รีวิวหนัง "The Siege at Thorn High ปิดโรงเรียนล่าโหดครู" โหมดออกล่าฉบับเยาวชนโฉด

บอกเลยว่าวงการหนังอินโดฯ กำลังเป็นเหมือนไฟลุกโชนอีกลูกในภูมิภาคเอเชียยุคนี้ เพราะการพัฒนาและการผลักดันผลงานภายในประเทศของพวกเขาค่อนข้างแตะตามากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับหนังโทนหม่น ๆ ดูเดือด ๆ เรื่องนี้ "The Siege at Thorn High ปิดโรงเรียนล่าโหดครู" ก็กลายเป็นหนังอินโดสเกลสากลที่ค่อนข้างแตะตาน่าสนใจไม่เบา ที่พร้อมออกสู่สายตาชาวโลก
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นที่มีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ว่าด้วยสภาพสังคมที่เน่าเฟะในปี 2027 ของอินโดนีเซีย เอ็ดวิน คุณครูหนุ่มผู้มุ่งมั่นตั้งใจในอาชีพ กำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้เพื่อการอยู่รอด เมื่อโรงเรียนที่เขาเพิ่งจะมาทำการสอนอยู่ได้แปรเปลี่ยนเป็นสถานที่การประลองต่อสู้ดิ้นรนระหว่างความเป็นกับความตาย เหล่าเด็กนักเรียนที่ถูกปลูกฝังให้เกิดความเกลียดชังกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติ ได้จุดประกายไฟของพลังการต่อสู้ของเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับตัวท็อปของอินโด "โจโก้ อันวาร์" ที่แฟนหนังคุ้นเคยกับเขาดีจากบรรดาหนังสยอง อย่าง Impetigore บ้านเกิดปีศาจ หรือ Satan's Slaves เดี๋ยวแม่ลากไปลงนรก ที่ครั้งนี้เขาขอเบรกพักจากหนังสยองมาเป็นความขึงขังอาชญากรรมสักหน่อย โดยที่ยังคงรับหน้าที่ทั้งกำกับ ทั้งตัดต่อ ทั้งเขียนบทหนัง พ่วงด้วยตำแหน่งร่วมอำนวยการสร้าง และยังแอบโผล่มาร่วมแสดงรับเชิญนิดหน่อยอีกเช่นเคย แน่นอนว่าฝีมืองานสร้างของเขานั้น ค่อนข้างไว้วางใจได้ดี
ก็ตามที่หนังได้เกริ่นเอาไว้ตอนต้นว่าคอนเทนท์เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง แต่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปัญหาเรื้อรังที่สั่งสงในสังคมมานาน นำมาตีแผ่ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ในแง่ของพล็อตเรื่องและบทหนัง ก็ถือว่าค่อนข้างเป็นไปตามมาตรฐานและสูตรที่ควรจะเป็น อาจจะไม่ได้มีทิศทางที่นอกกรอบมากนัก สตอรี่ของหนังยังไม่ได้เฉียบคมมีชั้นเชิงเป็นที่สุด แต่อย่างน้อย ๆ เส้นเรื่องและเจตนารมณ์ของหนังก็เน้นย้ำตีแผ่ออกมาค่อนข้างชัดเจนดี
ต้องยอมรับว่าองค์ที่ 1 ของ The Siege at Thorn High ร้อยเรียงปูทางออกมาค่อนข้างเข้มแข็งดี เป็นการโปรยหินตามทางเอาไว้ในคนดูอยากติดตาม แต่ทว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าในองก์ที่ 2 ของหนังค่อนข้างเรียบเฉยไปสักหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าท่วงท่าการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างเนือยช้าไปนิด และไม่ได้มีน้ำหนักที่ทรงพลังเพียงพอที่จะผลักดันตัวหนังเร้าใจสู่สถานการณ์ตรงหน้า ที่ควรจะเป็นอีกไคลแมกซ์ที่โดดเด่นของหนัง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะยังไม่ถึงใจเท่าที่ควร แต่ยังดีที่องค์สุดท้ายของหนัง สามารถเรียกพลังกลับคืนมาได้อยู่
The Siege at Thorn High ค่อนข้างหยิบยืมกลิ่นอายจากหนังดัง ๆ มาละเลงใช้อยู่หลายเรื่อง มีกลิ่นอายการเอาตัวรอดจากการถูกล่าแบบหนัง The Purge พร้อมกับเติมเสน่ห์ความเป็นหนังบู๊คลาสสิกของอินโดแบบ The Raid เข้าไปหน่อย ๆ กับความเด็ดเดี่ยวใน John Wick แม้ว่าความพิถีพิถันและความคมคายในองค์ประกอบนี้จะยังไม่กลมกล่อมถึงที่สุด ยังมีอะไรที่ขาด ๆ เกิน ๆ อยู่บ้าง แต่หนังก็ยังสามารถเสิร์ฟอรรถรสความเป็นภาพยนตร์เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน
ในแง่งานสร้างก็ถือว่า โจโก้ อันวาร์ ยังละเลงฝีมือได้แบบเต็มไม้เต็มมือ การออกแบบโปรดักชันและเซ็ตฉากต่าง ๆ ค่อนข้างน่าพอใจ ถึงจะยังดูเป็นฉากเป็นซีนเยอะไปหน่อยก็ตามที ขณะที่งานถ่ายภาพและมุมกล้องก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นโจโก้ มีการใช้เทคนิคลองเทคเข้ามาเล็กน้อย ที่ผสมผสานเข้ากับการตัดต่อแบบฉึบฉับ โทนสีโทนภาพอาจจะติดเหลืองติดเขียวไปนิด แต่ก็ถือว่าเป็นกลิ่นอายที่เข้ากันด้วยดีกับหนังเรื่องนี้
ขณะที่พาร์ทการแสดงได้หนึ่งในพระเอกตัวท็อปของวงการ "มอร์แกน วี" มาแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด ถือว่าเป็นอีกครั้งที่เขาได้พลิกบทบาทและได้ท้าทายฝีมือทางการแสดง แน่นอนว่าอินเนอร์ของเขาเอาหนังเรื่องนี้ได้อยู่ ถึงแม้ว่าบทจะไม่ได้คมชัดและแต่งเติมมิติในคาแรกเตอร์ของเขาสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังสามารถสื่อสารบทบาทของตัวเองด้วยอินเนอร์และฝีมือแอคติ้งได้อย่างเปี่ยมล้นด้วยดี ถือว่าเป็นเบอร์หลักที่เป็นเสาหลักให้กับหนังเรื่องนี้โดยแท้
โดยที่ทีมนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ที่เพราะว่าบทหนังไม่ได้มีชั้นเชิงและรายละเอียดมากนัก ก็ทำให้พวกแก๊งนักเรียนถูกใส่เข้ามาแบบช่วยเติมเต็ม โดยที่ไม่ได้มีมิติใด ๆ ที่เด่นชัด ทั้งที่รายละเอียดในแต่ละตัวละครค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย มีความซับซ้อนที่ชวนขยี้ได้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม หนังใส่เข้ามาแค่แบบผิวเผิน ออกมาเป็นเพียงตัวละครที่ขาดสติ คึกคะนอง ไม่ได้มีชั้นเชิงมาก ที่สะท้อนมาถึงทิศทางการแสดงของทีมดารา ที่ก็ถือว่าพวกเขารับมือกับบทของแต่ละคนค่อนข้างพึงพอใจ
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว The Siege at Thorn High อาจจะเป็นหนังดิบ ๆ โหด ๆ สไตล์อินโด ที่ยังทำถึงได้ไม่ที่สุดนัก เพราะยังปะปนไปด้วยชิ้นส่วนที่ขาด ๆ เกิน ๆ อยู่เต็มไปหมด เป็นความกลมกล่อมที่แฝงไปด้วยรสชาติที่ฝาดคออยู่ตลอด แต่อย่างน้อย ๆ ความชัดเจนและเส้นเรื่องที่แข็งดีของหนังก็ช่วยเน้นย้ำความสตรองของหนังได้ แม้ว่าบทหนังจะยังค่อนข้างขรุขระไปบ้าง ขาดความกระชับไปหน่อย แต่เจตนารมณ์ของหนังก็ยังเด่นชัดและแฝงความทรงพลังได้อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ด้วยฝีมือของผู้กำกับที่รู้งาน และนักแสดงนำที่ประคับประคองตัวหนังไม่ให้ เคว้งไปไกลกว่านี้
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Siege at Thorn High ปิดโรงเรียนล่าโหดครู
- ประเภท: แอคชัน / อาชญากรรม / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: โจโก้ อันวาร์
- นำแสดงโดย: มอร์แกน วี, โอมารา เอสเต็งฮาล, ฮานา มาลาซาน, เอ็นดี้ อาร์เฟียน
- ความยาว: 117 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 15 สิงหาคม 2025 (ที่ Prime Video)
Movie.TrueID METRIC: The Siege at Thorn High ปิดโรงเรียนล่าโหดครู
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.1/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.0/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.2/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.5/10)
คุณสามารถรับชม Prime Video ได้ง่าย ๆ จากกล่อง TrueID TV ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ครบ!
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa