รีเซต

วันจันทร์ที่ห่วยแตกที่สุด! แมวส้มสุดกวนกลับมาแล้วกับ The Garfield Movie

วันจันทร์ที่ห่วยแตกที่สุด! แมวส้มสุดกวนกลับมาแล้วกับ The Garfield Movie
Major Cineplex
29 เมษายน 2567 ( 17:00 )
76

 

“คุณก็รู้ว่าการ์ฟิลด์รักลาซานญ่าและเกลียดวันจันทร์ แต่เขาไม่เคยเจอกับการผจญภัยแบบนี้มาก่อนจนกระทั่งตอนนี้ครับ” คริส แพรทท์ ผู้พากย์เสียงแมวประจำบ้านตัวอ้วนกลมขวัญใจทุกคน ผู้กำลังจะออกผจญภัยครั้งใหญ่สุดฮาในแบบแมวพ้นน้ำใน The Garfield Movie ภาพยนตร์อนิเมชันใหม่แกะกล่อง กล่าว

“นี่เป็นการ์ฟิลด์ฉบับปี 2024 เมื่อโลกพัฒนาไป การ์ฟิลด์ก็เหมือนกันครับ และชีวิตที่แสนสบายของเขาก็ง่ายดายยิ่งกว่าเดิมอีก” แพรทท์กล่าวต่อ “เขายิ่งขี้เกียจมากขึ้นเพราะเขาสามารถสั่งลาซานญ่าของเขาได้เพียงแค่การคลิกครั้งเดียว ไม่มีอะไรที่ย่ำแย่เกี่ยวกับชีวิตเขาเลยยกเว้นวันจันทร์ แต่ในหนังเรื่องนี้ เขาจำเป็นต้องออกจากบ้านและร่วมการผจญภัยที่เขาไม่ได้พร้อมเลยซักนิด แต่เขาก็จะต้องทำให้ดี...ระหว่างนั้น เราจะได้เห็นว่าเขามาเป็นแมวแบบนี้ได้ยังไงและทำไม นี่คือสิ่งที่ทำให้การ์ฟิลด์เป็นการ์ฟิลด์ครับ”

หลังจากเกือบ 50 ปีของความโด่งดังทางการ์ตูนช่องและตอนพิเศษทางโทรทัศน์ฮากระจาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รวมทุกอย่างที่ผู้ชมรักเกี่ยวกับการ์ฟิลด์มาไว้ในเรื่องเดียว บวกกับอีกหลายๆ สิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้

จิม เดวิส ผู้สร้างการ์ฟิลด์ กล่าวว่าเขาได้สร้างตัวละครตัวนี้ขึ้นมาให้แตกต่างจากสุนัขหลายๆ ตัวที่ครองหน้าการ์ตูนอยู่ในขณะนั้น “ผมได้เห็นหมาหลายตัวไปได้สวย ทั้งสนูปปี้, มาร์มาดุ๊ค, เฟร็ด บาสเซ็ท เยอะแยะไปหมด” เขากล่าว “แต่ตอนนั้นไม่มีแมวเลย และผมก็โตมากับฟาร์มที่เลี้ยงแมวครั้งหนึ่งประมาณ 25 ตัว ผมก็เลยรู้จักและรักแมวครับ ผมคิดว่า ‘ถ้าหมาทำได้ดีขนาดนั้น บางที ฉันอาจจะใช้แมวได้’ แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะหยิ่งยะโส คุณก็รู้ว่าหมาเป็นยังไง แต่แมวจะไม่แยแสใครทั้งนั้นครับ”

ด้วยเหตุนั้น เขากล่าวว่า “ก็เลยเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะใส่เอาความนึกคิดและความรู้สึกแบบมนุษย์ให้กับแมว การ์ฟิลด์เป็นมนุษย์ในชุดแมวครับ” ในความเป็นจริงแล้ว เดวิสกล่าวว่า ความเป็นอมตะของการ์ฟิลด์เกิดจากการที่ทาสนับล้านๆ คนของเขาตระหนักถึงตัวเองในข้อเสียของเขา แมว พวกเขาก็เหมือนพวกเราน่ะแหละ! “ผมถือกระจกให้ผู้อ่านส่องและฉายภาพพวกเขากลับไปด้วยการใส่มุขขำขันเข้าไป” เดวิสกล่าว “เราถูกทำให้รู้สึกผิดจากการกินแบบไม่บันยะบันยัง ไม่ออกกำลังกายและนอนเกินเวลา แต่การ์ฟิลด์ทำให้เรารู้สึกผิดน้อยลงด้วยการดื่มด่ำกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น” และเดวิสก็กล่าวว่าทุกแง่มุมของการ์ตูนเรื่องนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่เรื่องนั้น รวมถึงการออกแบบตัวละครด้วย “ผมอยากจะสร้างแมวที่ดูภายนอกแล้วเหมือนกับนิสัยของเขา นั่นคือเกียจคร้าน หลงตัวเองและตะกละครับ” เขากล่าว

ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดยจอห์น โคเฮน ผู้ก่อนหน้านี้เป็นผู้นำ Despicable Me และ Angry Birds สู่จอเงิน และโดยแอนดรูว์ โคโซฟและโบรเดอริค จอห์นสันจากอัลคอน เอนเตอร์เทนเมนต์ ผู้ซึ่งความสำเร็จของภาพยนตร์ที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับคนทั้งครอบครัวรวมถึง The Blind Side และ Dolphin Tale

