นี่ก็ถือว่าเป็นภาคสุดท้ายปิดตำนาน The Hangover แล้วนะครับ เท่าที่ดูสองภาคแรกมา ก็พอจะจับใจความได้ว่าที่เมาเละจนไม่ได้สติกเพราะว่ามันมีปัจจัยอื่นนอกเหนือจากเหล้า นั่นก็คือยาอีนั่นเอง และภาคนี้ก็ทำเซอร์ไพรส์ผมด้วยการดำเนินเรื่องโดยไม่เกี่ยวข้องกับความเมาเลยหนังเล่าถึงหนึ่งในสมาชิกแก๊งค์เมาปลิ้น ซึ่งคราวนี้เพราะเขาถูกมาเฟียจับตัวไปเป็นตัวประกัน เพื่อบีบบังคับให้ทั้ง 3 คนคือฟิล (Bradley Cooper) สตู(Ed Helms)และอลัน(Zach Galifianakis) ไปทำภารกิจบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของดัค นำมาซึ่งเหตุการณ์วายป่วงปนหายนะซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์หรือของมึนเมาใด ๆ ทั้งสิ้นก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ คือภาพยนตร์ภาคที่สามของตระกูลหนังเมาปลิ้น และแฮงค์โอเวอร์ซึ่งในภาคนี้หนังได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการดำเนินเรื่องและการกัดจิกมีความแดกดันเพศที่สาม คนผิวสีและคนเอเชีย ใครเป็นแฟนคลับของแฮงค์โอเวอร์ภาคก่อนหน้านี้ หรือเคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อนในสองภาคแรกก็จะรู้สึกได้เลยว่า นี่มันไม่ใช่แห่งโอเวอร์จริง ๆ เพราะฉะนั้นภาพจำของคนที่ชื่นชอบแฮงค์โอเวอร์ในสองภาคก่อนอาจจะต้องรู้สึกว่าผิดหวัง เพราะบอกได้เพียงคำเดียวว่ามันไม่ใช่ พล็อตเรื่องของแฮงค์โอเวอร์คือมันต้องกินเหล้าเมาจนไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อตื่นขึ้นมาสิอาจจะเป็นการนำเสนอแบบใหม่ ๆ โดยที่ผลลัพธ์ในภาค1 2 และ 3 เหมือนกันก็คือความวายป่วง เพียงแต่สองภาคแรกสาเหตุอาจจะมาจากสุราแต่ภาคนี้จะไม่เกี่ยวกับการกินเหล้าอีกต่อไป ถึงแม้ว่านี่จะเป็นจุดประสงค์ในการนำเสนอแบบใหม่จริง ๆ แต่มันก็ยังไม่ตอบโจทย์อยู่ดีครับ ที่จริงอาจจะหามุขใหม่ในการไปหาที่กินเหล้าแล้วทำเนื้อเรื่องให้เหมือนกับสองภาคแรกก็ได้ แต่หนังกลับฉีกแนวไปขนาดนี้ก็เลยทำให้หลายคนค่อนข้างผิดหวังและเมื่อไม่มีการเมาเกิดขึ้นตามพล็อตเรื่องทำให้หนังกลายเป็นAction Thirller คือต่อสู้และสืบสวนสอบสวนปนตลกเข้ามาด้วย ประเด็นของการเล่าเรื่องนั้น ไม่มีช่องว่างของคำว่าความจำสูญหายในระหว่างความเมาเหมือน 2 ภาคแรก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ให้เป็นสีสันแห่งเช่นความซ่าและความแสบของพวกเขาเลยเบาบางลงไปพอสมคว รและด้วยเหตุนี้ผู้กำกับก็ได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงและทดแทนด้วยสิ่งใหม่นั้นคือการต่อสู้และหักเหลี่ยมกันระหว่างสามหนุ่มแล้วมาเฟีย แต่ไม่ว่าดูอย่างไรก็ค่อนข้างออกทะเลคะแนนเนื้อเรื่อง 7/10 ความตั้งใจในการดูภาพยนตร์เรื่องนี้คือความวายป่วงและพฤติกรรมในช่วงที่พวกเขากำลังเมาไม่ได้สติ แต่หนังพยายามนำเสนอความวายป่วงที่อาจจะเกิดขึ้นได้แม้ว่าจะไม่ต้องดื่มสุราก็ตาม แต่สิ่งที่ลดน้อยลงไปคือความแสบซ่าของพวกนักแสดงนำก็เลยรู้สึกผิดหวังกับพักนี้นิดหน่อยข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. แม้จะไม่ต้องกินเหล้าก็สามารถเจอเหตุการณ์วุ่นวายได้ เหมือนในเรื่องที่มีหนึ่งในแก๊งค์โดนมาเฟสจับตัวไป เลยทำให้อีกสามคนต้องไปทำภารกิจและมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาถนัด ความเพี้ยนความบ้าของพวกเขาจึงถูกนำมาใช้ทดแทนจากภาคที่แล้ว2.ความพยายามในการหาจุดยืนของอลัน แน่นอนว่าเค้าเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่แต่งงานและมีอาชีพมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแล้ว ซึ่งถ้าใครได้เคยดูภาพเก่า ๆ ก็จะรู้ว่าเขานี่แหละคือคนที่แสบสันต์และเป็นตัวประหลาดมากที่สุด เพราะภาคนี้เพื่อนเพื่อนของเขาเป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้ว ก็เลยเหลือแต่เขาได้เคว้งคว้างอยู่คนเดียว และสิ่งที่เขาทำคือพยายามที่จะหาจุดยืนของตัวเองให้ได้ นำไปสู่ความคิดและแนวทางใหม่ ๆภาพยนตร์ภาคสุดท้ายในชุดแฮงค์โอเวอร์ ซึ่งมีเนื้อหาในการนำเสนอที่ค่อนข้างแปลกและแตกต่างไปจากสองภาคแรก ทำให้รู้สึกเสียอรรถรสพอสมควร เพราะสิ่งที่เป็นจุดประสงค์ในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้จริง ๆ คือการดูความวายป่วงจากความเมาของพวกเขาทั้งสาม ถือว่าดูจบแล้วก็ผ่านไปครับ ไม่ดูซ้ำต่อเครดิตภาพปก Facebook Official เครดิตภาพที่1 WarnerBrosเครดิตภาพที่2 Facebook Official เครดิตภาพที่3 Facebook Official