น้ำชอบพี่โชนมาครบ 10 ปีแล้วนะ "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" หนังป๊อบปี้เลิฟในตำนาน
ข่าวสารวงการหนัง 10 ปี สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก
"น้ำชอบพี่โชน..." เราได้รู้จักประโยคนี้มาครบ 10 ปีแล้วในวันนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2553 เป็นวันแรกที่หนังรักเรื่องเล็กๆ ที่มีชื่อว่า "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" ได้ออกฉาย หนังไทยที่ดูเป็นหนังสไตล์วัยรุ่นวัยเรียนใสๆ ธรรมดาทั่วไป กับนักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่ในสมัยนั้นที่มาเป็นนักแสดงนำ ดูแล้วอาจจะรู้สึกเฉยๆ แบบว่าดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เป็นไร แต่หนังไทยเรื่องนี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งหนึ่งของวงการเลยทีเดียว
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก นับว่าเป็นหนังไทยที่เป็นต้นแบบของปรากฏการณ์ปากต่อปากที่ชัดเจนที่สุดในวงการภาพยนตร์ไทย เริ่มแรกนับทำรายได้เปิดตัวได้ในระดับน่าพอใจ แต่ยังไม่สูงมากนัก ซ้ำยังเข้าฉายก่อนหน้าหนังไทยแนวตลกอารมณ์ดีจากค่ายหนังคู่แข่งเพียงแค่สัปดาห์เดียว ยังจำได้ว่า...ตอนนั้นเป็นการขับเคี่ยวกันของ 2 หนังไทยบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างดุเดือดเลยทีเดียว
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการร่วมสร้างกันระหว่าง สหมงคลฟิล์มฯ และ เวิร์คพอยท์ โดยได้ "พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร" และ "วศิน ปกป้อง" มานั่งเก้าอี้ร่วมกำกับหนังด้วยกัน หนังได้นักแสดงนำเป็นดาวรุ่งในยุคนั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น "มาริโอ้ เมาเร่อ", "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก", "ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน" หรือ "น็อต อัครณัฐ" ที่จากความสำเร็จในหนังเรื่องนี้ ทำให้พวกเขาโด่งดังกลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในทุกวันนี้
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก เป็นเรื่องราวความรักเแรกรุ่นของ น้ำ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าชั้นมัธยม แต่ดันไปแอบชอบ พี่โชน รุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่เพราะมีคู่แข่งเป็นสาวๆ เต็มไปหมด ทำให้เธอต้องทุ่มเทเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง เพราะแอบหวังเล็กๆ ว่าพี่เขาจะหันมามองเธอสักครั้งหนึ่งให้อุ่นใจ
กระทั่งเวลาผ่านไป น้ำ เติบโตเป็นเด็กสาวขึ้นชั้น ม.3 ความสวยน่ารักของเธอทำให้กลายเป็นที่ฮอตของโรงเรียนเช่นกัน น้ำได้รับเลือกเป็นดรัมเมเยอร์มือหนึ่งของจังหวัด แม้เธอจะฮอตในสายตารุ่นพี่และรุ่นน้อง แต่ก็ยังมีแค่เพียง พี่โชน คนเดียวที่ยังคงไม่มองมาที่เธอสักที...
หนังมาพร้อมกับบทเรียบง่าย ไม่ได้ซับซ้อนใดๆ เพียงแต่โดดเด่นด้วยการนำเสนอเรื่องราวให้ดูมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องราวความรักฉบับป๊อปปี้เลิฟที่เป็นจุดขายได้ไม่ยาก ผนวกกับจังหวะที่ลงตัวในการถ่ายทอดเรื่องราวและแคสติ้งที่เหมาะสม ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงที่เวิร์คพอยท์กำลังผลิตผลงานออกมาได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ประหนึ่งนักสร้างมือทองที่ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด
ในบันทึกการถ่ายทำยังระบุว่า หนังเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำอยู่หลายปี ทำให้เห็นพัฒนาการเติบโตของนักแสดงด้วย โดยเริ่มถ่ายทำตั้งแต่ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เพิ่งจะเริ่มเข้าวงการใหม่ๆ เป็นเด็กหญิงที่ได้เล่นหนังอย่าง "5 หัวใจฮีโร่" และ "เชือดก่อนชิม" เธอเป็นตัวเลือกที่แตกต่างจากบรรดานักแสดงวัยรุ่นที่เข้ามาคัดเลือกบทนี้ และทำให้เธอโดดเด่นที่สุดจนได้รับบทนี้ไป
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ยังมีจุดเด่นในการคัดเลือกเพลงมาประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเพลง "สักวันหนึ่ง" ของ มาริสา สุโกศล ที่กลับมาโด่งดังอีกครั้งก็เพราะเรื่องนี้ หรือเพลง "สักวันฉันจะดีพอ" และ "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" ที่ได้ ว่าน ธนกฤต มาขับร้องให้
ขณะที่ผลตอบรับของหนังถือว่าดีเกินคาด ได้มาจากกระแสปากต่อปากของกลุ่มคนดู ที่ทำให้หนังทำรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดเดือนสิงหาคมที่ออกฉายนั้น ก่อนจะปิดโปรแกรมฉายด้วยรายได้ประมาณ 80 ล้านบาท กลายเป็นหนังไทยที่ทำรายได้สูงสุดอันดับที่ 2 ประจำปีนั้น เป็นรองแค่หนังตลกจากค่ายคู่แข่งที่ออกฉายในเวลาไล่เลี่ยกันเท่านั้น
นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังทำให้เกิดกระแสคู่จิ้นฟีเวอร์ ระหว่าง มาริโอ้ กับ ใบเฟิร์น ไม่ใชแค่เพียงในเมืองไทย แต่ยังดังระเบิดไปทั่วเอเชีย โดยเฉพาะที่ ฟิลิปปินส์ หรือ อินโดนีเซีย ทำให้นักแสดงคู่นี้กลายเป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาค แม้ว่าในเวลาต่อมาต่างจะแยกย้ายกันเข้าสังกัดคนละช่องกันก็ตาม แต่ปัจจุบันก็เตรียมจะมีผลงานหนังเรื่องใหม่ด้วยกันอีกเรื่อง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก มีโมเมนท์น่าจดจำมากมายที่ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของคนดู ไม่ใช่แค่เพียงฉากบอกรักที่สระว่ายน้ำในตำนาน ยังมีฉากน่ารักๆ อย่าง ฉากเก็บมะม่วง, ฉากละครเวทีสโนวไวท์ หรือ ฉากพี่โชนหน้าห้องเรียน ทุกๆ ฉากถูกจับใส่อย่างมีความหมายและลึกซึ้งกินใจต่อผู้ชม
ในวันนี้หนังรักเรื่องนี้ได้ผ่านมา 10 ปีเต็มแล้ว แต่ความประทับใจของหนังเรื่องนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงรู้สึกเหมือนเพิ่งได้ไปดูหนังที่โรงแค่เมื่อวาน เราได้เห็นการเติบโตของนักแสดงนำทั้ง 2 คน ที่บัดนี้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของวงการไปทั้งคู่ ต้องบอกว่า สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ประสบความสำเร็จอย่างสูงขนาดนี้ เพราะความลงตัวแทบจะทุกอย่างในหนัง แม้จะไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ...แต่กลับประทับใจยังไม่รู้ลืม
----------------------------------------------------