Series Full ReviewMove To Heavenเรียบ สามัญ งดงาม เมื่อทุกการจากไปมีเรื่องราวให้รำลึกเสมอ คำพูดสุดท้าย บ่วงและห่วงที่ต่างฝ่ายต่างมีNETFLIX : 1 Season 10 Episodes (2021)บ่อยครั้งที่การดูหนังดูละครมักจะสะท้อนกลับมาหาผู้ชม อาจเป็นความบันเทิงล้วนๆหรือมีบ้างที่กลับมาด้วยบทเรียนชีวิตในแง่มุมต่างกันไปสุดแท้แต่ประสบการณ์ชีวิตของผู้ชมจะสัมผัสได้มากน้อยขนาดไหน และสำหรับดูไปบ่นไปในวัยใกล้ชราที่มาตรองดูแล้วจะมีหนังและละครที่เล่าเรื่องประมาณหนึ่งที่มักจะไม่ปฏิเสธ นั่นคือเรื่องเล่าของบทเรียนจากความตาย เพราะเหตุที่ว่า “ทุกการจากไปจะมีเรื่องเล่าให้คนอยู่ได้ระลึกเสมอ” จึงได้สัมผัสแง่มุมชีวิตที่ทาบทาลงบนชีวิตตนเองเมื่อได้ชม และช่างบังเอิญเหลือเกินผู้เขียนมีหนังสองเรื่องที่เล่าเรื่องของ “มรณานุสติ” อยู่ในดวงใจคือหนังจากทางญี่ปุ่นทั้งสองเรื่องคือ When I Get Home My Wife Always Pretend To Be Dead : ผมล่ะเพลีย เมียแกล้งตาย (2018) ที่คมคายขบขันหัวเราะไม่ได้ร้องให้ไม่ออก อีกหนึ่งคือการส่งผู้ตายครั้งสุดท้ายด้วยความเคารพและการได้เรียนรู้เรื่องราวเบื้องหลังการจากไปของผู้ตายเพื่อเรียนรู้และยอมรับ Departures (2008) คือหนังเรื่องนั้น ซึ่งเรื่องราวประมาณนี้ก็ได้มาสัมผัสในซีรีส์เกาหลี NETFLIX Original เรื่องนี้ที่บินสูงไม่มีลดเพดานลงเลยแม้แต่ตอนเดียว แม้จะมองเห็นความเป็นหนัง Departures อยู่ในเงาของแรงบันดาลใจ แต่จะเป็นไรไปเมื่อแก่นของเรื่องที่ต้องการจะสื่อปักเข้ากลางใจทำให้กลายเป็นงานชั้นเยี่ยมอีกครั้ง Move To Heavenเรื่องย่อMove To Heaven (ย้ายสู่สรวงสวรรค์) คือชื่อบริษัทที่รับทำความสะอาดเก็บและย้ายข้าวของของคนตาย หรืออีกนัยหนึ่งคือทำหน้าที่ทำความสะอาดที่เกิดเหตุที่มีคนเสียชีวิต บริษัทนี้ดำเนินการโดยสองพ่อลูกคือฮันจองอู (จีจินฮี) ผู้เป็นพ่อกับฮันกือรู (ทังจุนซัง) ลูกชายผู้เป็นเด็กพิเศษที่มีความสามารถจดจำสิ่งที่เห็นได้ดังอัจฉริยะ แต่สมองของกือรูกลับไม่ได้คิดซับซ้อนเช่นปกติคล้ายกับไร้เดียงสา และการเก็บกวาดทำความสะอาดของสองพ่อลูกนั้นก็บอกกับผู้ชมว่าเป็นการทำด้วยความเคารพต่อผู้วายชนม์ และจะมีกล่องสีเหลืองที่เก็บของสำคัญที่มีนัยยะที่สามารถสื่อความหมาย หรือบอกกับคนที่เป็นที่รักของผู้ตายให้สัมผัสถึงวาจาสุดท้ายที่ผู้ตายต้องการจะบอกผ่านผู้พ่อคือฮันจองอูทว่า หลังจากงานล่าสุดที่สองพ่อลูกได้ทำด้วยความเคารพฮันจองอูผู้เป็นพ่อก็มาด่วนจากไป ทิ้งกือรูอยู่เพียงลำพังโดยมีนามู (ฮงซึงฮี) เด็กสาวละแวกบ้านที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกือรู แต่ก่อนจากไปพ่อก็ได้จัดการบางอย่างคือการตั้งผู้ปกครองกือรูที่เป็นเด็กพิเศษและคนคนนั้นคือญาติเพียงคนเดียวที่กือรูเหลืออยู่ คนคนนั้นคือชายที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำคือโจซังกู (อีเจฮุน) ผู้เป็นน้องชายต่างบิดาของพ่อมีศักดิ์เป็นอาของกือรูด้วยเงื่อนไขพิสูจน์ตัวเองสามเดือนของคุณอา เพื่อที่จะเป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมและสามารถจัดการทรัพย์สินของพี่ชายที่ซังกูคิดเสมอมาว่าทิ้งเขาไป และการมาอยู่ร่วมกันของสองอาหลานก็คือการเรียนรู้ตัวเองผ่านการทำความสะอาดและเก็บข้าวของของตนตายที่ใครบางคนไม่อยากทำบทที่มองเห็นความเป็นญี่ปุ่นที่ละเมียดละเอียดเรียบเรื่อยแต่ไม่เอื่อยอาจเป็นเพราะนี่คืองานที่สร้างมาเพื่อสตรีมโดยตรงสิบตอนรวดซึ่งก็หมายความว่าถ่ายทำรวดเดียวแล้วส่งจอ และความได้เปรียบของส่วนนี้คือการเขียนบทที่ตั้งธงไว้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วเดินตามนั้นรวดเดียว ไม่ต้องกลัวกระแสไม่ต้องคิดมากจนทำให้เรื่องเป๋กลางทางทำให้เรื่องออกมาบินสูงตั้งแต่ตอนแรก และเป็นเช่นนั้นไปจนตอนสุดท้ายโดยที่ไม่ลดเพดานบินลงเลยแม้แต่นาทีเดียว แม้จะมองเห็นได้ว่าไม่มีอะไรรุนแรงมาปลุกเร้าจนเห็นความเรียบเรื่อย แต่ความเรียบไม่ได้หมายความถึงคำว่าเอื่อยเสมอไปซึ่งความเรียบแบบนี้มักจะมองเห็นได้ในงานจากญี่ปุ่น หากแต่เมื่อปรับมาเป็นบริบทแบบเกาหลีแล้วสิ่งที่เติมเข้ามาคืออารมณ์ที่วูบวาบเมื่อในแต่ละเรื่องราวที่เล่ามาผ่านเบื้องหลังของชีวิตผู้จากไปล้วนมีสีสัน แหลมคม เพียงแต่มาในสีที่งดงามหาใช่หมองโศก ความฉลาดของบทคือการเลือกเล่าเรื่องการค้นหาปะติดปะต่อวาจาสุดท้ายที่ผู้ตายอยากบอกใครสักคนออกมาคล้ายกับการต่อจิ๊กซอว์ของกือรู ผ่านการพยายามตีความอย่างที่พ่อเคยทำและใช้ความสามารถพิเศษของกือรูที่ส่งผลให้เรื่องเดินหน้าไปอย่างสนุกไม่ต่างจากงานสืบสวน แน่นอนเมื่อเลือกเล่าเรื่องของความตาย การจากไป บ่วงและห่วง เรื่องสามารถเล่าได้ในโทนหม่นก็ได้และอาจดีไปอีกแบบแต่เมื่อเลือกจะย้ายสู่สรวงสวรรค์ซึ่งมันคือการส่งสูสุขคติ ก็เลือกที่จะเล่าในมุมที่สวยงามให้ได้ยิ้มได้หัวเราะไม่ตึงเกินไป และมอบบทเรียนชีวิตได้ในหลากหลายมุมมองทั้งมุมของ พ่อ แม่ ลูก เพื่อน ครู ชีวิตคู่ กระทั่งความรักของหนุ่มกับหนุ่มที่กล้าเล่นเรื่องของเพศทางเลือกทุกเรื่องราวไม่ว่าจะเริ่มต้นยังไงสุดท้ายก็จะสรุปด้วยความงดงาม