แพน สุรเกียรติ อัพเดตชีวิตหลังบวช ผ่านมรสุมดราม่าลูกโต เปลี่ยนชื่อเพื่อชีวิตใหม่
แพน สุรเกียรติ อัพเดตชีวิตหลังบวช ผ่านมรสุมดราม่าลูกโต ผันเป็นนักแสดงอิสระ เปลี่ยนชื่อเป็น แพน นทีเทพ บุญนาค เพื่อชีวิตใหม่
จากกรณีที่นักแสดงหนุ่ม แพน นทีเทพ บุญนาค หรือ แพน สุรเกียรติ (แพน-วงแวมป์) โดนข้อหาเมาแล้วขับ หนำซ้ำอาละวาดไม่ยอมลงจากรถ ไม่พูดคุยกับตำรวจ ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ทั้งยังอ้างพ่อยศใหญ่ขู่ย้ายทั้งโรงพัก กระทั่งคุณแม่มา ก็ได้ปฏิเสธจะวัดค่าแอลกอฮอล์ จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องฉุดกระชากตัวของหนุ่มแพน จนได้รับบาดเจ็บหัวก่อนจะนำตัวไปโรงพัก วัดแอลกอฮอล์มีปริมาณสูงถึง 196 มิลลิกรัม จนกลายเป็นคลิปที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ดราม่าระอุโซเชียล ร้อนถึงช่อง 7 อดีตต้นสังกัดต้องร่อนจดหมายขอยกเลิกการเป็นนักแสดงในสังกัดลงทันที
- เปิดประวัติ แพน สุรเกียรติ ดาราเมาขับ เคยเป็นนักร้องดัง-เล่นละครเพียบ
- แพน สุรเกียรติ ขอโทษกรณีเมาแล้วขับ น้อมรับโดนฉีกสัญญา ขอเดินหน้าปฏิบัติธรรม
- ช่อง7 ลงดาบ ปลด แพน สุรเกียรติ พ้นสังกัด เหตุเมาแล้วขับ
- ดาราหนุ่ม แพน ไม่รอด โทษหนัก เมาแล้วขับ คุก 6 เดือน!
- คู่กรณีดาราหนุ่ม เล่านาทีโดนพุ่งชน ขู่พ่อยศนายพล ชี้หวิดอัดกำแพง
โดยต่อมา หลังจากเคลียร์คดีจบเจ้าตัวก็อยากจะกลับตัวเป็นคนใหม่ จึงตัดสินใจโกนหัวบวช ที่วัดสระมณี ต.ผักตบ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เพื่อมุ่งปฏิบัติธรรม
ล่าสุด 26 ก.พ.64 แพน นทีเทพ ได้มาร่วมงานบุญใหญ่ พิธีทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อจัดซื้อที่ดินสร้างวัด อโยธยาราชธานี อินเดีย ณ วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี พร้อมทั้งเปิดใจกับสื่อกับชีวิตหลังบวช รวมทั้งเผยเหตุผลที่เปลี่ยนชื่อจาก แพน สุรเกียรติ บุญนาค เป็น แพน นทีเทพ บุญนาค
โดย แพน เผยว่า “หลังจากที่บวช ไปอยู่ที่อุดร 2 เดือนด้วยกัน โดยการแนะนำจาก อ.เชียง ปัณณวิชญ์ แล้วก็ไปเจอพระอาจารย์จิรานุวัฒน์ ที่วัดสระมณี ที่จ.อุดรฯ เราอยู่เต็มๆ ตั้งแต่ถือผ้าขาว แล้วก็ออกมาประมาณ 2 เดือน”
รู้สึกยังไงบ้าง
"รู้สึกดีมากครับ เหมือนเราได้ชาร์จแบตให้กับตัวเองอย่างมาก เพราะก่อนหน้า อย่างที่ทุกคนได้ทราบ ว่ามันเกิดเรื่องอย่างรุนแรงใหญ่โตเหมือนกัน แล้วก็ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวนจิตใจตัวเองอย่างมาก ว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นมันเป็นเพราะอะไร และทำไมมันถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผลที่ตามมามันเพราะอะไร มีเวลาอยู่ตรงนั้นมากขึ้นครับ"
