ความเคยชินในการดำเนินชีวิตในทุก ๆ วัน การอยู่ในพื้นที่สบาย อยู่ในที่ที่รู้สึกปลอดภัยและคุ้นเคย คงเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะหวงแหนและไม่กล้าที่จะก้าวออกมาจากพื้นที่ที่ดีต่อใจทั้งหลายเหล่านั้น ทำให้ทุกอย่างในชีวิตเดินอยู่ในกรอบเดิม ๆ สภาพแวดล้อมเดิม ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นเลย แม้ว่าสภาพที่เป็นอยู่นั้นจะแย่ลงขนาดไหนก็ตาม วันนี้ผู้เขียนจึงนำหนังสือหนึ่งเล่มที่จะมาให้พลังใจแก่ผู้ที่กลัวการก้าวออกมาจาก Comfort Zone ทุกท่าน และเปลี่ยนคนกลัวให้เป็นคนกล้าเพียงชั่วข้ามคืนWho Moved My Cheese? ใครเอาเนยแข็งของฉันไป จำนวน 96 หน้า ราคา 148 บาท (ปกแข็ง)ภาพถ่ายโดยผู้เขียนผู้เขียนได้หนังสือเล่มนี้มาจาก B2S ซึ่งเป็นการตั้งใจไปหาซื้อมาโดยเฉพาะ เนื่องจากเห็นรีวิวจากหลาย ๆ ท่านที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เล่มนี้ดี" และพอผู้เขียนอ่านจบก็กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า "เล่มนี้ดี" จริง ๆ ค่ะเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ถูกท่ายถอดออกมาในรูปแบบของนิทานที่มีการดำเนินเรื่องด้วยหนู 2 ตัว คือ สนิฟฟ์ กับ สเคอร์รี่ และมนุษย์จิ๋ว 2 ตัวชื่อ เฮม และ ฮอว์ ทั้ง 4 ชีวิตดำรงชีพอยู่ในเขาวงกตที่ซับซ้อนและกว้างใหญ่ ซึ่งจะมีเนยกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในเขาวงกต มากบ้าง น้อยบ้างแล้วแต่ที่ ตามหลักของการเอาตัวรอด เมื่อเนยแข็งจากจุดไหนหมด ทุกคนต้องออกเดินทางเผื่อหาเนยแข็งในแห่งใหม่ ซึ่งจะต้องออกเดินหาไปตามเขาวงกตด้วยตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้เจอเนยแข็งอยู่ที่ไหนและจะได้เจอเนยแข็งหรือไม่ ในส่วนของสนิฟฟ์กับสเคอร์รี่ไม่มีปัญหาในการออกไปค้นหาเนยแข็งเลย เพราะพวกเขาสังเกตเห็นปริมาณที่ลดลงของเนยแข็งในทุก ๆ วันอยู่แล้วและรู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว จึงมีการเตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้า แต่เฮมคือคนที่มีปัญหามากที่สุด นอกจากจะไม่ยอมออกไปหาเนยแข็งในที่ใหม่ ๆ แล้ว ยังเอาแต่บ่น เอาแต่โทษว่าใครมาเอาเนยแข็งของเขาไป ในวันที่ฮอว์ตัดสินใจทิ้งความกลัวแล้วออกเดินทางตามหาเนยแข็งแห่งใหม่ เฮมยังคงนั่งบ่นนั่งโทษสิ่งต่าง ๆ อยู่เหมือนเดิม และได้แต่หวังว่าสักวันเนยแข็งจะกลับมา เขาไม่กล้าแม้จะออกเดินไปสู่เส้นทางใหม่กับเพื่อนคู่ใจอย่างฮอว์ เพราะใจของเฮมมีแต่ความกลัวและการยึดติด ฮอว์จึงออกเดินทางมาโดยลำพังส่วนเฮมก็ยังคงอยู่กับสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเช่นเดิมทำให้ในท้ายที่สุดทั้งสนิฟฟ์ สเคอร์รี่และฮอว์ก็ได้เดินทางไปค้นพบเนยแข็งปริมาณมหาศาลในสถานที่แห่งใหม่ แม้ระหว่างทางที่พวกเขาออกเดินจะเจอทั้งความลำบากและความผิดหวัง ท้อแท้ แต่เมื่อทุกคนเดินมาถึงปลายทางต่างก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตนได้ยอมแลกไประหว่างทางนั้นคุ้มค่าเหลือเกินภาพถ่ายโดยผู้เขียนเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เปรียบได้เหมือนชีวิตการทำงานของพวกเราที่มักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งแบบที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว ใครที่ยึดติดและไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงคือคนที่จะเจ็บปวดที่สุด และคนที่จะอยู่รอดคือคนที่มองการณ์ไกลและกล้าที่จะท้าทายสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ แม้จะไม่รู้ว่าตลอดเส้นทางที่ต้องเดินจะต้องเจอกับสิ่งใดบ้าง จะต้องเปลี่ยนเส้นทางกี่ครั้งจึงจะถึงจุดหมาย แต่เขาก็ยังก้าวต่อไปด้วยหัวใจที่มั่นคงและไม่ไหวหวั่น ดังนั้นโปรดรู้ไว้เถิดว่า " การเปลี่ยนแปลงไม่ได้น่ากลัว แต่การไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงต่างหากที่น่ากลัว "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน