สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่าน กลับมาอีกครั้งกับบทความ Read n' Review ที่ผู้เขียนจะมาแชร์หนังสือที่เคยอ่านไปให้คุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ เผื่อว่ามีเรื่องไหนน่าสนใจที่อยากไปหาอ่าน จะได้เป็นการช่วยตัดสินใจ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการอ่านไปในตัวด้วยค่ะเราเอาหน้าปกของฉบับภาษาอังกฤษมาให้ดูกัน เผื่อใครอยากเห็นนะคะ จริง ๆ แล้วข้อดีของหนังสือจากสำนักพิมพ์ต่างประเทศอยู่ตรงที่มีปกหลากหลายให้เลือกค่ะ ไม่เหมือนของไทยที่จะมีแค่ปกแบบเดียว จากสำนักพิมพ์เดียว ถ้าสวยก็ดีไปถ้าไม่สวยไม่ชอบก็กัดฟันซื้อ ถือว่าซื้อเนื้อหาไม่ได้ซื้อปกเนอะ ฮ่า ๆวันนี้เรามาอยู่กับหนังสือเรื่อง The Giver โจนาสกับผู้ให้ วรรณกรรมเยาวชนที่เขียนโดย โลอิส เลาว์รี่ นักเขียนชาวอเมริกัน เป็นหนังสือเล่มแรกของชุด The Giver ค่ะ ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสังคมดิสโทเปียที่มีผู้มีอำนาจคอยควบคุมคนในสังคม และริดรอนเสรีภาพในการเลือกออกไป (คุ้น ๆ เลย) เหลือเชื่อเลยมั้ยคะว่านี่คือนิยายสำหรับเด็ก สังคมอเมริกันเขาไม่กลัวที่จะให้ความรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพที่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนพึงมีจริง ๆ ค่ะ และด้วยความที่เป็นนิยายสำหรับเด็กแล้ว เนื้อหาก็สามารถย่อยง่ายอ่านสนุกเลนล่ะค่ะ เรื่องนี้ได้นำเอาไปทำเป็นภาพยนตร์ด้วยค่ะ ชื่อเรื่องเดียวกัน The Giver แต่ก็มีการดัดแปลงเนื้อหาอยู่พอสมควรให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด เพิ่มอายุตัวละคร เพิ่มฉากโรแมนติกเข้าไป เพิ่มประเด็นการใช้อำนาจควบคุมทุกอย่าง คาดว่าพยายามจะทำให้เหมือนเรื่อง The Hunger Games อยู่บ้างพอสมควรค่ะ เรื่องย่ออาณานิคมแห่งหนึ่งที่แสนจะเงียบสงบ จนแทบจะสมบูรณ์แบบ ไม่มีสงคราม ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีความเกลียดชัง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเพรียบพร้อมครบครัน ทั้งที่อยู่อาศัย อาหารการกิน โรงเรียน แม้กระทั่งอาชีพ ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ของตนที่ถูกจัดไว้ให้ เมื่อพลเมืองอายุครบ 12 ปี จะได้รับมอบหมายหน้าที่เพื่อที่จะได้รับการฝึกฝนก่อนที่จะกลายเป็นอาชีพในอนาคต 'โจนาส' ได้รับหน้าที่อันแสนสำคัญของอาณานิคม ทำให้เขาได้รับโอกาสเรียนรู้และเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมมากขึ้นยิ่งกว่าที่เขาเคยเห็นมาทั้งชีวิต เขาเริ่มรู้สึกแปลกแยกเพราะความรู้และความรู้สึกที่เขาได้รับนั้นมีมากกว่าคนอื่น เขาเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น มันช่างโหดร้ายเสียจริง ทั้งเขานั้นมีความทรงจำที่แตกต่างจากคนอื่นในอาณานิคมอีกด้วย