บวชแล้วมีความสบายใจขึ้นไหม
"สบายใจครับ อย่างคนรอบข้างจะทักเยอะว่าก่อนที่เราจะไปบวชสีหน้าเราหม่นหมองดูแบบซึมๆ ไปเลย แล้วหลังจากที่บวชออกมา คนเจอที่กรุงเทพ บอกสีหน้าดูดีขึ้น แจ่มใสขึ้น"
ที่ไปบวชเพราะช่วงนั้นดวงตก
"คือจริงๆ ผมวางแผนที่จะบวชก่อนอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยบวชไปแล้วหนึ่งครั้ง แล้วก็เคยสัญญากับพระพุทธศาสนาเอาไว้ว่าผมจะออกไปธุดงค์ แต่รอบนั้นคือรอเพื่อนฝูงญาติพี่น้องมาทุกวันก็เลยไม่ได้ไปออกต่างจังหวัด รอบนี้ก็เลยตัดสินใจว่ารอเคลียร์ละครเสร็จเรียบร้อยปุ๊บจะไปบวชตอนสิ้นปีที่ผ่านมา จนมันเกิดเรื่องขึ้นก่อน"
จากเหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลกระทบกับงานมากแค่ไหน
"เต็มๆ ส่งผลเต็มๆ ครับ ด้วยความที่มันเป็นข่าวใหญ่โตออกไปทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนเห็น ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงอยู่แล้ว เพราะว่าทางต้นสังกัดเขาขึ้นชื่อในเรื่องนี้อยู่แล้ว ในเรื่องของการรณรงค์ในด้านนี้ พอมันมีภาพออกไปแบบนั้นกับสื่อที่มันออกมารุนแรง กับภาพที่ออกมา ก็เลยโดนเบรกไว้เลยครับ แต่ผมก็เข้าใจได้ และน้อมรับความผิดอยู่แล้ว ผมก็อยากจะขอโทษอีกครั้งสำหรับต้นสังกัดที่ผมทำให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย"
ย้อนกลับไปในช่วงนั้นเรารู้สึกดิ่งกับตัวเองแค่ไหน
"หลังจากเกิดเรื่องก็หนักมาก เราจะมาคิดกับตัวเอง นอนไม่หลับ คิดถึงภาพวันนั้นอยู่หลายสัปดาห์ บวกกับภาพที่มันออกไปแบบนั้น และคุณแม่ก็หนักเหมือนกันกับภาพที่ออกไปคู่กันแบบนั้น และบางทีทานข้าวไม่ลง เรานอนไม่หลับ คุณแม่เราเห็นเราเป็นแบบนั้น เห็นว่าเราสภาพจิตใจแย่เขาก็แย่ตามไปด้วย และผมก็เลยรู้สึกแย่ไปด้วยกว่าเดิม"
ไปบวชกลับมาครั้งนี้ก็คือมีสติมากขึ้น
"ครับ หลายคนก็ทักว่าดูโตขึ้น ดูนิ่งขึ้น"
หลังจากกลับมาแล้ว งานเป็นไงบ้าง
"เบื้องต้นตอนนี้ยังว่างอยู่ครับ อาจจะเพิ่งกลับมาไม่นานด้วย และหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ตอนนี้ผมออกมาเป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว ไม่มีสัญญาแล้ว สามารถรับได้เต็มที่เหมือนเดิม ทั้งด้านการแสดงแล้วก็พิธีกร และผมก็วางแผนไว้กับพรรคพวกว่าช่วงนี้อาจจะทำธุรกิจเล็กๆ"
หลังจากเราสึกออกมา แฟนๆ หลายคนก็ให้โอกาส
"มีเข้ามาร่วมยินดี อนุโมทนาบุญและเป็นกำลังใจให้ ว่าขอให้กลับมาสู่หน้าจอเร็วๆ ไม่ว่าจะช่องไหนก็ได้ ก็อยากจะเห็นผลงานเพิ่มเติม"
ตรงนี้มันเป็นกำลังใจให้เราก้าวต่อไป
"เป็นครับ เป็นมากเลย ตั้งแต่ช่วงบวชแล้ว หลายคนก็เข้ามาให้กำลังใจ คุณแม่ก็เล่าให้ฟังบ้างว่ามีคนเข้ามาให้กำลังใจเข้ามาร่วมอนุโมทนา แล้วก็บอกว่าสึกออกมาแล้วรับรองปัง กลับมาอยู่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าเราก็มีผลงานที่ผ่านมา"
แอบหวั่นไหมว่าเราจะพลาดโอกาสได้งาน เพราะเรามีประวัติที่ไม่ดี
"มันก็อาจจะมีส่วน แต่เรื่องที่ผ่านมา ยังไงผมก็ขอกล่าวขอโทษอีกครั้งแบบชัดๆ ขอโทษสำหรับผู้ใหญ่ทุกท่านที่เคยให้โอกาสผม ป้อนงานให้และผมทำให้มันพังลง ครั้งนี้ผมให้สัญญาทั้งกับคุณแม่และองค์ปู่ทวดที่ผมนับถือ และองค์พ่อพระพิฆเนศด้วย ว่าหลังจากนี้ไปผมจะไม่ดื่มแล้วขับอีกอย่างแน่นอนครับ"
ในส่วนของคดี
"สำหรับส่วนของคดี เบื้องต้นรอลงอาญา 3 ปี แล้วก็มีการบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็จะมีเรื่องของการรายงานตัวตามข้อกฎหมายปกติ "
เหลือเข้าไปรายงานตัวอีกกี่ครั้ง
"ปีที่ผ่านมา 63 ใช่ไหมครับน่าจะประมาณปี65 เพราะว่าเขาจะเรียกทุกๆ 6 เดือน"
ชั่วโมงบำเพ็ญประโยชน์เราเลือกทำอะไร
"ผมจะมีการไปบริจาคเลือด บริจาคเลือดได้ 2 ครั้ง แล้วก็ไปบำเพ็ญประโยชน์กับทางกรมของเขาไป 2 ครั้งแล้วก็มีการอบรมจราจร ซึ่งอบรมจราจรมันตรงกับช่วงที่ผมไปบวชพอดี ผมก็เลยยังไม่ได้ไป เห็นเขาบอกว่าน่าจะมีอีกช่วงประมาณเดือนเมษา เพราะว่ามันบวกกับช่วงที่ผมไปบวชและต้นปีมันก็เจอโควิดพอดี"
แล้วเรายังขับรถได้ไหม
"ตามข้อกฎหมายที่บอกมาคือห้ามขับรถ 6 เดือน เดี๋ยวเดือนหน้าก็กลับมาปกติได้แล้ว"
ใบขับขี่โดนยึดไหม
"ใบขับขี่เห็นเขาบอกว่าไปลงระบบนะครับ สมัยนี้ผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน (คือเรายังมีใบขับขี่ของเราแหละ แต่ถ้าสมมุติว่ามันมีอะไรขึ้นมารายชื่อก็จะขึ้นลิสต์?) น่าจะแบบนั้นครับ"
แล้วตอนนี้ใครขับรถให้
"คุณแม่ครับ ส่วนใหญ่เวลาไปไหนก็จะเป็นคุณแม่หรือไม่ก็ให้เพื่อนมารับ เพราะในช่วงนี้มันอยู่ในช่วงถูกเพ่งเล็งด้วย"
เห็นว่าหลังบวชมีการเปลี่ยนชื่อด้วย
"เรื่องการเปลี่ยนชื่อได้คำแนะนำจากอาจารย์เชียง ว่าให้เปลี่ยนมาเป็น นทีเทพ นทีเทพก็คือเทวดาแห่งน้ำ ด้วยความที่เราเกิดราศีมีน ผมก็มีเรื่องที่ผมตกใจเหมือนกัน หลังจากที่เปลี่ยนชื่อหลังจากได้คำแนะนำจากอาจารย์เชียงให้สวดมนต์ ให้ปฏิบัติ ให้ถือศีล หลังจากที่เกิดตรงนั้นผ่านมาระยะเวลา 1 เดือน ผมได้สัมผัสกับสัมผัสใหม่ที่มันเปลี่ยนเหมือนกัน รู้สึกกับตัวเองก็คือองค์หลวงปู่ทวด เวลาเรานั่งสมาธิเราจะรู้สึกเลยบริเวณช่วงหลังด้านซ้าย
