Movie Full Review : A Sun : ชีวิตกร้านตะวัน (2019)สิ่งที่ยุติธรรมที่สุดในโลก คือดวงอาทิตย์ ไม่ว่าจะอยู่ละติจูดไหนทุกพื้นที่ในโลก ตลอดทั้งปีก็มีกลางวันและกลางคืนอย่างเท่าเทียมกันบนภาพที่เลือนลางแห่งความทรงจำของดูไปบ่นไปเท่าที่นึกได้แบบไม่ต้องค้นข้อมูลนั้น จำไม่ได้แล้วว่าหนังเสียงในฟิล์มบรรยายไทยปัจจุบันเรียกว่าซับไทยเริ่มมีบทบาทในโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยเมื่อไหร่ยิ่งสำหรับคนชนบทอย่างผู้เขียนยิ่งจะไม่ค่อยได้สัมผัส ความคุ้นเคยในการดูหนังจีนจึงมาจากพากย์ไทยแต่พอนึกถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่โรงหนังเป็นแบบแสตนด์อโลนหนังที่เข้าฉายในโรงในเชียงใหม่สมัยยังขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนดูหนังทั้งวันก็ยังเป็นหนังพากย์ไทย แต่ถ้าให้เดาจากที่ได้เจอมาหนังเสียงในฟิล์มเริ่มมามีบทบาทมากขึ้นเมื่อการเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้วที่มีโรงหนังอยู่บนชั้น 4 (ถ้าจำไม่ผิด) แบบหลายโรง การมีโรงฉายเยอะขึ้นทางเลือกในการรับชมก็มากขึ้นตามมา แล้วการ์ดความทรงจำก็บอกกับผู้เขียนว่าเริ่มการดูหนังแล้วต้องอ่านบรรยายไทยนับแต่นั้นจนถึงปัจจุบันผู้เขียนไม่ค่อยดูหนังพากย์ไทยเพราะทักษะในการฟังภาษาอังกฤษอยู่ในขั้นใช้ทำมาหาเลี้ยงชีพ จนกระทั่งการดูหนังแทบทุกสัญชาติแบบอ่านซับคือถ้ามีให้เลือกฟังเสียงต้นฉบับอ่านซับก็จะเลือกก่อน แต่ก็ยังมีหนังที่ยังรักจะดูพากย์ไทยเสมอมาก็คือหนังจีนหรือหนังที่พูดภาษาจีนเพราะความคุ้นชินที่ผ่านมาหรือไม่ก็ตอบตัวเองไม่ได้ แต่อนิจจาในปัจจุบันหนังจีนที่มีให้ดูในบางช่องทางก็ใส่เสียงพากย์แบบขอไปทีบางครั้งเกินจะรับไหว ทำให้ต้องเริ่มดูหนังที่พูดจีนอ่านซับบ่อยขึ้นจนสุดท้ายมนุษย์จะปรับตัวได้เสมอ เช่นกันกับการดูหนังพูดจีนทั้งเรื่องจากไต้หวันเรื่องนี้ที่อยากดูเหลือเกินแต่ความที่ไม่มีพากย์ไทยก็ทำให้ผัดผ่อนเรื่อยมา จนเมื่อได้ดูกลับนึกเสียดายที่ว่าไม่น่าจะให้กำแพงในด้านภาษามาปิดกั้นและเกือบพลาดหนังชั้นเยี่ยมไปอีกเรื่อง A Sun เรื่องย่อฝนพรำในคืนหม่นมืดเด็กวัยรุ่นสองคนบุกเข้าไปฟันแขนคู่อริขาดจนตกลงในหม้อชาบู เรื่องจึงถึงหูคุณเฉิน (เฉิน ยี หวิน) พ่อของหนึ่งในเด็กวัยรุ่นที่ก่อเรื่องเฉินเจี้ยนเหอ หรืออาเหอ (วู เซียง โฮ) แต่เมื่อต้องพิจารณาคดีคุณเฉินผู้พ่อกลับยินดีให้ลูกชายเข้าสถานพินิจ และเมื่อมีคนถามคณเฉินว่ามีลูกกี่คนคุณเฉินมักจะตอบว่ามีคนเดียวอันหมายถึงเฉินเจี้ยนห่าวหรืออาห่าว (เกร็ก ซู) ลูกคนโตที่ตั้งใจเรียนและมีความหวังจะสอบเข้าวิทยาลัยแพทย์ เพราะอาห่าวคือเด็กดีที่อยู่ในโอวาทของคุณเฉินเสมอมาต่างจากอาเหอที่สร้างปัญหาอยู่ร่ำไป ขณะที่อาเหออยู่ในสถานพินิจและกำลังปรับตัวคุณนายเฉิน (ซาแมนธา โก) ผู้เป็นแม่ก็ต้องรับมือกับอีกปัญหาของอาเหอเมื่อแม่ของเสียวยหวี้ (แอปเปิล วู) แฟนของอาเหอมาตามตัวกลับและความจริงก็คือเสียวยหวี้ตั้งท้องลูกของอาเหอผู้ไร้อนาคต?