ในช่วงนี้คนทั่วโลกต่างกำลังให้ความสนใจกระแส #BlackLivesMatter ซึ่งมีที่มาจากข่าวการจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีปลอมเอกสารซึ่งเป็นชาวผิว ดำโดยกลุ่มตำรวจชาวอเมริกา ที่เข้าล็อคตัวก่อนใช้เข่ากดคอนาย George Floyd ซึ่งไม่ได้มีทีท่าว่าจะขัดขืนแต่อย่างใดแต่แรก โดยผู้ต้องสงสัยได้ร้องขอชีวิต และตะโกนบอกว่าเขาหายใจไม่ออกหลายครั้งก่อนจะหมดสติไปและได้เสียชีวิตในภายหลัง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกลางสาธารณะมีผู้เห็นเหตุการณ์ที่พยายามร้องเรียกให้ตำรวจหยุดการกระทำเลวร้ายนี้แต่ไม่มีผลตอบรับใดเกิดขึ้น และมีคนเผยแพร่คลิปเหตุการณ์จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขว้างถึงการกระทำต่อคนดำ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดซ้ำๆให้เห็นในอดีต สะท้อนถึงการแบ่งแยกความเป็นมนุษย์จากสีผิวที่ไม่ใช่แค่ระบบสังคม แต่หยั่งงรากลึกโครงสร้างความคิดมายาวนาน และแก้ไขอะไรไม่ได้ เราจึงขอถือโอกาสนี้มาบอกเล่าเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่พูดถึงประเด็นการเหยียดเชื้อชาติและ การใช้ความรุนแรงเกินเหตุของตำรวจต่อคนผิวสี คือเรื่อง The Hate U Give ภาพยนตร์ในปี 2018 กำกับโดย George Tillman Jr. สร้างจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกัน เป็นหนังที่ไม่ได้ถูกนำมาฉายในประเทศไทย แต่ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกในทุกสื่อ โดยเนื้อเรื่องเล่าถึง สตาร์ เด็กสาววัยรุ่นอายุ 16 ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นตัวเองจากสังคมเพียงเพราะเกิดเป็นคนผิวสี ในโรงเรียนเธอต้องวางตัวต่างไปจากเดิมเพื่อให้เพื่อนๆยอมรับ ที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตและกลายเป็นพยานปากสำคัญเดียวในเหตุการณ์ที่ตำรวจเรียกตรวจค้นก่อนยิงสังหารเพื่อนของเธอเสียชีวิต โดยไร้สาเหตุเพียงแค่เห็นแปรงหวีผมในมือเป็นอาวุธ จากเหตุการณ์นี้ทำให้เธอต้องตัดสินใจว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เพื่อนตัวเองอย่างไรโตขึ้นลูกอาจจะต้องไปกับพ่อและรับรองได้จะโดนตำรวจเรียก ไม่ได้แปลว่าพ่อทำอะไรผิด อาจจะแค่ขับรถผิดกฏหรืออาจจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ลูกจะเห็นพ่อเอามือวางไว้แบบนี้ที่คอนโซลรถ....วางมือนิ่งไว้แบบนั้น เพราะถ้าเคลื่อนไหวอาจทำให้ตำรวจขวัญผวา ถ้าไปคนเดียวขอให้ติดต่อพ่อ เรื่องนี้อันตราย อย่าไปเถียงพวกเขา วางมือไว้ที่ตำรวจมองเห็นชัด ต้องทำแบบนี้ แม้เราต้องถูกกระทำขนาดนี้ อย่าลืมว่าการเกิดเป็นคนดำถือว่ามีเกียรติ เพราะมาจากที่สูงส่ง ในช่วงองก์แรกของภาพยนตร์ จะเห็นได้ถึงวิธีการสั่งสอนลูกหลานตัวเล็กๆถึงวิธีการวางตัวของคนผิวสีตั้งแต่เด็ก ให้เลี่ยงจากความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองด้วยวิธีต่างๆทั้งห้ามเอามือล้วงกระเป๋า ถ้าตำรวจเรียกแล้วทำของตกให้ทิ้งมันไปเลยอย่าก้มหยิบ หรือการวางมือให้ตำรวจเห็นชัดๆ สิ่งเหล่านี้เป็นคือความกังวลใจของคนที่มีเชื้อสายแอฟริกันที่เป็นพ่อแม่มาหลายชั่วอายุ ซึ่งสะท้อนให้เห็นโลกความจริงที่การเหยียดผิวยังดำรงอยู่ในสังคม ไม่ได้หายไป เพียงแต่ไม่ได้รุนแรงเท่าสมัยก่อน แต่ก็จบที่คนผิวสีไม่ได้รับความยุติธรรมเช่นกัน ตัวละครสตาร์ และพี่น้องของเธอจดจำคำสอนของพ่อและตระหนักทุกครั้งที่ก้าวออกจากบ้าน การปฏิบัติตัวที่โรงเรียนต่างไปจากตอนที่อยู่บ้าน เพราะสายตาของเพื่อนคนอื่นทำให้เธอต้องระวังตัวมากๆ เห็นได้ถึงความอึดอัดไม่เป็นตัวเองชัดเจน มีหลายประโยคในภาพยนตร์ที่สื่อให้เห็นว่าคนขาวและคนดำนั้นถูกแบ่งแยกออกจากกัน ทั้งการวางตัว การพูดคำแสลงที่เพื่อนผิวขาวของเธอใช้ แต่เธอใช้ไม่ได้แสลงทำให้พวกนี้เจ๋ง แต่ทำให้ฉันสลัม หลังจากที่เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงการเรื่องภายหลังเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทจนทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้เพื่อความยุติธรรมให้แก่เพื่อนรัก ด้วยการใช้เสียงเรียกร้องขอความเป็นธรรม แต่ศาลกลับปล่อยตัวตำรวจในที่สุด โดยมีฉากน่าจดจำในตอนที่สตาร์ถามญาติของเธอที่เป็นตำรวจว่าถ้าลุงเรียกตรวจคนขาว ลุงจะบอกให้เขาชูมือขึ้นหรือยิงเลย ลุงของสตาร์ได้ตอบว่าบอกให้ชูมือก่อน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันได้อย่างน่าหดหู่ จนทำให้มีการประท้วงอย่างสันติ ที่อาวุธเดียวของคนดำมีเพียงเสียงที่ไม่มีใครฟัง ไม่ต่างกับเหตุการณ์ในปัจจุบันกรณี George Floyld แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจากความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติคือการปลูกฝังและส่งต่อความคับแค้นใจให้แก้เด็ก เป็นที่มาของชื่อเรื่อง The Hate U Give โดยหนังได้นำเสนอให้เห็นว่าผลพวงทั้งหมดทำให้เด็กซึมซับความรุนแรงเหล่านี้ เกิดกับตัวละคร เซคานี่ หรือน้องชายของสตาร์ที่เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆแต่กลับลักปืนของพ่อมาจ่อใส่คนที่จะเข้ามาทำร้ายพ่อตัวเอง ทำให้เหตุการณ์พลิกผันและเตือนสติผู้ใหญ่ที่ก่อร่างความเกลียดชังให้แก่เด็กให้หยุดกันสักที ภาพยนตร์เรื่องนี้สื่อสารเมสเสจถึงการแบ่งแยกเชื้อชาติอย่างชัดเจนผ่านโทนสีภาพระหว่างที่สตาร์อยู่ท่ามกลางเพื่อนคนขาวของเธอที่โรงเรียนที่เป็นสีโทนน้ำเงิน กับโทนภาพตอนที่เธออยู่กับครอบครัวที่เป็นสีส้มที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่า ซึ่งแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ภาพยนตร์ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสร้างความบาดหมางแต่กลับพยายามสื่อให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติเช่นกันผ่านตัวละคร คริส และ สตาร์ ที่ไร้กำแพงเรื่องสีผิวต่อกัน โดยในหนังเรื่องนี้มีซีนให้จดจำหลายฉากที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อเด็ก ผ่านความคิดเห็นของเด็กนักเรียนผิวขาวและผิวสีที่มีต่อเหตุการณ์เดียวกัน การเหยียดผิวที่ปลูกฝังให้เด็กได้เห็นกันมาตลอดทำให้พวกเข้ามองความเป็นมนุษย์ไม่เท่ากัน อย่างตัวละครเฮลี่ย์ เพื่อนของสตาร์ที่มองว่าตำรวจทำตามหน้าที่และน่าเห็นใจ ซึ่งเด็กที่ตายก็ขายยาไม่ควรได้รับความยุติธรรม ซึ่งเป็นการมองที่เปลือกนอก แต่ขาดมุมมองในหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งต้องผ่านกระบวนการความยุติธรรม แต่กลายเป็นว่าคนผิดไม่ได้รับโทษเพราะทำอาชีพมีเกียรติกว่าแค่นั้นเอง สำหรับ The Hate U Give ไม่ใช่หนังที่เล่าถึงปัญหาของมนุษย์ในโลกความจริงเพียงอย่างเดียว แต่ยังสอดแทรกเรื่องการอยู่รวมกันในสังคม ความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ที่คอยช่วยเหลือเป็นหูเป็นตาให้กัน ทำให้ชุมชนอยู่กันอย่างสันติ รวมถึงความสำคัญของแต่ละสถาบัน โดยเฉพาะสถาบันครอบครัว ถือว่าเป็นหนังที่ครบรสมาก ถ้าให้คะแนนก็คงให้ 10/10 ไม่หัก เพราะได้รับทั้งความบันเทิงและแง่คิดดีๆ อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้มีส่วนช่วยในการสะท้อนความเป็นจริงในสังคมที่เกิดขึ้น และยังจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ทำให้เราตระหนักถึงผลของ racism หรือการเหยียดเชื้อชาติ หน้าที่ของเราที่ทำได้คือการหยุดความเกลียดชังแม้เรื่องนี้จะเป็นสังคมอเมริกา แต่ความจริงแล้วสังคมไทยเองก็ยัง Bully เรื่องสีผิวกันเอง ถึงจะไม่รุนแรงเท่าเขา แต่คนผิวคล้ำก็ยังมักถูกล้อ และให้ค่าความงามกับสีขาวมากกว่า แน่นอนว่าค่านิยมเช่นนี้ถูกส่งผ่านมาเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้นอกจากหยุดความคิดของตัวเองและหยุดทำร้ายกันด้วยคำพูดในเชิงลบ "be kind" :) ขอขอบคุณภาพจาก The Hate U Give (2018)