Series Review I Am Married...But! (2025) ไม่โสด แต่...! ขบขัน คมคาย สวยงามบนความเรียบง่ายสามัญในชีวิตประจำวันของคนธรรมดาหาใช่เจ้าหญิงเจ้าชายที่จะตะกายจากชีวิตคู่สู่การเป็นคู่ชีวิต รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ถ้าเป็นท่านผู้อ่านที่ติดตามผู้เขียนมานานพอจะรู้ว่าดูไปบ่นไปเห็นหนังหรือซีรีส์ไต้หวันเป็นไม่ได้แม้ว่าอาจไม่ถึงกับว่าเห็นปุ๊บดูปั๊บแต่ก็มักจะเพิ่มไว้ในรายการที่จะดูอยู่เสมอ จนเมื่อไหร่ที่มีเวลาก็จะตามดูให้รู้ดำรู้แดงกันไปเพราะสารภาพว่าติดใจงานจากไต้หวันกับความเป็นเอกลักษณ์ของคอนเทนต์จากเกาะเล็กๆนี้ นั่นคือความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในงานจากไต้หวันเสมอเนื่องเพราะส่วนใหญ่งานจากไต้หวันจะเล่าเรื่องของปุถุชนคนทั่วไปหาใช่เจ้าหญิงเจ้าชายหรือคหบดีที่ไหน หรืออาจจะมีบ้างก็ยังคงมีความเป็นมนุษย์ที่เป็นปัจเจกที่ถ้าจะอธิบายง่ายๆคือเล่าเรื่องชีวิตได้อย่างมีชีวิตนั่นคือเอาชีวิตจริงมาเล่าได้อย่างถึงใจบนความเข้าอกเข้าใจ แล้วเมื่อการเล่าเรื่องชีวิตที่เป็นชีวิตธรรมดาคนสามัญชนมาเล่าก็ไม่ต่างจากการได้สัมผัสแง่มุมชีวิตที่คละเคล้าไปด้วยมุมมองที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับซีรีส์เรื่องนี้ที่ความจริงผู้เขียนเห็นมาตั้งแต่ตอนลงสตรีมใหม่ๆแต่ไม่มีเวลาดู จนเมื่อมีเวลาก็ดูจึงรู้ว่าเป็นอีกครั้งที่ไต้หวันหยิบเอาเรื่องธรรมดาที่สามารถพบได้ทั่วไปมาเล่าได้สวยงามอีกครั้ง หลินอี๋หลิง (อลิซ โก) หญิงสาวที่ทำงานบริษัทโฆษณาแล้วบุพเพก็พาให้มาพบรักกับเจิงเสวียโหย่ว (เจสเปอร์ หลิว) ชายแสนดีที่ทำงานในบริษัทคอมพิวเตอร์แน่นอนว่าความดีที่เขามีได้พาเข้าสู่ประตูวิวาห์ ทว่าเมื่อคนเราได้อยู่ด้วยกันได้ใช้เวลาร่วมกันนานกว่าแค่การเป็นแฟนอะไรที่ไม่พึงประสงค์ของกันและกันจึงได้รับรู้และสัมผัส ยิ่งเจิงเสวียโหย่วยังอยู่บ้านพ่อแม่ทั้งที่แต่งงานแล้วแต่ด้วยความที่อะไรที่ไม่พึงประสงค์ของพ่อแม่เจิงเสวียโหย่วทำให้หลินอี๋หลิงอยากย้ายออกไปหาบ้านอยู่กันลำพังสองคน แต่ว่าเจิงเสวียโหย่วก็บ่ายเบี่ยงจากเรื่องเล็กเลยลุกลามพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์จึงมาบังตาเห็นแต่ข้อเสีย จนกระทั่งหลินอี๋หลิงได้คุยกับชายปริศนาในแอปหาคู่แล้วเธอก็มาพบกับเภสัชกรหนุ่มหล่อที่ต่างกันสุดขั้วกับพฤติกรรมของสามีเจิงเสวียโหย่ว ด้านเจิงเสวียโหย่วก็ได้ผูกสัมพันธ์กับพนักงานใหม่ที่เป็นแม่เลี้ยงเดียวคือเฉินเสี่ยวลู่ (ปีปิ เหยา) และนั่นยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่นี้เริ่มบรรยากาศมาคุโดยเฉพาะหลินอี๋หลิงที่เริ่มมองเห็นแต่ด้านมืดของสามี เรียบง่ายสไตล์ไต้หวันกับการเอาเรื่องชีวิตจริงมาเล่าปานเรื่องจริงผ่านจอที่เหมือนจะเล่าไปเรื่อยๆตามยถาแต่ว่าพลิกไปมาอย่างเหนือ ด้วยความเป็นไต้หวันก็คงใช่เพราะการเขียนบทหนังบทละครของไต้หวันมักจะมาประมาณนี้คือการหยิบเอาเรื่องชีวิตจริงมาเล่าได้อย่างสามัญ นั่นคือการไม่พยายามใส่ความเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงในนิยายลงไปแต่ใช้สิ่งที่คนดูมีคือความเป็นมนุษย์เรื่องจึงออกมามีภาวะเป็นจริงดั่งนั่งดูชีวิตคู่ของคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้าสู่ปากเหว แล้วการเล่าเรื่องก็แสนเรียบง่ายเหมือนกิจวัตรประจำวันที่เราท่านต้องใช้ทุกวันวี่ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำรับประทานข้าวแล้วไปทำงาน แต่ในความเป็นกิจวัตรนั้นจะมีช่วงเวลาแห่งความคิดที่จะผุดขึ้นมาในระหว่างวันซึ่งชีวิตคู่ของหลินอี๋หลิงกับเจิงเสวียโหย่วก็เป็นไปตามนั้น เพราะเมื่ออยู่กันมาได้สักระยะความหวานพลันจืดจางเพราะปัจจัยแทรกซ้อนที่ไม่ต่างจากความคิดที่ผุดขึ้นมาระหว่างวันในกิจวัตรประจำวัน ซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้นโดยเรียบง่ายถ้าไม่ใช่การพลิกอย่างเหลือร้ายจนใจอ่อนระทวยได้อย่างเหนือชั้น มาหมดทั้งขำขันอบอุ่นตื้นตันกับสิ่งละอันพันละน้อยในการใช้ชีวิตคู่ที่มันมีอะไรมากกว่าการเดตกันในฐานะแฟน กระนั้นการหยิบเอาเรื่องสามัญที่ชาวบ้านร้านตลาดต่างก็รู้กันมาเล่ามันก็มีจุดสลบเพราะเรื่องที่เล่าคือเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ลูกเล่นอะไรล่ะที่จะหยิบเอามาใช้ให้มีแรงดึงดูด แล้วกับเรื่องนี้ความเจ๋งคือการเอาเรื่องที่เคยเจอกันมาทั้งนั้นนั่นแหละมาใส่ลงในเรื่องที่เหมือนเรื่องของคู่แต่งงานหนุ่มสาวข้างบ้านที่เราจะเฝ้ามองพวกเขาเพื่อเอาไปนินทา จึงกลายเป็นว่ามาครบในพฤติกรรมที่มักพบเห็นเมื่อน้ำต้มผักที่ว่าหวานดันอันตรธานกลายเป็นเริ่มขมอะไรที่ไม่พึงประสงค์ก็จะเข้าตา จึงมีช่วงของการเล่าด้วยความฮามานำหน้ามีดราม่าแต่ว่ามาพร้อมอารมณ์ขันแสบคันที่ไม่ว่าเธอหรือฉันก็ย่อมต้องเป็น แล้วพอผ่านจุดที่เป็นบทพิสูจน์ความแกร่งของหัวใจก็มาพร้อมกับพายุรุนแรงในฐานะสามีภรรยาที่จะมากจะน้อยย่อมต้องมีสิ่งที่มาท้าทายความเชื่อใจ สุดท้ายก็ตามขนบเมื่อความซาบซึ้งอบอุ่นตื้นตันมาพร้อมการหักมุมที่เป็นเรื่องธรรมดาแต่ว่าซาบซึ้งตรึงใจได้เฉยเลย ู การจะเดินหน้าเข้าหาการเป็น "คู่ชีวิต" ต้องผ่านบททดสอบมากมายในการใช้ "ชีวิตคู่" เพราะคนที่คุณชอบอาจมีหลายคนแต่รักแท้จะมีแค่คนเดียว เพราะการใช้ชีวิตคู่มันง่ายแค่ความรักก็ได้แต่การเป็นคู่ชีวิตแค่ความรักมันอาจไม่พออันนี้ว่ากันที่ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเองที่อยู่กับรักแท้คนเดียวมาค่อนชีวิต แน่นอนคนเราเมื่อคบกันในฐานะแฟนก็จะมองแต่ข้อดีของกันและกันเพราะยังไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันแต่เมื่อมาอยู่ร่วมกันอะไรที่ไม่เคยรู้ก็จะรู้อะไรที่ไม่ชอบในกันและกันก็จะได้เห็น ดังนั้นที่ว่ารักคงยังไม่พอมันต้องผ่านบทพิสูจน์เรื่องของความเชื่อใจและการปรับตัวเขาหากันทั้งเชิงกายภาพและเชิงทัศนติเพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งข้อเสียของกันและกันจะชัดกว่าข้อดี เช่นเดียวกับเจิงเสวียโหย่วที่ใครๆก็มองว่าเป็นคนดีแสนดีที่แท้ก็ยังมีข้อเสียและเช่นกันที่เมื่อแต่งานแล้วก็อาจสามารถชอบคนนั้นคนนี้แต่ความชอบมันต้องมีขอบเขตและมิติของมัน