ด้านอาห่าวก็ได้พบกับเสี่ยวเจิน (เฉิน หลิง เหวิน) หญิงสาวที่พบกันที่โรงเรียนกวดวิชา และคล้ายกับว่าอาห่าวเจอกับบางอย่างที่ให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ส่วนคุณเฉินก็ต้องรับมือกับผลที่ตามมาจากการกระทำของของอาเหอ เมื่อทางครอบครัวของผู้เสียหายมาทวงค่าชดเชยซึ่งคุณเฉินปฏิเสธอย่างไม่ไยดี แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่ออาห่าวที่เหมือนจะมีทางชีวิตที่ดีกลับตัดสินใจจบชีวิตตนเองและไม่มีใครเดาใจเขาได้ว่าทำไม จนอาเหอพ้นโทษออกมาการมีลูกมีภรรยาก็ทำให้เขาพยายามที่จะตั้งตัวตั้งหน้าตั้งตาทำงาน แต่อดีตก็ตามมารังควาญเมื่อแรดิช (หลิว ควน ทิง) ยังมาตามอาเหอให้ไปทำเรื่องที่ไม่ควร สุดท้ายพ่อผู้ไม่เคยคิดว่าอาเหอคือลูก แม่ที่พยายามดึงทุกอย่างให้มาอยู่ในเส้นทาง ลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวจะเป็นพระอาทิตย์ให้พ่อกับแม่ หรือพ่อกับแม่จะเป็นพระอาทิตย์ให้ลูก อยู่ที่คนจะตีความยังไง?ละเอียดละเมียด ซึมลึก เกาะกุมหัวใจไปถึงอารมณ์ บนความเรียบง่ายในแบบหนังไต้หวันนี่คือบทภาพยนตร์ที่ละเอียดทุกอณู ทุกเหตุการณ์นับตั้งแต่เปิดเรื่อง ทุกบทสนทนา ทุกการตัดสินใจของตัวละครล้วนมีส่วนเกี่ยวพันกันไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง การเล่าเรื่องที่ค่อยๆไปแต่ไปด้วยความเป็นปัจเจก ธรรมดา และเป็นธรรมชาติจากบทหนังทำให้หนังที่ดูเงียบเรียบแต่มีพลังดึงดูดอย่างน่าประหลาด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะบทวางตัวให้เป็นเรื่องของคนตัวเล็กๆในสังคม คนที่ไม่มีความโดดเด่นสำคัญ คนที่เดินผ่านยังไม่สะดุดตาแต่คนเหล่านี้คือคนส่วนใหญ่ในสังคม จึงทำให้คนดูรู้สึกว่ากำลังนั่งมองชีวิตจริงของใครบางคนที่อาจเป็นคนใกล้ตัวหรืออาจคือชีวิตของตนที่มีคำถามคำโตว่าทำไมเรื่องร้ายๆจึงเกิดกับครอบครัวนี้ ความฉลาดอีกอย่างของบทคือความไม่ลงไปลึกว่าการเลี้ยงดูลูกทั้งสองของครอบครัวเฉินเป็นยังไง ทำให้ในใจคนดูทำได้เพียงเดาว่าทำไมอาเหอจึงเป็นเด็กที่มีปัญหาทำไมอาห่าวถึงฆ่าตัวตาย แต่แม้จะไม่ได้วางพื้นฐานก็ให้ความกระจ่างผ่านสถานะทางครอบครัวผ่านทัศนคติของคุณเฉินผู้พ่อและคุณนายเฉินผู้แม่ ส่วนบทสนทนาที่เรียบง่ายเหมือนคนคุยกันในชีวิตจริงที่ลื่นไหล แต่ก็มองเห็นอารมณ์จิกกัดความพยายามคมคายในชีวิตคนด้วยการที่คุณเฉินยึดมั่นในคำคมที่ตนไม่สามารถทำได้ แต่แม้จะเรียบง่ายเป็นชีวิตชนชั้นกลางค่อนล่างบทสนทนาที่ดูธรรมดากลับมีความหมาย ความน่าทึ่งคือความหมายนั้นไม่เห็นเจตนายัดเยียดแต่เมื่อได้ยินกลับคิดตามอย่างไม่มีทางเลี่ยง หรือการแหกทัศนคติคนจีนที่ให้ความสำคัญกับลูกชายโดยเฉพาะลูกชายคนโตแต่บางทีทัศนคติบางอย่างที่สุดโต่งก็อาจทำร้ายเรามากกว่า อีกสิ่งที่ทำให้หนังมีพลังคือแสงและเงาการจัดแสงที่มืดหม่นแม้กระทั่งในตอนกลางวันก็คือครอบครัวนี้อยู่ในความมืดแต่ในความมืดยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาก็นับว่าไม่สิ้นหวัง ส่วนการสื่อสารด้านภาพสื่อความหมายทั้งโดยตรงและโดยนัยเมื่อเน้นแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ภาพพระอาทิตย์ทรงกลดที่มองได้ว่าแม้กระทั่งพระอาทิตย์ผู้ทรงความยุติธรรมยังมีบ้างที่ถูกเมฆบดบัง แต่กระนั้นใช่ว่าเมฆที่บดบังจะคงอยู่ตลอดไปจึงเป็นความคมคายที่เรียบง่ายที่สื่อออกมาได้ยอดเยี่ยมA Sun หรือ A Son ด้วยความที่ผู้เขียนอายุไล่เลี่ยกับคุณเฉินและยังมีลูกชายสองคนเช่นกันที่มีวัยไล่เลี่ยกับในหนังมุมที่มองอาจต่างออกไป แต่ด้วยความที่หนังไม่ได้เผยพื้นฐานการเลี้ยงดูลูกจึงทำได้แค่คาดเดาและตีความ จึงเห็นว่าทัศนคติของคุณเฉินชายกลางคนชาวจีนที่มีทัศนคติการมีลูกชายเช่นเดียวกับพ่อคนจีนส่วนมากคือต้นเหตุ ด้วยการที่หนังเล่าเรื่องออกมาแบบนี้จึงค่อนข้างแน่ใจว่าในความหมายของ A Sun (พระอาทิตย์) และ A Son (ลูกชาย) ว่าถูกสื่อให้ออกมาพ้องกัน เพราะเมื่อมองในมุมความเป็นพ่อที่เมื่อภรรยาตั้งครรภ์แม้ปากจะพร่ำบอกว่าจะลูกสาวหรือลูกชายก็ได้ไม่ต่างกัน แต่เชื่อเถอะว่าในใจลึกๆของมนุษย์ที่กำลังจะเป็นพ่อล้วนโหยหาลูกชายทั้งสิ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกคนแรก ลูกชายคนแรกจึงไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ของพ่อและแสงแห่งดวงอาทิตย์ยิ่งสว่างมากขึ้นเมื่อเป็นครอบครัวชนชั้นกลางค่อนล่างของคุณเฉินที่เป็นครอบครัวคนจีน หัวหน้าครอบครัวอยู่ในวัยกลางคนและเติบโตมากับขนบธรรมเนียม แสงแห่งพระอาทิตย์ก็คือแสงแห่งความหวังเป็นแสงแห่งความอบอุ่นในรุ่งเช้าที่เหน็บหนาวของพ่อ และยิ่งลูกชายคนแรกคือคนเก่ง หัวดี ตั้งใจเรียน เป็นที่ภาคภูมิใจแสงอาทิตย์จึงถูกมองด้วยความงดงาม แต่ในอีกมุมหนึ่งที่พ่อไม่เคยเห็นและไม่เคยคิดจะมองกลับไม่ได้มองแสงอาทิตย์ว่าสวยงาม แต่มันคือความร้อนความร้อนที่สามารถแผดเผาน้ำในร่างกายให้เหือดหายอันทำให้หมดสิ้นแรงกาย เพราะเมื่อแสงอาทิตย์สำแดงพลังอย่างเต็มที่สิ่งมีชีวิตในโลกก็จำต้องหลบเข้าร่มเงาส่วนในมุมของลูกที่แบกความหวังทั้งหมดของพ่อความคาดหวังในตัวลูกนั้นก็คล้ายแสงอาทิตย์ที่เร่าร้อนรุนแรงและพร้อมจะแผดเผาพลังงานในใจ สิ่งที่ตามมาคือหมดสิ้นแรงใจ ซึ่งสำหรับสภาพแวดล้อมรอบตัวอาห่าวเขาไม่มีร่มเงาให้ได้หลบเร้นแม้สักที่ในชีวิต ทางออกของเขาคือปลดเปลื้องพันธะด้วยการลาจากแสงนั้น และเช่นกันแสงอาทิตย์สำหรับพ่อก็ดับลงพ่อผู้ยึดมั่นกับประโยค “ชีวิตคือการฉกฉวยวันเวลา และเลือกเส้นทางให้ตัวเอง” แต่คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคุณเฉินคือคนที่ฉกฉวยวันเวลาของอาห่าว และการเลือกเส้นทางชีวิตให้อาห่าวด้วยการตอกย้ำประโยคนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนกลายเป็นการดับแสงแห่งพระอาทิตย์ที่สาดส่องใจคุณเฉินเสมอมาใช่หรือไม่ .....สิ่งที่ยุติธรรมที่สุดในโลกคือดวงอาทิตย์เพราะดวงอาทิตย์ก็คือดวงอาทิตย์ที่แม้บางครั้งอาจอ่อนแสงลงบ้างยามสนธยาหรือยามรุ่งสาง หรือแม้ยามมีเมฆหมอกมาบดบังแต่ดวงอาทิตย์ไม่เคยบกพร่องในการทำหน้าที่มอบแสงสว่างเพื่อขับไล่ความมืดมิด มอบความอบอุ่นยามเหน็บหนาว หรือกระทั่งเมตตาหลบเร้นไปเพื่อให้มนุษย์ผู้อ่อนล้ากายใจได้หลับนอนพักผ่อนในความมืดมิดแห่งราตรี และเพราะดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกเสมอดวงอาทิตย์จึงคล้ายกับแสงนำทางให้นักเดินทางได้เช่นกัน ถ้าลูกชายคือแสงสว่างนำทางชีวิตพ่อให้มีความหวังพ่อเองก็ไม่ต่างจากแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นที่สาดส่องให้กับลูก แต่บางครั้งแสงอาทิตย์ก็ไม่ได้พาดผ่านเข้าถึงบางซอกหลืบที่หลบเร้นดังที่เห็นความมืดแม้กระทั่งในตอนกลางวันของบ้านครอบครัวเฉินเช่นกันที่ว่าแสดงอาทิตย์ที่อบอุ่นจากพ่อก็ไม่สามารถส่องถึงอาเหอที่เป็นลูกคนรองที่ออกนอกกรอบที่พ่อตีไว้ เพราะคุณเฉินบอกเองทุกครั้งว่าเขามีลูกชายคนเดียวเขาหมายถึงอาห่าวที่ภาคภูมิและหวัง แต่เมื่อดวงอาทิตย์ในใจคุณเฉินดับไปพร้อมชีวิตอาห่าว ตัวคุณเฉินกลับไม่ได้มองดวงอาทิตย์อีกดวงที่แม้จะมีแสงแต่คุณเฉินเลือกหมางเมิน แต่เมื่อสิ้นไร้หนทางก็ยังไม่นับว่าสายเกินไปที่คุณเฉินจะมองเห็นจนในที่สุดแสงอาทิตย์ที่คุณเฉินพึงต้องส่องถึงอาเหอก็ถึงเวลาของมัน และทำให้เห็นใจในการกระทำใดก็ตามที่คุณเฉินทำเพื่ออาเหอที่อาจจะถูกหรือผิดก็นับว่าไม่ผิดต่อใจคุณเฉินเพราะเขาก็ได้กลับมามองเห็นแสงอาทิตย์อีกดวงที่เขาไม่เคยคิดแม้แต่จะเหลือบมองส่วนคุณนายเฉินผู้แสนดีที่แม้จะเจ็บปวดกับทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาแต่ลูกๆยังเป็นพระอาทิตย์ของเธอเสมอมาทำให้เธอยังยืนอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง และเช่นกันเธอก็เป็นพระอาทิตย์ของลูกๆเสมอมาแม้ว่าอาห่าวจะไม่ได้มองเห็นเหมือนดังเช่นอาเหอมองเห็น และความที่อาห่าวต้องแบกความหวังจนไร้ที่ซ่อนเพราะเขาเป็นพระอาทิตย์ดวงเดียวของพ่อ และการที่วันเวลาของเขาถูกฉกฉวยไปอาห่าวจึงไม่มีช่วงเวลาที่ได้เสพสุขและดื่มด่ำกับการซ้อนท้ายจักรยาน หรือปั่นจักรยานให้แม่ซ้อนท้ายดังเช่นอาเหอได้ทำ และอาห่าวไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะได้รักใครสักคน แล้วสุดท้ายใครกันแน่ที่ควรจะเป็นแสงอาทิตย์ที่สาดส่องให้ใครอีกคน.....ความรันทดที่ดูธรรมดาและเป็นจริงทำให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบผ่านการแสดงที่เรียบง่ายแต่เห็นภาพความจริงด้วยบทภาพยนตร์ที่อาจดูรันทดชีวิตที่ต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆหาแสงสว่างไม่ค่อยเจอ แต่ในความรันทดก็มิใช่จงใจเรียกน้ำตาหรือบีบคั้นแต่เหมือนกับนั่งมองชีวิตคนธรรมดาที่ดำเนินไป คล้ายกับเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่อาจได้เห็นทุกวี่วันเป็นชนชั้นพื้นฐานของสังคม ดังนั้นการที่จะทำให้หนังออกมาสะกดอารมณ์ได้อย่างที่เป็นนักแสดงในบทสำคัญต้องเป๊ะทั้งบุคลิกของตัวละครและการแสดง ซึ่งความได้เปรียบของงานจากไต้หวันเรื่องนี้ก็คือสิ่งนี้เพราะการที่บทสำคัญต่างๆเช่นคุณเฉิน , คุณนายเฉิน , อาเหอ และ อาห่าว หรือกระทั่งนักแสดงคนอื่นในเรื่องล้วนเป็นนักแสดงที่ไม่คุ้นตาทำให้ไม่มีภาพจำจากบทอื่น อีกสิ่งหนึ่งคือการคัดเลือกนักแสดงได้ถูกต้องทั้งหน้าตาและบุคลิกของพวกเขาก็คือชนชั้นรากฐานของสังคม ชนชั้นที่มองยังไงก็ไม่เห็นทางว่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร นอกจากการที่นักแสดงบุคลิกตรงแล้วการถ่ายทอดมิติของตัวละครการถ่ายทอดอารมณ์ก็สมบูรณ์จนเชื่อทั้งใจว่าพวกเขาคือตัวละครนั้นๆ เชื่อว่านี่คือ คุณเฉิน พ่อที่ห่างเหินพ่อที่ลูกๆไม่กล้าที่จะพูดคุย การได้คุยสบายๆกับอาห่าวบ้างคือการฝันถึงและการได้คุยสบายๆกับอาเหอคือการได้เจออาเหอทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำเพื่อครอบครัวใหม่โดยบังเอิญ การถ่ายทอดบทบาทออกมาได้สมบูรณ์ทำให้สัมผัสได้ว่าทำไมเหตุการณ์ร้ายๆจึงเกิดขึ้นกับลูกชายของครอบครัวนี้ อีกทั้งเชื่อว่านี่คือคุณนายเฉินที่เป็นสายลมไต้ปีกของลูกๆเสมอมาแต่การเป็นผู้หญิงในครอบครัวคนจีนอาจไม่สามารถมีปากเสียง กระทั่งเมื่อความอดทนสิ้นสุดทุกสิ่งจึงทะลักออกมาที่พาฉากปะทะคารมท่ามกลางแสงอาทิตย์ในตอนท้ายซึ่งก็คือฉากที่ทรงพลังและสะเทือนใจ คนดูเชื่อว่านี่คืออาเหอผู้มีปัญหาเพราะต้องอยู่ไต้เงาของพี่ชาย และคนดูเชื่อว่านี่คืออาห่าวที่แบกความหวังของพ่อไว้จนเกินตัว เพราะนี่คือเรื่องของคนระดับสามัญภาพที่เห็นจึงสะท้อนบริบททางสังคมไต้หวันที่เอาตามจริงก็ใกล้เคียงกับแถวนี้อยู่ไม่น้อย