เมื่อคนอยู่ได้เข้าใจความหมายของวาจาสุดท้ายของผู้จากไป และที่มันปักเข้ากลางใจผู้ชมเพราะทุกเรื่องที่เล่าล้วนเล่าจากความสามัญของเรื่องสามัญ เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้บนโลกใบนี้ เรื่องที่อาจมีบ้างบางเรื่องราวที่ผู้ชมบางคนได้ประสบมา และการเสนอในแบบให้สัมผัสได้ด้วยใจว่ามันคือเรื่องธรรมดาสามัญของมนุษย์ ก็คือบทเรียนชีวิตชั้นยอดที่ไม่บีบเค้น อีกความเยี่ยมคือพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติไม่รู้สึกว่าจงใจยัดเยียด และการเปลี่ยนผ่านจากข้างในคือความเชื่อโดยหมดใจเพราะความสามัญ และมันทำให้งานด้านบทออกมาเยี่ยมทุกอณู ไร้ที่ติ เพราะแม้จะมีบางคนที่ไม่มีบทสรุป แต่เมื่อยังมีอนาคตก็อาจได้เห็นการเล่าเรื่องของการเคลื่อนย้ายครั้งสุดท้ายของใครบางคนอีกครั้งของเยอะเกินไปก็รู้สึกหดหู่ ของน้อยเกินไปก็หัวใจสลายด้วยความที่เห็นอิทธิพลของญี่ปุ่นมาทาบทับสิ่งที่เห็นคือการสื่อความหมายด้วยภาพและบทสนทนาและทางภาษากาย มีบ้างที่บทสนทนาธรรมดาสามารถเรียกน้ำตาผู้ชมได้โดยไม่รู้ตัวเมื่อการจากไปของบางคนที่อาจมองว่าผู้ตายยังมีห่วง ด้วยการตีความความรู้สึกของคนตายผ่านข้าวของที่สำคัญและมีคุณค่าทางใจ แต่บางทีไม่ใช่แค่คนที่จากไปที่มีห่วง คนที่ยังต้องอยู่ก็มีบ่วงที่เป็นพันธนาการทางใจเช่นกันเมื่อยังมีอะไรค้างคาใจ และการขนย้ายครั้งสุดท้ายด้วยความเคารพ การได้มอบบางอย่างที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวระหว่างผู้ตายกับคนที่พวกเขารัก อาจเป็นเครื่องเยียวยาและปลดเปลื้องพันธนาการนั้นเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ “ไม่ควรดูถูกผู้ตายที่ไม่รู้จักตัวตนของเขา”และมันคือสิ่งที่จับใจเมื่อวาจาสุดท้ายของผู้ตายที่ไม่มีใครรับกล่องสีเหลืองนั้น นั่นคือไม่มีคนที่รักเหลือให้คิดคำนึงถึงจึงมอบตอนที่ประทับใจที่สุดในตอนที่หก เมื่อการมองภาพเดียวกันแต่ตีความคนละอย่าง การเลือกจบชีวิตไปพร้อมกันของสองสามีภรรยาผู้ชราได้มอบมุมมองบางอย่างให้ผู้ชม ตัวละครได้เห็นอีกมุมของความรัก เมื่อไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่การได้จากโลกนี้ไปพร้อมกันก็อาจมาจากความรักที่ยิ่งใหญ่ อาจเป็นการดีที่จะไม่ได้ทิ้งใครที่ดูแลตนเองไม่ได้ไว้ข้างหลังหรือบางทีการเดินหน้าเข้าหาความตายไปพร้อมกันพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุขครั้งสุดท้ายด้วยกันอาจเป็นทางที่ดีกว่า เพราะการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรักด้วยกันมาตลอดชีวิตก็คือของขวัญที่มีค่า เมื่อคำว่าคู่ชีวิตมีความหมายเช่นไรในหัวใจของแต่ละคน เมื่อคนหนึ่งจากไปแน่นอนว่าหลายคนยังต้องอยู่ต่อ ทุกเรื่องที่ถูกเล่าที่เป็นเรื่องของสามัญชนคนแต่ทุกเรื่องราวก็เล่าถึงความรักที่ไม่ธรรมดา ความรักและความฝันของลูกชายที่ไม่ใช่ฝันใหญ่มากมายแต่คือทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อแม่ ความรักของครูผู้ให้ที่มีต่อเด็กๆต้องพังทลายเพราะพลาดผิดไปกับการคบคน ความรักต้องห้ามระหว่างชายกับชายที่กำแพงอันคร่ำครึของครอบครัวและความไม่กล้านำมาซึ่งความสูญเสีย ความรักความผูกพันระหว่างเด็กสาวที่มอบให้เด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่ตีแสกหน้าสังคมกลายๆ และอีกหลายเรื่องราวที่แฝงไว้อย่างลงตัวแต่ทุกเรื่องราวทุกมุมมองท่านปฏิเสธได้หรือไม่ว่า สามารถเกิดขึ้นกับมนุษย์คนใดบนโลกได้ทั้งสิ้นปลดเปลื้องพันธนาการทางใจเพื่อเคลื่อนย้ายสู่สรวงสวรรค์ห่วงของผู้จากไปคืออะไรบ่วงที่คล้องคอคนที่ต้องอยู่ต่อคืออะไร ก็ใช่ที่บทเล่าเรื่องความรักที่หลากหลายในตลอดเวลาสิบตอนได้อย่างมีพลัง แต่แก่นของเรื่องที่แท้จริงนั้นอาจเป็นห่วงของผู้จากไปคือฮันจองอูและบ่วงที่พันธนาการคนที่อยู่ข้างหลังคือกือรูลูกชายและซังกูน้องชาย ความละเมียดละไมของบทในส่วนของแก่นแท้คือจุดเริ่มต้น พัฒนาการและความเปลี่ยนผ่านจากภายใน แรกเริ่มหลังจากการจากไปของจองอูผู้เป็นพ่อที่ดูแลลูกด้วยความรักความเข้าใจเสมอมา และผู้ชมสัมผัสได้ว่ากือรูสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่มีพ่อ แต่การแต่งตั้งน้องชายที่ไม่มองหน้ากันมาเป็นผู้ปกครองลูกที่เป็นเด็กพิเศษจุดเริ่มต้นคล้ายกับเป็นเช่นนั้นทว่าเมื่อเวลาล่วงผ่านพัฒนาการของบทก็บอกกับผู้ชมว่าแท้จริงแล้วห่วงที่มีหลังการจากไปของจองอูมิใช่กือรูแต่คือน้องชายผู้ไม่รู้จักโตและดำเนินชีวิตแบบไร้ราก ที่สำคัญ คือน้องชายที่พลัดพรากและเข้าใจเขาผิดเสมอมา กลายเป็นว่าห่วงของผู้ตายคือความเข้าใจพี่ชายครั้งสุดท้ายของผู้เป็นน้อง น้องชายที่คนจากไปรักสุดหัวใจและยังห่วงหาอาลัย และสองพยางค์ละลายหัวใจก็เป็นแค่เรื่องธรรมดากับคำว่า “ไนกี้” ที่ทำให้ซึงกูรู้ว่าที่ผ่านมาพี่ชายของเขาเจ็บปวดขนาดไหนกับการที่ไม่ได้ดูแลน้องชายที่เขารักและนี่คือห่วงของผู้จากไปใช่หรือไม่ และกลายเป็นว่าการตั้งซึงกูมาเป็นผู้ปกครองกือรูกลายเป็นความจงใจให้กือรูดูแลอาและช่วยให้อาได้เปลี่ยนผ่านได้เติบโตอย่างที่ควรเป็นกระนั้นแม้หากห่วงของพ่อคืออาแต่ความที่สมองกือรูไม่ซับซ้อนทางอารมณ์ บ่วงของคนที่อยู่กลับกลายเป็นตัวกือรูที่ยังไม่อาจปล่อยพ่อให้จากไป เขายังคงยึดติดและไม่เปิดใจ จนในที่สุดพัฒนาการก็ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้เมื่อเห็นความเป็นครอบครัวชัดขึ้น อากลายเป็นคนในครอบครัวและสะเทือนใจในตอนที่แปดกับการตามหาอาที่หายไป จนเมื่อถึงเวลา สองอาหลานก็ได้เปิดทุกอย่างต่อกัน มันจึงถึงเวลาแล้วที่กือรูจะได้ปล่อยพ่อที่เขารักเคลื่อนย้ายไปสู่สวรรค์ เพราะถึงที่สุดความปรารถนาของพ่อที่มีต่อกือรูคือการที่กือรูเรียนรู้ที่จะปล่อยมือ แล้วบทสรุปก็คือห่วงของผู้ตายได้ปลดปล่อย และบ่วงของคนอยู่ก็ได้ปลดเปลื้องแล้ว เพราะ “ตราบใดที่จดจำได้ เขาจะไม่มีวันจากไป” การคัดเลือกนักแสดงในระดับต้องยกย่องและการแสดงที่ถึงฟอร์มเมื่อเรื่องปลีกย่อยที่เล่าคือเรื่องที่สามัญที่สุดการแสดงก็ต้องสามัญที่สุด ต้องทำให้ผู้ชมเชื่อทั้งใจในความเป็นตัวละครนั้นๆ ความเยี่ยมของการคัดตัวนักแสดงในเรื่องนี้คือบทกือรู เมื่อการเลือกเอานักแสดงที่ชื่อยังไม่ติดหูภาพยังไม่ติดตามารับบทคนที่มีความพิเศษให้ผู้ชมเชื่อได้โดยเป็นธรรมชาติ และการเลือกเอาทังจุนซังมารับบทกือรูคือสิ่งที่พิเศษเมื่อผู้ชมไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้เชื่อว่านี่คือเด็กพิเศษ ประกอบกับความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงหรืออาจรวมถึงมาตรฐานของผู้กำกับด้วยก็คงใช่ จึงมอบคาแร็คเตอร์กือรูที่น่าจดจำทำให้ทังจุนซังคือผู้เล่นทรงคุณค่าของเรื่องได้ เพราะทังจุนซังสามารถพาเรื่องเดินไปข้างหน้าโดยมีเขาเป็นแกนด้วยทุกอารมณ์ซึ่ง คงไม่เกินไปนักที่จะบอกว่าทังจุนซังได้เจอกับบทพลิกชีวิตเข้าแล้วเมื่อการแสดงในเรื่องนี้คือการแสดงในระดับที่ต้องยกย่อง และยังเห็นพลังดาราความสามารถในระดับที่ผู้ชมต้องรัก ส่วนอีเจฮุนนั้นอาจมอบตำแหน่งผู้ชายมากหน้าให้เมื่อได้ผ่านตาการแสดงของเขามาพอสมควรในหนังและซีรีส์ และทุกบทบาทการแสดงไม่มีเรื่องไหนที่หย่อนมาตรฐานสำหรับเรื่องนี้แม้ว่าถ้ามองดีๆบทของกือรูได้ยกระดับบทของซังกูของอีเจฮุนขึ้นมาด้วยแรงดึงดูด เพราะบทซึงกูคือพระจันทร์ที่ต้องโคจรรอบดวงดาวที่ชื่อกือรูเป็นตัวสนับสนุน แต่หากไม่ได้การแสดงของอีเจฮุนก็อาจไปไม่ถึงดวงดาวทั้งคู่ก็เป็นได้ส่วนอีกคนที่เป็นตัวละครที่ดึงอารมณ์ของผู้ชมให้สว่างคือความน่ารักสดใสของตัวละครนามูของฮงซึงฮีที่อาจมีบ้างที่มองเห็นเงาของโกอารา แต่เธอก็ยังรับผิดชอบหน้าที่ในการเป็นพลังบวกให้กับเรื่องอย่างดี