สำหรับโคเฮน โอกาสในการได้ร่วมงานกับตัวละครขวัญใจเป็นเหมือนการทำให้ฝันในวัยเด็กของเขาเป็นจริง “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมโชคดีพอที่จะได้สร้างหนังการ์ฟิลด์น่ะครับ” โคเฮนกล่าว “ตลอดหลายปีนี้ ผมหยิกตัวเองทุกวันเลย ผมเป็นเด็กที่มีตุ๊กตาการ์ฟิลด์และปุ๊กกี้ โทรศัพท์การ์ฟิลด์ ถ้วยคลาสสิกของแม็คโดนัลด์ ผมเคยวาดการ์ตูนการ์ฟิลด์ของตัวเองที่มีโอดี้ จอนและตัวละครสุดวิเศษอื่นๆ ด้วยซ้ำไป ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จิม เดวิสได้ไว้วางใจให้เราเป็นผู้พิทักษ์ผลงานของเขา ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมดีใจได้มากไปกว่าการได้ยินเสียงแห่งความสุขของเขาและปฏิกิริยาตอบรับอย่างตื่นเต้นที่เขามีต่อหนังเรื่องนี้ระหว่างงานสร้างครับ”

ในส่วนตัวเขาเองนั้น เดวิสกล่าวว่าเขาตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพยนตร์อนิเมชันนำการ์ฟิลด์ให้หลุดออกจากกรอบช่องการ์ตูนสามช่องของเขา “ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการ์ฟิลด์ได้ออกไปนอกบ้านมากขึ้นในอนิเมชัน ไม่อย่างนั้น เราจะสร้างเขาในรูปแบบอนิเมชันทำไมล่ะครับ” ผู้สร้างตัวละครตัวนี้กล่าว “การ์ฟิลด์มีนิสัยแบบเดียวกันในสื่อทั้งสองประเภท อย่างไรก็ดี ด้วยความที่อนิเมชันมีมากกว่าสามเฟรม การ์ฟิล์มก็เลยต้องเกี่ยวข้องกับพล็อตที่ทำให้เขาต้องก้าวออกจากเตียง ในหลายๆ แง่มุม การทำงานกับอนิเมชันง่ายกว่าการ์ตูนช่องเพราะในการ์ตูนช่อง คุณต้องปูพื้นเรื่อง ใส่จุดหักมุม แล้วก็คลายปมมันภายในเพียงแค่สามหรือสี่ช่อง และภายใน 25 คำหรือน้อยกว่านั้น ในอนิเมชัน คุณมีเวลาเหลือเฟือที่จะเล่าเรื่องราว แถมคุณยังได้ใช้ดนตรี ซาวน์เอฟเฟ็กต์และไดอะล็อคมีเสียง ในการปล่อยมุขและขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยครับ”

สำหรับดินดัลและทีมงาน กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการค้นคว้าสิ่งที่ทำให้การ์ฟิลด์เป็นการ์ฟิลด์ และการหาสถานที่ที่ตัวละครจะสามารถเติบโตและเปลี่ยนแปลงได้ แต่ด้วยการ์ตูนช่องการ์ฟิลด์นับพันๆ ตอนที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับคนนับล้านๆ มาหลายสิบปีแล้ว งานนี้อาจจะดูน่าหนักใจ แต่โชคดี การย้อนกลับไปหาการ์ตูนการ์ฟิลด์ที่คลาสสิกเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายกว่าเดิม “ตอนที่เราเริ่มต้นสร้างหนังเรื่องนี้ เราได้เข้าถึงฐานข้อมูลที่เก็บรวบรวมการ์ตูนช่องทุกตอนเอาไว้” เขาเล่า “คุณสามารถใส่คีย์เวิร์ดอย่าง ‘การ์ฟิลด์กินลาซานญ่า’ หรือ ‘การ์ฟิลด์กอดโอดี้’ แล้วมันก็จะดึงเอาการ์ตูนที่วิเศษสุดพวกนี้ที่เราสามารถใช้อ้างอิงได้ขึ้นมา นั่นเป็นแหล่งข้อมูลขนาดมหึมาสำหรับเรา ในการตามหาไอเดียที่จะเชื่อมโยงกับการ์ตูนช่องที่แฟนๆ จะเข้าถึงได้ นอกจากนี้ มันยังมีการจัดระเบียบอย่างดี และการมีข้อมูลอ้างอิงแบบนั้นก็ทำให้กระบวนการพัฒนารวดเร็วขึ้นด้วยครับ”

“หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของแมวประจำบ้าน แมวประจำบ้านที่หลงตัวเอง รักความสบายและเกียจคร้าน ผู้ถูกบีบให้ต้องก้าวพ้นจากขอบเขตความสะดวกสบายของตัวเองและเข้าสู่การผจญภัยในโลกภายนอก” โคเฮนกล่าว “เขาไม่พร้อมสำหรับการเอาตัวรอดโดยปราศจากความสะดวกสบายของการสั่งอาหารได้ตามใจชอบ เก้าอี้เลซีบอย ผ้าห่มและรีโมทคอนโทรลได้ มีโอกาสมากมายสำหรับเรื่องตลกขบขันในสถานการณ์ปลาพ้นน้ำแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยตัวละครจอมหยิ่งที่ยึดติดกับแนวทางของตัวเองและคิดว่าเขารู้ดีกว่าใครๆ เราสนุกสุดๆ กับการจินตนาการความเป็นไปได้ไม่รู้จบสำหรับแมวที่ขี้เกียจที่สุดในโลก ที่เป็นหัวใจของหนังโจรกรรมเรื่องนี้น่ะครับ”

The Garfield Movie หรือ การ์ฟิลด์ มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 22 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Variety