อย่างพี่เก่ง ธชย เองก็เคยเห็นเหมือนกันเวลาที่นั่งสมาธิในโบสถ์ หรือคนที่อยู่รอบๆ ที่ไปด้วยกัน จะเห็นว่าเวลาเรานั่งสมาธิ พอถึงเวลาที่เรารู้สึกว่าเราปล่อยทุกอย่าง วางทุกอย่างแล้ว ลักษณะท่าทางการนั่งของผมก็จะเปลี่ยนไป จะเป็นท่านั่งแบบหลวงปู่ทวด บรรยากาศโดยรอบก็จะกลายเป็นบรรยากาศแบบเย็นๆ อันนี้ก็ถือว่าหลังจากที่เปลี่ยนชื่อ มันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะเหมือนกัน
สิ่งดีๆ เข้ามาครับ รู้สึกในร่างกายมีอะไรเปลี่ยนเต็มไปหมด อาจจะเพราะอยู่ในวัดด้วย และเหมือนตอนที่บวช ผมสวดมนต์ทุกวันตามปกติ แต่ผมก็จะมีบทที่สวดขึ้นมาเองอย่างบทหลวงปู่ทวดผมก็จะสวดเพิ่มเอง 108 จบก่อนนั่งสมาธิ หรือมีเวลาว่างผมก็จะสวด หลวงปู่ทวดก็เลยมาให้เรารู้สึกตลอดเวลา"
เปรียบเทียบระหว่างชื่อเก่ากับชื่อใหม่แตกต่างกันยังไงบ้าง
"ชื่อเก่าก็ดีนะครับ แต่ด้วยความที่เราประมาทไม่มีสติเลยทำให้ชื่อเก่าจากชื่อที่เป็นชื่อที่ดีๆ สร้างชื่อเสียงให้เรามาโดยตลอด เรากลับไปทำลายมันเอง มันเลยกลายเป็นชื่อที่เสียลงไป แล้วพอเราปรึกษากับอาจารย์เชียง อาจารย์เชียงก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้เราชื่อใหม่ เราเป็นคนใหม่ เราเริ่มต้นใหม่ให้ชีวิต ก็เลยให้ชื่อที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีความเป็นเทวดาเข้ามาอยู่ในนี้ เป็น นทีเทพ"
กังวลคนจะจำชื่อเราไม่ได้ไหม
"ก็จริงๆ ชื่อเก่าคนจะจำเยอะกว่า ส่วนใหญ่จะจำเป็นแพน แวม หรือ แพน สุรเกียรติ ใช่ไหมครับ ก็อาจจะต้องลองมาเริ่มต้นกันใหม่ดูเป็น แพน นทีเทพ บุนนาค
ยังมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับพญานาค อันนี้ก็รู้สึกเหมือนกัน เพราะอย่างไปที่อุดร อีสานเขาจะขึ้นชื่อเรื่องพญานาค และในคืนที่ผมจะไปบวช ผมก็ไปขอกับองค์พญานาคที่อยู่ในวัด เพราะวัดสระมณี เขาจะมีสระมณีอยู่ เป็นสระโบราณที่ขึ้นชื่อว่ามีพญานาคอยู่ในนี้ ผมก็ไปให้สัจจะเอาไว้ว่า ผมจะมาขอบวช จะมาอุปสมบทแทนเหล่าพญานาคราชที่อยู่ในที่แห่งนี้ ขอให้พวกท่านได้รับบุญกุศลที่ผมจะปฏิบัติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
รวมถึงขอพรให้เราสามารถกลับมาทำงานได้ปกติ พอวันรุ่งขึ้นก่อนที่เราจะเดินรอบโบสถ์เข้าไปทำพิธีบวช ตอนแรกท้องฟ้าก็นิ่ง เมฆก็นิ่ง ต้นไม้ก็นิ่งทุกอย่างเลยแล้วพระอาจารย์จิรานุวัฒน์ก็ส่งเป็นขี้ผึ้งรูปพญานาคมาให้ ผมรับมารู้สึกว่ามีอะไรวิ่งเข้าทางแขนฝั่งขวาเต็มตัวผมเลยแล้วก็รู้สึกว่าลมมันตีแรงมาก ก็เป็นเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าแปลกเหมือนกัน"