สวัสดีจ้าวันนี้มีซีรีย์เด็ดมาแนะนำให้ดูกันซึ่งก็คือ ซีรีย์เรื่อง Emily in Paris จาก Netflix ซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์สไตล์โรแมนติกคอเมดี้นะคะ ซึ่งแนวนี้เป็นสไตล์ที่ผู้เขียนชอบดูอยู่แล้ว พอซีรีย์เรื่องนี้มาปุ๊บได้ยินกระแสมาสักพักละว่าสนุก งั้นก็จัดเลยละกัน ตอนแรกไม่คาดหวังอะไรมากเพราะแนวโรแมนติกคอเมดี้ก็จะมาสไตล์เดาทางได้ไม่ยากแต่ดูแล้วเพลินเลยชอบ มาดูนักแสดงนำของเรื่องนี้กันบ้างว่ามีใครบ้าง คนแรกเลยนางเอกของเรื่องซึ่งก็ตามชื่อเรื่องนั่นแหละคะ เอมิลี่ นำแสดงโดย Lily Collins เธอคนนี้เป็นนักแสดงชาวอังกฤษมีผลงานการแสดงมาหลายต่อหลายเรื่องผลงานที่เคยผ่านตามาแล้วที่จำได้ก็หนังแฟนตาซีเรื่อง The Mortal Instruments: City of Bones หนึ่งในหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือนวนิยายแนวแฟนตาซีพวกเมืองเถ้า เมืองกระดูก ชุดนั้นแหละค่ะ อีกคนซึ่งก็คาดว่าจะเป็นพระเอก (มั้ง) คือกาเบรียล รับบทโดย Lucas Bravo ซึ่งก็หล่อฮอตมากค่ะ อีกคนที่ขาดไม่ได้ก็คือหัวหน้างานที่ชอบเหม็นขี้หน้านางเอก ก็คือซิลวี่ รับบทโดย Philippine Leroy-Beaulieu และนูนู้มินดี้ชาวจีนเพื่อนคนแรกของนางเอกในปารีส รับบทโดย Ashley Park เรื่องนี้นอกจากจะดูเพลินแล้วซีรีย์มันลงรายละเอียดในเรื่องวัฒนธรรมเชิงเปรียบเทียบให้เราได้รู้ด้วย อย่างยัยเอมิลี่ซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกว่านางเอกนะคะ นางเอกเธอเองก็มาจากประเทศอเมริกาซึ่งก็ไม่ได้ด้อยเด้ออีหล่า แต่เธอมาอยู่ในฝรั่งเศสปุ๊ปเธอโดนเหยียดหน่อย ๆ จ้า เป็นเชิงว่านางไม่ศิวิไลซ์ซะงั้น อะเข้าเรื่อง นางเอกเนี่ยเธอเป็นสาวนักการตลาดที่คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจเป็นอย่างดี (มองไงก็ไม่น่าจะบ้านนอกเนอะ) เธอเนี่ยทำหน้าที่เลขาในบริษัททางการตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้านายเธอกำลังจะได้ย้ายมาประจำอยู่สาขาปารีส ระหว่างที่ทุกคนกำลังเฮฮาดี้ด้าดีใจไปกับเจ้านายด้วยนั้น จู่ ๆ เจ้านายเธอก็มีเหตุให้ไม่สามารถมาประจำยังสาขาต่างประเทศได้ทางบริษัทจึงส่งตัวนางเอกมาแทน ซึ่งนางก็ดีใจแหละ แต่ที่นี้ถ้ามาทำงานใช้ชีวิตไปตามปกติมันก็ไม่สนุก ความสนุกมันอยู่ตรงที่นางเอกมาถึงปารีส นางต้องมาเจอกับสิ่งที่เรียกว่า Culture shock ซึ่ง อี Culture shock นี้นางเอกจะเจอมันเรื่อย ๆ นะ ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละค่ะ ซึ่งเป็นจุดขายส่วนหนึ่งเลยของซีรีย์เรื่องนี้ ยกตัวอย่าง มาถึงปารีสวันแรกนางเอกสาวมะกันของเราเดินดี๊ด้าเข้าออฟฟิศอย่างสดใสร่าเริง