฝ่ายเพราะเล่นง่ายๆคือไม่สนวิธีการ ทำได้ทุกอย่าง จัดการยาก ต้อนไม่จนมุมสักที ซึ่งมันส่งผลดีตรงที่การพาอารมณ์คนดูไปสุดทางเพราะเหมือนไม่ได้รับรางวัลกลางทางเลยแต่เมื่อเรื่องลงเอยคนดูก็สาแก่ใจ แต่ในส่วนนี้ยังกล้าๆมีมิติให้เห็นความพยายามให้คนดูเห็นใจตัวร้ายแต่สำหรับบางคนมันสายไปแล้วเพราะที่ผ่านมาคนดูเหม็นขี้หน้าเหลือประมาณ คือต่อให้มากราบกรานก็ไม่ยกโทษให้แต่สำหรับบางคนที่วางตัวให้น่าสงสัยก็มีอะไรพลิกผันให้ตื่นเต้นได้และแน่นอนน่าเห็นใจไม่น้อย ทำให้สองตอนสุดท้ายที่จัดความซับซ้อนมาเต็มที่แต่เข้มจนเป็นที่น่าจดจำสิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ที่ทำให้ในความเก่าซ้ำยังจัดการคนดูได้คือการสร้างตัวละครที่คนดูรับได้ ซึ่งก็คือการสร้างตัวละครที่มีมิติที่ดีสามมุมคือขาวเทาและดำทำให้เกิดความน่าสนใจและความน่าสงสัยอย่างที่ว่าเพราะสีขาวคือฮันอีฮันและดำคือกูจินกิที่คนดูสนใจว่าจะมีบทสรุปมุมนี้ยังไง อีกคนที่เป็นสีเทาคือเจย์เดน ลีที่คนดูจะสงสัยในเจตนาของเขาสุดทางว่าเขามีความลับอะไรไว้ และเมื่อขาวปะทะกับดำแล้วมีสีเทามาเป็นตัวแปรสีไหนที่จะถูกกลืนก็คือความเข้มข้นที่บทละครใส่มาระหว่างทาง ซึ่งอาจมีบ้างที่เป็นเรื่องที่ไม่ได้ใจคนดูเท่าไหร่และเห็นชัดว่ามาเพื่อให้รางวัลคนดูที่ไม่เกี่ยวกับภาพหลัก และถึงที่สุดก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่มาเหลียวแลหรือปล่อยให้คนดูคิดไปเอง แต่กับเรื่องสามคนนี้ทีอยู่เบื้องหลังยังหนักแน่นที่จะพาคนดูไปสู่จุดลงเอยที่คนดูหวัง แต่สุดท้ายบางอย่างก็สมประสงค์บางอย่างคนดูก็ไม่มอบใจให้อย่างที่บทหวังไว้นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ถูกขับเคลื่อนอย่างมีพลังจนสุดทางด้วยการแสดงของสามนักแสดงหลัก ซึ่งโซจีซบก็ได้ใจคนดูเต็มที่เพราะคนดูรู้สึกว่าต้องเอาใจช่วยหมอที่เป็นทนายคนนี้กับสิ่งที่เขาเจอมา และการแสดงของโซจีซบหลังจากห่างจอไปสองปียังจัดการได้เบ็ดเสร็จเพราะตัวละครแบบนี้เฮียเล่นได้สบาย เช่นกันกับอีคยองยองที่เหมือนผูกขาดบทตัวร้ายนิ่งๆหน้าตายแบบนี้ที่เล่นกี่เรื่องกี่ทีคนดูก็เกลียดทุกทีจนนึกไม่ออกแล้วว่าลุงแกเคยเล่นเป็นคนดีบ้างหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่เป็นคือเป็นตัวปะทะกับอารมณ์คนดูให้สุดทางไปได้อย่างสมบูรณ์ แต่ที่ต้องออกปากชื่นชมคือชินซึงรกที่เป็นตัวละครปริศนาเป็นกุญแจไขประตูการต่อสู้กันของสีขาวและดำ ชินซึงรกให้การแสดงที่ปั่นหัวคนดูด้วยบุคลิกที่ดูไม่ปกติคือคนดูรู้ว่ามีอะไรอยู่ในใจแต่ไม่รู้ว่าคืออะไรทำให้สงสัยตัวละครเจย์เดน ลีไปจนสุด สุดท้ายคนที่น่าเห็นใจที่สุดก็กลายมาเป็นคนที่แสดงได้อย่างมีสีสันที่สุดนั่นเองถ้ามองโดยละเอียดนี่คืองานสืบสวนที่สามารถหาดูได้ทั่วไป เพราะไม่มีอะไรหลุดพ้นไปจากงานสืบสวนที่เคยเห็นมาแม้แต่น้อยทั้งการเล่าเรื่องการซ่อนเร้นประเด็นและปมรวมไปถึงชั้นเชิงที่ใช้ที่เปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลย ซึ่งถ้าว่ากันที่ความเห็นส่วนตัวผู้เขียนมองว่าสองตอนสุดท้ายคือความน่าจดจำเพราะความเหนือชั้นมันมาออกที่ตรงนี้ด้วยความซับซ้อนยากที่จะคาดเดาว่าทางลงจะเป็นยังไง เพราะหลังจากที่ให้รางวัลกับคนดูไปเรียบร้อยก็ถึงเวลาต้องมาต่อสู้กันในชั้นศาลและกลายมาเป็นสองตอนสุดท้ายคืองานคอร์ทรูมดราม่าที่เข้มข้นถึงใจอย่างที่ควรเป็นหลังจากที่วางเรื่องนี้ไว้ข้างหลังมาตลอดทาง จึงถือว่าเป็นงานดีที่ดูสนุกได้เพราะความเข้มข้นเร้าใจยังมีเพียงแต่จะไม่ใช่จากความเป็นซีรีส์การแพทย์ผสมกับซีรีส์ขึ้นโรงขึ้นศาลอย่างที่หน้าเสื่อเผยให้เห็น แต่เป็นงานสืบสวนหาความจริงชั้นดีที่ได้ใจแม้จะเคยเห็นมามากมายดูสนุกได้แต่จบแล้วก็จบกันเท่านั้นเองดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบจากภาพปก 1 , ภาพปก 2 , ภาพปก 3 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 จาก Facebook MBC 드라마 อ่านบทความซีรีส์ที่เนื้อหาคล้ายกันโดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่รีวิวจัดเต็ม Doctor Prisoner : หมอในเรือนจำ (2019) "การจะปราบปีศาจ อาจต้องขายวิญญานให้ปีศาจที่ร้ายกว่า"ในความทรงจำ Innocent Defendant อัยการแดนประหาร (2017) ไม่หักมุมแต่พลิกแล้วพลิกเล่า เล่นกับอารมณ์อย่างเหนือชั้น *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565