เพราะสุดท้ายเมื่อถึงจุดหนึ่งการย้อนกลับมามองว่าในวันที่เริ่มรักกันเหตุใดเราจึงมองเห็นแต่ส่วนดีแล้ววันนี้เรายังรักกันอยู่หรือไม่ทำไมเรามองไม่เหมือนเดิม และหากรักครั้งนี้เป็นรักแท้ที่จะมีแค่คนเดียวทุกอย่างที่เห็นว่าเป็นข้อด้อยจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยแล้วการเป็นคู่ชีวิตก็จะเริ่มต้น ด้วยมิติที่ลึกซึ้งในสิ่งที่จะสื่อจึงได้การแสดงที่สุดจัดในการเป็นคู่สามีภรรยาหน้าใหม่ที่ต้องใช้ใจฝ่าบททดสอบ สำหรับนักแสดงไต้หวันนั้นอาจเพราะขนาดของอุตสาหกรรมบันเทิงไต้หวันไม่ใหญ่มากเพราะเป็นเกาะเล็กๆหรือไม่ทำให้เหมือนเห็นนักแสดงซ้ำหน้า ซึ่งคุณแม่บ้านเคยบอกว่านักแสดงไต้หวันหน้าตาไม่หล่อไม่สวยเท่าเกาหลีหรือจีนแต่ถ้าว่ากันที่การแสดงไม่ได้ด้อยกว่าหรืออาจดีกว่าด้วยซ้ำถ้าว่ากันที่อัตลักษณ์ สิ่งที่พิสูจน์ได้คือนักแสดงที่เหมือนจะซ้ำหน้าบ่อยๆถ้าดูงานจากไต้หวันมากหน่อยอย่างอลิซ โกนี่ก็เห็นบ่อยแต่สิ่งที่เป็นคือการแสดงเป็นตัวละครนั้นๆในเรื่องนั้นๆได้อย่างไม่มีที่ติไม่ติดภาพจำมาจากบทไหนเลย แล้วกับเรื่องนี้คือเรื่องของคู่แต่งงานที่ยังไม่ผ่านช่วงรันอินที่จะมีบทพิสูจน์มากมายที่เป็นเรื่องสะดุดตาแต่ว่าต้องใช้ใจมองอลิซ โกยังคงทำได้เยี่ยมในการเป็นหญิงสาวที่เห็นบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์แล้วเริ่มเขวเหมือนนิทานหมากับเงา แต่ถึงกระนั้นก็ต้องยกความดีให้เจสเปอร์ หลิวด้วยที่เป็นสามีทั้งดีทั้งเรื้อนอย่างที่ควรเป็นได้อย่างเยี่ยมไม่แพ้กัน จะว่าพล็อตซ้ำก็ใช่แต่เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ทำให้มีความคมคายมาพร้อมความขบขันที่ไม่มีทางไม่คิดตาม พล็อตเรื่องแบบนี้น่าจะมีการหยิบมาเล่าเป็นร้อยครั้งแล้วมั้งกับเรื่องคู่แต่งงานที่กำลังพบกับภาวะชืดชาด้วยปัจจัยเฉพาะหน้ามารุมเร้า แต่ความที่เป็นซีรีส์ไต้หวันที่มักจะเล่าเรื่องของคนธรรมดาที่พบได้ตามตลาดหรือป้ายรถเมล์มันทำให้ไม่ต่างจากการดูเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งความสนุกมันอยู่ตรงภาวะเป็นจริงนั้นนั่นเองเพราะในช่วงที่เล่าด้วยความขบขันความฮาจะมาพร้อมกับเรื่องในบ้านที่ใครๆก็เป็นแบบที่เห็น แล้วเมื่อมาถึงช่วงพิสูจน์หัวใจก็ยังคงเป็นเรื่องบ้านๆกับคนบ้านๆที่มักจะเจออะไรแบบนี้ที่เมื่ออะไรในบ้านมันเห็นแล้วไม่สบายตาสิ่งที่ผ่านมาจากข้างนอกมันก็สดใสกว่า แล้วบทพิสูจน์เหล่านี้ก็คือความอยากรู้ว่าชีวิตคู่ของคู่นี้ที่เหมือนกับคนข้างบ้านจะไปกันรอดหรือไม่เพราะยอมรับว่ามีบ้างบางเวลาที่ลุ้นให้ไปกันไม่ได้ สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอยแต่ก่อนจะลงเอยก็พลิกขนานใหญ่ถึงเหวอเหมือนกันและที่ผ่านมาก็คือบทเรียนให้คนดูโดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ๆได้ดูพร้อมคิดตามเพราะสุดท้ายรักแท้จะสวยงามเสมอ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram iammarriedbut เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !