ระงับฉาย-ขายหนังคลาสสิก "Gone with the Wind" ทั่วโลก หลังโลดแล่นมา 80 ปี
ข่าวสารวงการหนัง Gone with the Wind
หนังรักสุดคลาสสิกอย่าง "Gone with the Wind" หรือ "วิมานลอย" ฉบับเมื่อปี 1940 กลายเป็นประเด็นดราม่าให้กล่าวถึงในสังคมอีกครั้ง หลังจากออกฉายไปแล้วถึง 80 ปี เพราะกระแสรณรงค์และชุมนุมประท้วง "Black Lives Matter" ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาแท้ๆ ส่งผลทำให้สตูดิโอหนังที่ถือครองลิขสิทธิ์ได้ทำการถอดหนังออกจากการฉายสตริมมิ่งไปอย่างกะทันหัน โดยอ้างว่าหนังมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่ออยู่ๆ HBO Max สตริมมิ่งในเครือ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ได้ทำการถอดถอนหนังเรื่องนี้ออกจากระบบไป หลังจากที่หนังกลายมาเป็นประเด็นและกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย โดยมีการจับโยงไปถึงเรื่องราวเนื้อหาของหนัง ที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นเหยียดสีผิวที่ปรากฏอยู่ในหนัง
จากแถลงการณ์ที่ทาง HBO Max เผยแพร่ออกมานั้น ได้ให้เหตุผลในครั้งนี้ว่า หนังมีเนื้อหาไม่เหมาะสมกับปัจจุบัน เนื่องจากมีการนำเสนอความอคติทางชาติพันธุ์และสีผิว ที่มองว่าเป็นแนวคิดที่ขัดต่อค่านิยมปัจจุบันของทางบริษัท จึงทำให้พิจารณาปลดหนังเรื่องนี้ออกจากระบบไปก่อน
อย่างไรก็ตาม การสั่งแบนและระงับการฉายออนไลน์ของ Gone with the Wind ในครั้งนี้ กลับส่งผลดีกับสตริมมิ่งออนไลน์ที่เป็นคู่แข่ง เพราะปรากฏว่าชาวอเมริกันแห่กันไปดูหนังเรื่องกันยกใหญ่ ทำให้หนังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเพียงชั่วข้ามคืน ขณะที่ล่าสุด HBO Max กำลังจะนำเอาหนังเรื่องนี้กลับมาเข้าระบบสตรีมมิ่งออนไลน์อีกครั้ง พร้อมกับเพิ่มข้อคิดเห็นและข้อแนะนำจากนักวิชาการชาวผิวสี
แต่ประเด็นดราม่าครั้งนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบแต่เพียงในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพราะ วอร์เนอร์ฯ ได้มีจดหมายแจ้งไปยังบริษัทผู้จัดจำหน่ายหนังเรื่องนี้ไปทั่วโลก เพื่อขอความร่วมมือระงับขายและเผยแพร่หนัง Gone with the Wind โดยเพจเฟซุบ๊ก MPO Licensing ตัวแทนจำหน่ายโฮมวิดีโอลิขสิทธิ์ในเครือวอร์เนอร์ฯ ของไทย ก็ได้ออกประกาศหยุดขายหนังเรื่องนี้ในไทยเช่นเดียวกัน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับ Gone with the Wind เป็นหนังโรแมนติกดราม่า ที่สร้างมาจากบทประพันธ์อมตะของ "มาร์กาเร็ต มิตเซลล์" นำแสดงโดย นำแสดงโดย "คลาร์ก เกเบิล", "วิเวียน ลีห์", "เลสลี ฮาเวิร์ด" และ "โอลิเวีย เดอ แฮวีลันด์" โดยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองและผลกระทบหลังสงคราม ผ่านมุมมองของชาวใต้ผิวขาว
หนังมีความยาวเกือบ 4 ชั่วโมง เป็นเจ้าของ 10 รางวัลออสการ์ในปี 1940 อีกทั้งทางสถาบันภาพยนตร์อเมริกันยังได้บรรจุเอาไว้ในรายชื่อ 100 สุดยอดหนังอเมริกาตลอดกาล ยังคงเป็นหนังคลาสสิกที่คนรุ่นหลังเปิดดูเพื่อความบันเทิงและศึกษาถึงสภาพสังคมในยุคนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะขัดแย้งกับแนวคิดในปัจจุบันไปเสียแล้ว
Source: MovieWeb
----------------------------------------------------