เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแนวซีรีส์ที่ถูกหยิบมาสร้างมากที่สุดในยุคนี้ก็ว่าได้ สำหรับซีรีส์แนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่ว่าด้วยตัวเอกที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เด็กซ์เตอร์ มอร์แกน จาก Dexter ,นอร์แมน เบตส์ จาก Bates Motel และฮานนิบาล เล็กซ์เทอร์ จาก Hannibal จนกระทั่งเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาเราได้รู้จักกับ โจ โกลด์เบิร์ก ฆาตกรคนใหม่แห่งวงการนักเชือดจากซีรีส์ You ที่ประสบความสำเร็จบน Netflix เป็นอย่างมาก จนทำให้ปี 2019 เราก็ได้ชมซีซั่นที่สอง ของซีรีส์ชุดนี้ในซีซั่นนี้ซีรีส์จะเล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ในซีซั่นที่แล้วเมื่อโจได้กลับมาพบกับ แคนเดชอดีตคนรักเก่าของเขาที่เขาคิดว่าเธอตายไปแล้ว แคนเดชได้พยายามติดตามเพื่อล้างแค้นเขา ทำให้โจตัองสวมรอยเป็นคนอื่นในนามวิล พร้อมทั้งพบรักครั้งใหม่กับเลิฟ หญิงสาวที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย รวมถึงเพื่อนบ้านที่เป็นสองสาวพี่น้อง โดยครั้งนี้โจ ในคราบของวิล ก็ต้องพบกับเรื่องราวความรักครั้งใหม่ พร้อมทั้งหาวิธีหลีกหนีจากเงาอดีตที่คอยหลอกหลอน พร้อมทั้งการตั้งตนเป็นศาลเตี้ย ที่ทำให้เกิดเรื่องสุดระทึกมากมายที่พีคยิ่งกว่าซีซันแรกหลายเท่าหลังจากที่ในซีซั่นแรกซีรีส์เปิดตัวมาในแนว โรเมนติก ระทึกขวัญ เป็นหลัก แต่ในซีซั่นนี้หนังได้เพิ่มความเป็นสืบสวนสอบสวนเข้ามาสร้างสีสันโดยโจในซีซั่นนี้จะมีความเป็นศาลเตี้ยอยู่พอสมควร จนทำให้คล้าย เด็กซ์เตอร์ มอร์แกนจากซีรีส์ Dexter ที่ชอบสวมรอยเป็นคนอื่น และเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นคือความดี นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นเรื่องราวในวัยเด็กของโจ ที่เป็นบาดแผลในอดีตของเขา ที่จะทำให้เราได้เห็นมิติของตัวละครมากยิ่งขึ้นด้วยความที่ซีซั่นนี้มีการเพิ่มเนื้อหาสืบสวนสอบสวนเข้ามา ทำให้การเล่าเรื่องมีความน่าติดตามมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการสับขาหลอกไปมา ที่ทำให้ซีรีส์เต็มไปด้วยจุดหักมุมที่เกินคาด การสร้างปมปัญหาที่ชวนให้คนดูอยากลุ้น และเอาใจช่วยตัวละครไปจนจบซีซั่น พร้อมทั้งเพิ่มความสยดสยองแบบหนังอาชญากรรมมากขึ้นกว่าเดิมในขณะที่พาร์ทโรแมนติกระหว่างโจและเลิฟ ในซีซั่นรี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน แม้ว่าภาพรวมจะไม่หวานแหววแบบซีซั้นแรก แต่เคมีการแสดงของเพ็นน์ แบดเกรย์ และวิคตอเรีย เพเดรตติที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ซีรีส์ยังคงสามารถนำเสนอเรื่องราวของชีวิตคู่ออกมาได้ชวนติดตาม และออกมาเป็นธรรมชาติ ซีรีส์ได้ถ่ายทอดปัญหาชีวิตคู่ออกมาได้น่าสนใจ ซีซั่นนี้ซีรีส์มาพร้อมความยาว 10 EP. เท่ากับซีซั่นแรก โดยหากแบ่งเนื้อหา 3 EP. แรกคือการปูเรื่อง 3 EP. การเป็นช่วงเข้าเนื้อหาหลัก ซึ่งในช่วง 6 EP. ดังกล่าว อาจมีการเล่าเรื่องที่เนิบช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อ บางตอนมีฉากจบที่ค่อนข้างพีค และชวนให้เราอยากดูตอนต่อ ๆ ไปได้ ส่วน 3 EP. สุดท้ายคือการปิดเรื่องที่น่าตื่นเต้น เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ที่ชวนอึ้ง และปิดฉากซีซั่นได้อย่างน่าชื่นชมแต่อย่างไรก็ตาม You ก็กลายเป็นซีรีส์อีกเรื่องของ Netflix ที่ประสบชะตากรรมไม่ต่างจากเรื่องอื่น ๆ ที่ถูกทำให้จบแบบเตรียมขยายเรื่องราวให้มีปม เพื่อไปสู่ซีซั่นต่อ ๆ ไป ซึ่งทำให้ประเด็นบางเรื่องเล่าแบบกั้ก ๆ ไปบ้างเพื่อทิ้งเนื้อหาสู่ซีซั่นต่อ ๆ ไป เช่นเดียวกันกับการแบ่งเนื้อหาเป็นหลายเส้นเรื่อง ที่ทำให้เส้นเรื่องหลักของซีซั่นนี้ดูจืดลงหากเทียบซีซั่นก่อนโดยรวม You season 2 ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ยังต่อยอดเรื่องราวจากซีซั่นก่อนออกมาได้น่าติดตาม โดยเฉพาะการตอกย้ำความโรคจิต ความน่ากลัวของโจ โกลด์เบิร์กออกมาได้ยอดเยี่ยม แม้ว่าการเล่าเรื่องจะไม่สด ใหม่ เท่ากับซีซั่นแรกก็ตาม ใครที่คิดถึงซีรีส์นักเชือดในตำนานอย่าง Dexter ซีรีส์เรื่องนี้น่าจะทำให้หายคิดถึงได้ไม่มากก็น้อย ขอขอบคุณรูปภาพจากเว็ปไซต์ https://www.imdb.com/