หรือเขานั้นจะเป็นผู้เดียวที่ได้หลุดพ้นจากการปิดหูปิดตาของผู้มีอำนาจเบื้องบนในอาณานิคมแห่งนี้กันแน่The Giver เป็นการเสมอภาพมุมมองของสังคมในอนาคตหลังการล่มสลายของยุคปัจจุบันค่ะ โลกในอนาคตเจริญก้าวหน้าไปมาก มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย การอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็เช่นกัน สภาพสังคมในยุคนี้ก็เปลี่ยนไปมาก ทุก ๆ คนจะมีทุก ๆ อย่างเหมือนกัน เด็ก ๆ ก็จะได้รับการพัฒนาไปตามช่วงวัยเหมือน ๆ กัน ไม่มีการแบ่งแยกสีผิว สีผม สีตา ทุกคนเหมือนกัน ไร้ซึ่งสีสัน พลเมืองจะต้องกินยาควบคุมอารมณ์และความต้องการทางเพศ ผลจากการไร้อารมณ์ทำให้อาณานิคมแห่งนี้ไร้เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ และเสียงเพลง เด็กแรกเกิดที่ไม่แข็งแรง คนเฒ่าคนแก่ คนที่ทำผิดกฎระเบียบของสังคม จะได้รับการถูกปลดปล่อย หรือฉีดยาให้ตายนั่นเอง แต่ในในสังคมจะไม่รู้ว่าการปลดปล่อย คือความตายโจนาส ได้รับเลือกให้สืบทอดตำแหน่ง "ความทรงจำ" จากผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้า เนื่องจากเขามาลักษณะพิเศษที่เหมาะสม ความทรงจำนี้คือความทรงจำเก่าของโลกยุคก่อน ๆ ที่มีสงคราม ความเจ็บป่วย โรคระบาด ความรัก อิสระภาพ เสียงเพลง และอื่น ๆ ความทรงจำนี้ถูกลบออกจากคนในสังคมทุกคน ยกเว้น The Giver เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้นำบทเรียจากอดีตมาปรับใช้แก้ปัญหาได้เมื่อโจนาสได้เห็นโลกที่มีสีสันอย่างที่มันควรจะเป็น ก็ทำให้เขาเริ่มเห็นจุดบกพร่องของโลกในปัจจุบันมากขึ้นเท่านั้น ที่บ้านของเขารับเด็กแรกเกิดมาเลี้ยงชั่วคราวชื่อ เกเบรียล แต่เด็กคนนี้อ่อนแอมาก จึงมีแนวโน้มที่จะโดน 'ปลดปล่อย' โจนาสไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ในวันที่เกเบรียลจะได้รับการปลดปล่อย โจนาสจึงพาเขาหนีด้วยความช่วยเหลือจากผู้ให้ เขายังนำเอาความทรงจำที่ผู้ให้มอบให้มาติดตัวไปด้วย ทันทีที่พ้นเขตอาณานิคม ความทรงจำของผู้ให้ ก็ไหลย้อนกลับไปที่คนทั้งอาณานิคม ทุกคนจึงได้รับรูถึงความทรงจำอดีตที่ผู้มีอำนาจคอยปกปิดไว้นิยายเล่มนี้ถือว่าเป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคมที่ดีเยี่ยมเลยล่ะค่ะ ถือว่าเป็นโลกสมมติขึ้นมาที่ตอบคำถามว่าถ้าหากเราเอาความแตกต่างที่ทำให้เกิดความแตกแยกออกไปให้หมด สังคมของเราจะเป็นอย่างไรกันได้เลย คนทั้งโลกก็คงกลายเป็นเพียงฟันเฟืองตัวหนึ่งที่ทำให้โลกหมุนไปวัน ๆ ช่างน่าเบื่อและไร้สีสันเสียจริง และโจนาสทำให้เราเห็นว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งไว้ในมือได้ บางสิ่งเราก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติค่ะ ยิ่งควบคุม ท้ายที่สุดแล้ว มันจะกลับมาทำร้ายเรานั่นเองคะแนน 9/10เครดิตภาพ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 โดยผู้เขียน / ภาพที่ 3 โดยผู้เขียน