กับอีกคนที่เป็นตัวคุมเกมที่สมบูรณ์คือจีจินฮีที่อบอุ่นอ่อนโยน ด้วยการเล่าเรื่องปลีกย่อยหลากหลายจึงเปิดโอกาสให้มีนักแสดงรับเชิญมากมายระดับเบอร์ใหญ่ทั้ง อีแจอุค , ซูยอง หรืออีเร และคนอื่นๆที่คุ้นหน้าส่วนจะมาตอนไหนให้ไปพิสูจน์เอง และทุกคนก็คือส่วนผสมกลมกล่อมที่ทำให้เรื่องนี้ออกมาละมุนละไม และดนตรีประกอบที่เน้นอารมณ์ของตัวละครและผู้ชมอย่างได้ผล เพราะงานด้านภาพสื่อความหมายและออกมาสวยคมแม้จะเล่าถึงเรื่องของความตายก็ตาม นี่คืองานที่ใช้ชั้นเชิงง่ายๆไม่ซับซ้อนซ่อนปมอะไรมากมาย ไม่มีดราม่าหนักหน่วงรุ่นแรง ไม่มีพระเอก ไม่มีตัวร้าย ไม่มีตัวอิจฉา แต่ความง่ายถูกเล่าด้วยธงที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัดที่จะเล่าเรื่องของชีวิตหลังความตายซึ่งไม่ใช่ชีวิตของคนตาย แต่เป็นชีวิตชั่วขณะหนึ่งของคนที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายของใครสักคน การได้เรียนรู้จากบางแง่มุมในชีวิตคนตายแล้วเปลี่ยนผ่านเพื่อปรับจูนชีวิตให้อยู่ในทิศทางที่ถูกที่ควรและสามารถหลุดพ้น เรื่องจึงเป็นความบันเทิงในความเรียบง่ายเพราะเรื่องราวที่เล่ามาสามารถสัมผัสได้ไม่ว่าผู้ชมจะมีประสบการณ์ชีวิตผ่านอะไรมามากหรือน้อย แต่ต้องมีบ้างบางมุมมองเรื่องที่ได้พบเจอกับตัวเองหรืออย่างน้อยก็ได้พบเห็นกับคนใกล้เคียงและที่เคยผ่านตามาจึงเป็นความน่าทึ่งในการเล่าเรื่องราวที่น่าหดหู่ให้ออกมาสนุกระคนเศร้า ซาบซึ้งระคนตื้นตัน เบื้องหลังคราบน้ำตายังมีรอยยิ้ม แม้มีบ้างที่มองเห็นความเป็นญี่ปุ่นและแรงบันดาลใจบางประการ แต่เมื่อปรับบริบทมาเป็นเกาหลีแล้วใส่ความหวือหวาลงไปมีช่วงเวลาดึงอารมณ์ผู้ชมได้บ้างไม่ตึงเกินไป ซีรีส์เรื่องนี้ก็กลายเป็นงานที่ยอดเยี่ยมถึงฟอร์มถึงใจด้วยบทที่เนี้ยบเรื่องราวที่สัมผัสได้ด้วยใจมีบทเรียนชีวิตมากมายให้ได้รำลึก อารมณ์ร่วมระดับสูง การแสดงที่ต้องรัก มอบทุกอย่างที่พึงมีในความเป็นซีรีส์เรื่องเยี่ยม งานที่สามารถยกขึ้นไว้บนหิ้งของความทรงจำ งานที่เล่าถึงเรื่องความตายที่ต้องประทับตราว่าอย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดูดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบภาพปก จาก Instagram leejehoon_officialภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 / ภาพที่ 13 / ภาพที่ 14 / ภาพที่ 15 จาก Facebook Netflixอัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่ ฟังเพลงฮิตสุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!