การสะท้อนปัญหาสังคมที่เริ่มจากครอบครัวจึงเห็นชัดสัมผัสได้ด้วยงานด้านดนตรีที่ต้องบอกว่านี่คือดนตรีประกอบมีพลังมากในการส่งอารมณ์ ดนตรีที่แม้จะประกอบภาพนิ่งๆยังส่งให้ขนลุกและขอบตาชื้น ด้วยบทภาพยนตร์ที่เนี้ยบทุกอณู การถ่ายทอดด้านการแสดงยิ่งกว่าใช่ ทำให้เวลาบนจอสองชั่วโมงครึ่งเดินหน้าไปอย่างมีพลัง และแม้จะเป็นเวลาที่ยาวกว่าปกติแต่ก็หาตำหนิไม่เจอจึงกลายเป็นงานแนวดราม่าที่สมบูรณ์แบบบทความนี้เขียนจากมุมมองของคนเป็นพ่อ จึงอาจจะไม่ได้ลงถึงมิติอื่นมากเพราะเวลาสองชั่วโมงครึ่งในหนังมีอะไรให้สัมผัส มีอะไรให้คิดมีอะไรให้ตีความมากมาย แต่การจะมองเห็นในแง่มุมไหนนั้นวุฒิภาวะและประสบการณ์จะมีผลให้สัมผัสสิ่งที่แฝงไว้ต่างกัน ผู้เขียนเชื่อว่าคนที่เป็นแม่ก็จะมองเห็นอีกมุมที่สัมผัสแง่มุมของคุณนายเฉินได้ลึกซึ้งกว่าในฐานะคนเป็นแม่ที่สัมผัสได้ด้วยใจ เพียงแต่ความเป็นพ่อที่มีลูกชายเป็นดั่งพระอาทิตย์ทั้งสองดวงที่อบอุ่นให้ผู้เขียนนั้นทุกนาทีที่ผ่านจะมีอะไรผุดขึ้นมาให้คิดตาม เพราะเมื่อท่านได้ดูแล้วหนังจะตรึงอารมณ์ด้วยความหมายทั้งโดยตรงและโดยนัยแต่ไม่ทิ้งความน่าสงสัยในใจว่าทำไม? สงสัยว่าครอบครัวนี้จะมีทางออกเช่นไร ลุ้นว่าอาเหอจะผ่านด่านยากของการกลับตัวหรือไม่ มองเห็นว่าโอกาสอาจไม่ใช่ของคนทุกคนโดยเฉพาะคนที่เคยพลาดไปอย่างอาเหอซึ่งเรื่องราวเหล่านี้การเล่าเรื่องที่เหมือนดูชีวิตจริงแบบนี้อาจไม่บันเทิงนักกับผู้ชมในวงกว้างซึ่งน่าเสียดายเพราะหนังก็ไม่ได้ดูยาก เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเฉินคือบทเรียนชีวิตชั้นดีที่ให้ได้ระลึก ในมุมของความเป็นพ่อ ในมุมของความเป็นแม่ ในมุมของความเป็นสามี ในมุมของความเป็นภรรยา และในมุมของความเป็นลูก เพราะบางครั้งสำหรับบางคน ดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียวอาจไม่พอส่องสว่างให้ชีวิต การที่ลูกที่เปรียบเป็นพระอาทิตย์ส่องใจพ่อแม่ลูกก็ต้องการแสงอันอบอุ่นจากพระอาทิตย์ที่พ่อแม่เป็นให้ลูกเช่นกัน แต่ไม่ใช่แสงที่ร้อนแรงแผดเผาไม่ใช่การฉกฉวยวันเวลาจากลูกไม่ใช่การเลือกเส้นทางให้ลูก แต่ต้องเป็นแค่แสงสว่างเป็นเข็มทิศในการเดินทางให้ลูกเพื่อให้ลูกได้มีวันเวลาและได้เลือกเส้นทางชีวิตของตัวลูกเอง จึงจะเป็นพระอาทิตย์ที่ยุติธรรมที่แท้จริง เพราะ A Son ก็คือ A Sun ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก,1,2,3,4,5 จาก taiwancinema.bamid.gov.tw / 3 NG Filmจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลก์คนที่ชอบ 'ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี'คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565