กระตือรือร้นสุด ๆ ไปถึงนางก็แนะนำตัวค่ะ ดิฉันเอมิลี่มาจากอเมริกาถูกส่งมาประจำสาขานี้ค่ะ ซึ่งบอสใหญ่ของสำนักงานที่นั้นเธอเป็นสาวใหญ่ที่สวยทันสมัยสมกับบริษัทที่ทำด้านการตลาด ทำท่าจะเหม็นขี้หน้านางเอกตั้งแต่วันแรกแถมเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ส่งสายตามองนางแปลก ๆ นับว่าวันแรกที่นางเอกมาถึงก็เจอดีเข้าให้เนื่องจากที่ฝรั่งเศสคนจะภาคภูมิใจกับภาษาฝรั่งเศสของตัวเองมากมากๆๆๆ ที่นี้คนฝรั่งเศสน่ะต่อให้พูดภาษาอังกฤษได้แต่เค้าจะไม่ชอบพูดและยังมีทัศนะว่าคนที่จะมาอยู่มาทำงานในฝรั่งเศสก็ต้องพูดภาษาฝรั่งเศสให้เป็น ดังนั้นนี้คือปัญหาแรกที่นางเอกต้องเจอค่ะ เพราะนางพูดฝรั่งเศสไม่เป็น นางจึงโดนมึนโดนเมินจากเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งหัวหน้างานก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ขอบขี้หน้านางเอกขนาดนั้น พูดอะไรเสนออะไรโดนขัดคอตลอด อย่างพอถึงเวลาแนะนำตัวนางเอกเธอก็พูดแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจฉะฉานสไตล์คนอเมริกัน แต่จู่ ๆ โดนเบรคด้วยประโยคที่ขอโทษนะทำไมคุณพูดเสียงดัง นางเอกก็สตั๊นไปเลยค่ะเพราะอุตสาห์ แสดงอาการกระตือรือร้นมีไฟในการทำงานกลับโดนหาว่าไม่สุภาพซะงั้น โดนไปอีกดอก วันรุ่งขึ้นนางมาทำงานแต่เช้า แปดโมงเช้าแล้วบริษัทก็ยังไม่เปิดนางก็หันซ้ายหันขวาด้วยความงง จนสิบโมงเพื่อนร่วมงานคนแรกก็มาถึงนางก็โดนคำถามว่ามาทำอะไรตั้งแต่เช้า นางก็ห๊ะอะไรนะสิบโมงเช้า นางถึงได้รู้ว่าที่ฝรั่งเศสเค้าเริ่มงานกันเก้าโมง สิบโมง ไปโน้น นางเอกเราโดนไปอีกดอก จนตอนเที่ยงนางชวนเพื่อน ๆ ในบริษัทไปทานข้าวกลางวันแต่กลับไม่มีใครไปกับนาง แต่ละคนอ้างเหตุผลโน้นนี้นั่น นางเอกก็เริ่มรู้สึกล่ะว่าตัวเองไม่เป็นที่ตอนรับ นางจึงต้องไปทางอาหารกลางวันที่สวนสาธารณะคนเดียวด้วยความเซ็งแต่นั่นทำให้นางได้รู้จักกับมินดี้สาวสวยชาวจีน ซึ่งมีอาชีพเป็นนูนู้ (พี่เลี้ยงเด็ก) ซึ่งมินดี้ก็กลายเป็นเพื่อนคนแรกของนางเอกในฝรั่งเศสค่ะ สำหรับนูนู้มินดี้เวลานางเอกมีปัญหาอะไรนางก็มักนำมาเล่าปรับทุกข์และขอคำแนะนำกับมินดี้เสมอ ๆ เพราะมินดี้พูดภาษาอังกฤษได้และอยู่ฝรั่งเศสมานานแล้วค่ะ และระหว่างการทำงานในฝรั่งเศสนางเอกก็จะเจอไอ้สิ่งที่เรียกว่า Cultureshock อย่างนี้อีกหลาย ๆ ครั้ง เรื่องนี้ดู ๆ ไปก็เริ่มสงสารนางเอกนะ ทั้งสงสารแล้วก็ตลกด้วย อย่างตอนที่นางเอกตื่นแต่เช้าก็ไปออกกำลังกาย เสร็จแล้วนางก็เดินขึ้นอพาร์ทเม้นท์แล้วก็ด้วยความที่นางอาศัยอยู่ชั้น 5 พอถึงชั้น 5 นางก็เปิดประตูค่ะ แต่เปิดยังไงก็ไม่ออก สักพักประตูก็เปิดมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็คือกาเบรียลพระเอกของเรื่องนั้นเอง ซึ่งกาเบรียลได้บอกนางเอกว่านี้มันชั้น 5 ส่วนนางเอกน่ะอยู่ชั้น 6 ต้องขึ้นไปอีกชั้น แต่เรียกว่าชั้น 5 เพราะฝรั่งเศสจะเริ่มต้นนับชั้นตึกด้วยชั้นศูนย์ ซึ่งต่อไปกาเบรียลก็จะกลายเป็นเพื่อนบ้านที่นางเอกมีปัญหาอะไรก็มักจะมาขอความช่วยเหลืออยู่เสมอเพราะพระเอกพูดภาษาอังกฤษได้ตัวกาเบรียลนี้เป็นเชฟฝีมือดีทำงานอยู่ในร้านอาหารตรงข้ามอพาทเมนท์นั้นเองค่ะ ด้วยความที่นางเอกต้องเจออะไรต่ออะไรแปลก ๆ แทบจะทุกวันนางจึงอัปลงใน IG โดยใช้ชื่อว่า Emily in Paris ซึ่งเดิมนางมีผู้ติดตามแค่ไม่กี่สิบคน จนกระทั่งหลังจากที่นางเจออะไรที่นางรู้สึกว่ามัน Culture shock นางก็อัปเดตลง IG ของนางตลอด จนเริ่มมีคนติดตามเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ละค่ะ ถ้าดูไปเรื่อย ๆ การที่อัปนางเอกเรื่องราวต่าง ๆ ลง IG นี้จะกลายเป็นเมนของเรื่องอีกอย่างไปเลย น่าติดตามน่าสนุกทีเดียวค่ะ มาดูความรู้สึกหลังที่ได้ดูซีรีย์เรื่องนี้บ้างค่ะ บางเรื่องเราจะนึกไปไม่ถึงเลยทีเดียวว่าแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ แต่ใครที่ดูซีรีย์เรื่องนี้จะรู้สึกอย่างหนึ่งว่าเออวัฒนธรรมอเมริกันนี้คนไทยจะคุ้นเคยมากกว่า ดูจากที่เรามองผ่านสายตาของเอมิลี่ หลาย ๆ อย่างเราจะรู้สึกเออจริงคือเออออไปกับความคิดเอมิลี่ ในส่วนของภาพแสงสีเสียง เราชอบนะ อย่างภาพแต่ละภาพที่ซีรีย์นำเสนอออกมามันให้อารมณ์ความรู้สึกว่าเป็นการใช้ชีวิตประจำวันของคน ๆ หนึ่งจริง ๆ อ้ออีกอย่างที่เราชอบเราชอบเวลาเปิดตัวตอนแต่ละตอนด้วยคำว่า Emily in Paris ตัวเป้ง ๆ มีฉากหลังเป็นเมืองปารีสที่จะถูกนำเสนอออกมาในตอนนั้น ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละตอน บางตอนก็ทำออกมาในสไตล์เรโทรให้อารมณ์เหมือนกำลังจะดูหนังย้อนยุคหน่อย ๆ ประมาณนั้น อธิบายละยาวอยากให้เพื่อน ๆ ดูกันเองค่ะ ซีรีย์ซีซั่นแรกจบไปแล้ว และซีซั่นสองคาดว่าจะเปิดกล้องปีหน้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะคะที่อยากแนะนำสนุกเหลือเชื่อเราดูครั้งแรกต้องดูต่อเนื่องจนจบเลย ก็เป็นซีรีย์เบา ๆ แต่ไม่เบาเลยนะคะอีกเรื่องที่แนะนำให้ดูค่ะ ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Emily in Paris Official youtub และ Emily in Paris Official Site ( ภาพปก,รูปที่ 2 , 3 , 4 ,5 ,6 ,7 ,8 ,9 ,10 ,11 ) จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !