"Begin Again" เพลงรัก การเริ่มต้นใหม่ และชีวิตที่ไม่มีวันเหมือนเดิม by Kanin The Movie
รีวิวหนัง Begin Again
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อพูดถึง “หนังเพลง” เรามักจะนึกถึงชื่อของ “จอห์น คาร์นีย์” เป็นคนแรกเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าเขาคือผู้กำกับหนังเพลงที่ดีที่สุด หรือมีผลงานเกี่ยวกับหนังเพลงเยอะแยะมากมาย แต่อาจจะเพราะเขาคือคนทำหนังเพลงที่ร่วมสมัยมากๆ ในยุคนี้ จากหนังรักสร้างชื่ออย่าง "Once" (2007) สู่หนังวัยรุ่นร้าวๆ อย่าง "Sing Street" (2016) คาร์นีย์ได้กลายเป็นผู้กำกับที่ใครหลายคนชื่นชอบ เฉกเช่นเรื่องเล่า และบทเพลงในผลงานของเขา กระนั้น หนังที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากทุกเรื่องที่เขาทำคือ "Begin Again" (2013) ภาพยนตร์คอมเมดี้-ดราม่า ที่ว่าด้วยชายหญิงช้ำรักสองคน กับการทำเพลงเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
แม้ส่วนตัวจะรู้สึกว่า Begin Again เป็นงานของคาร์นีย์ที่ชอบน้อยที่สุด แต่หลังจากได้กลับมาดูอีกครั้งก็พบว่า โห เราเอนจอยกับมันมาก ๆ ระดับหนึ่งเลย คือมันเป็นหนังเพลงที่สนุก ดูแล้วมีความสุขมากๆ แม้เรื่องเล่าจะไม่คม และโดนใจเท่ากับ Once หรือ Sing Street แต่มันก็สวยงามมากๆ
หนังเล่าเรื่องของโปรดิวเซอร์เพลงตกอับ กับนักแต่งเพลงสาวที่เจอกันในบาร์คืนนึงโดยบังเอิญ ภายหลังวันที่แย่ที่สุดวันหนึ่งของชีวิตทั้งคู่ (ฝ่ายชายโดยเขี่ยออกจากบริษัทที่ตัวเองเปิดเพราะไม่ยอมรับวัฒนธรรมเพลงยุคใหม่ ส่วนฝ่ายหญิงจับได้ว่าคนรักตัวเองกำลังมีคนอื่น) ทั้งสองตัดสินใจทำเพลงด้วยกัน หลังฝ่ายชายเห็นว่าเธอมีความสามารถทั้งในการร้อง และแต่งเพลง
จริงๆ ก็เหมือนดูหนังเรื่องอื่นของคาร์นีย์เลย Begin Again จับจ้องชีวิตของมนุษย์ผู้หลงรักในเสียงเพลง มนุษย์ที่มีความสุขกับการได้ร้องเพลง แต่งเพลง ทำเพลง หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเพลง พื้นที่ในหนังส่วนหนึ่งถูกยกไปให้กับตรงนี้ บางส่วนสำคัญกับเรื่องเล่า และบางส่วนก็ไม่ แต่ที่แน่ๆ มันสามารถถ่ายทอดบรรยากาศ และความรู้สึกของหนัง และคนทำได้อย่างชัดแจ้ง
เราเลยชอบฉากอัดเพลงในหนังมาก พอๆ กับที่ชอบฉากทำเพลงใน Once หรือฉากถ่ายเอ็มวีใน Sing Street เพราะตัวละครทุกคนมีความสุข เอนจอย ณ ห้วงนั้นไปด้วยกัน และด้วยความจริงที่ว่า พวกเขาเจ็บปวด ชีวิตพวกเขากำลังเจอปัญหา แบกรับภาระมากมายไว้ในใจ การได้ร้องเพลงจึงเป็นเหมือนการได้หลีกหนีชั่วคราว ไม่ว่าชีวิตจะต้องสุข หรือทุกข์ เมื่อพวกเขาอยู่กับเสียงเพลง มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีเสมอ
ใจความสำคัญของ Begin Again คือการพูดถึงความเปลี่ยนแปลง และตั้งคำถามกับความเป็นไปได้ที่จะกลับมาคงเดิม ในที่นี้ไม่ได้พูดถึงแค่กับความสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงเรื่องอื่น ๆ ที่หนังนำเสนอ ทั้งอุตสาหกรรมเพลง ตัวตน หรือความรู้สึก ที่ถูกร้อยเรียงกันจึงเกิดเป็นเรื่องราวของการเริ่มต้นใหม่ - คอนฟลิกต์แรกที่ปรากฎในหนังคือการที่โปรดิวเซอร์ถูกเขี่ยออกจากบริษัทที่ตนก่อตั้งกับเพื่อน เพราะว่าเขาไม่สามารถหาศิลปินมาเข้าค่ายเพลงได้เลยตลอด 7 ปี
อันเนื่องมาจากยุคสมัยของเพลงที่เปลี่ยนแปลงไป เขามองว่าเพลงยุคนี้มีแต่เพลงขยะ เมื่อความคิดสวนทางกับองค์กร เขาจึงถูกไล่ให้ออกมา ในสภาวะชีวิตที่ตกอับที่สุด วันที่เหมือนจะแย่ที่สุดในชีวิตเขากลับได้พบกับหญิงสาวในบาร์ที่เขาบังเอิญไปนั่ง บทเพลงของเธอทำให้เขามีหวัง และกำลังใจที่จะสานต่องานตัวเองอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันหญิงสาวนักแต่งเพลงก็เพิ่งอกหักจากคนรักนักร้องที่คบกันมานาน เขาจับได้ว่าฝ่ายชายมีคนอื่นหลังเดินทางไปทำงานอีกรัฐ (การจับได้ของเธอสุดยอดมาก ๆ เกิดจากฝ่ายชายเปิดเพลงใหม่ที่เขาทำระหว่างอยู่แอลเอ และเธอจับได้ว่าเพลงนี้เขาไม่ได้แต่งให้เธอ แต่แต่งให้คนอื่น) เธอจึงหอบกระเป๋า และทุกอย่างออกมาจากที่พัก โดยหวังว่าจะหนีไปจากนิวยอร์กในอีกวัน
แต่แล้วเธอก็ได้พบโปรดิวเซอร์เพลงที่มอบข้อเสนอให้เธอทำอัลบั้ม เป็นโอกาสให้เธอได้มีตัวตน และเฉิดฉายความสามารถของตัวเอง ภายหลังอยู่ในเงาของคู่รักมาโดยตลอด (ทั้งๆ ที่ทั้งสองทำงานร่วมกันมาโดยตลอด เป็นพาร์ทเนอร์ที่ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมาจนมีวันนี้ได้)
เพราะแบบนี้ การที่ทั้งสองได้ทำเพลงร่วมกันจึงเป็นเหมือนการหล่อเลี้ยงชีวิตของใครอีกคน หล่อเลี้ยงความหวังที่มีอาชีพ หล่อเลี้ยงชีวิตที่ตัวเองเฝ้ามองมาโดยตลอด เราชอบความสัมพันธ์ของทั้งสองในเรื่องมากๆ ชอบที่พวกเขาได้ออกไปใช้ชีวิต แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สนทนาในเรื่องต่างๆ ชอบที่พวกเขาเป็นทั้งเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันหนังก็มีท่าทีจะเลื่อนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตลอดเวลา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีเควนซ์กลางเรื่องที่ทั้งคู่เดินเล่นไปทั่วนิวยอร์กยามค่ำคืนเป็นอะไรที่โคตรโรแมนติก (จนอยู่ๆ ก็เหมือนดู Before Sunrise เพราะมันเล่าทั้งหมดในคืนเดียวกันยาวเลย) พวกเขาได้แชร์บทเพลงที่ตัวเองชอบ ได้ใช้ตัว Splitter แยกหูฟังที่ฝ่ายชายเคยใช้กับภรรยาของตน ทุกอย่างมันโรแมนติกมาก แต่ก็ในขณะเดียวกันมันก็เป็น Magic Moment ในแบบของเพื่อนด้วย เราชอบความคลุมเครือนี้มาก มันไม่ได้เรียกร้องให้เราต้องลุ้นว่าทั้งคู่จะลงเอยด้วยกันไหม แต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่เราเห็นแล้วมีความสุข เพราะพวกเขาดูมีความสุขกันมากๆ เวลาอยู่ด้วยกัน
ประเด็นเการเปลี่ยนแปลงวนกลับมาอีกครั้งในช่วงท้ายเรื่องที่แฟนเก่าของหญิงสาวกลับมาขอคืนดี เขามาพร้อมกับเพลงอัลบั้มใหม่ และ Lost Stars เพลงที่ครั้งหนึ่งมันคือของขวัญวันคริสต์มาสที่เธอแต่งให้เขา แต่วันนี้มันถูกรีมิกซ์ใหม่ให้กลายเป็นอีกเวอร์ชั่นที่คนส่วนมากชื่นชอบ เธอรู้สึกโกรธที่เขาเอาเพลงของเธอไปทำให้มันเป็นเพลงของตัวเอง และคนอื่น แต่ฝ่ายชายก็บอกว่า นี่แหละ คือวิธีที่เราจะเชื่อมต่อเพลงกับสู่คนฟังได้มากที่สุด ให้เพลงได้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
แต่ทั้งนี้ เขาต้องการเธอกลับมามากกว่าสิ่งใด เขาพร้อมจะยอมเททั้งหมดนี้เพื่อเธอคนเดียว ในฉากสุดท้ายของเรื่อง เธอได้ไปดูเขาเล่นคอนเสิร์ตที่บาร์ แฟนเก่าเซอร์ไพรซ์เธอด้วยการเล่น Lost Stars ในอีกเวอร์ชั่นที่เธอเคยเล่นเอาไว้ตอนพวกเขาคบกัน แน่นอนว่ามันทำให้เธอมีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเธอมองไปรอบๆ เธอก็พบว่าเพลงเพลงนี้ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป แต่เป็นของคนฟัง เป็นคนของคนอื่น และแน่นอนว่าเป็นของเขา ความพยายามของแฟนเก่าเป็นสิ่งที่ดี แต่เธอก็ได้ตระหนักอย่างชัดเจนที่สุดว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก ทั้งความสัมพันธ์ และชีวิตของทั้งสอง
Begin Again เป็นหนังที่ฉายภาพให้เห็นว่าเมื่อบางสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว เราทำได้แค่ยอมรับมัน มนุษย์ต้องหาหนทางให้ตัวเองอยู่เสมอ บ้างอาจสามารถกลับไปเป็นดังเดิม และบ้างอาจจำเป็นต้องมีทิศทางชีวิตใหม่ ความสัมพันธ์ของโปรดิวเซอร์กับภรรยา และนักดนตรีสาวกับแฟนเก่า เป็น 2 ตัวอย่างที่น่าสนใจ และถูกขับเคลื่อนไปแบบคู่ขนานพร้อมกัน เราได้เห็นว่าสุดท้ายความสัมพันธ์ที่เหมือนจะแตกหักถาวรก็สามารถรื้อฟื้นกลับมาเป็นปกติได้
และในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ที่ดูมีแนวโน้มจะกลับมาดีดังเดิม ก็จบลงด้วยการแยกย้ายไปคนละทางได้เช่นกัน ทั้งสองตัวละครมีนิยามของการเริ่มต้นใหม่ในแบบของตัวเอง ไม่มีแบบไหนผิด ไม่มีแบบไหนถูก มีแต่คำถามที่ว่า “สิ่งที่เปลี่ยนไปแล้ว จะเปลี่ยนตลอดไปหรือไม่” ซึ่งอาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ก็ได้ ที่สำคัญคือคุณมีความสุขในแบบไหนมากกว่า
กลับไปซึมซับบรรยากาศที่คิดถึงของ "Begin Again เพราะรัก คือเพลงรัก" เป็นโปรแกรมหนังดีที่นำกลับมาฉายในโรงภาพยนตร์ชั้นนำอีกครั้งหนึ่ง พลาดไปครั้งนี้...คงจะเสียดายแย่
----------------------------------------------------