Short CommentThe Good Detective 2 : ตำรวจพันธุ์แกร่ง ปี 2 (2022)สานต่อได้ลงตัวขึ้นที่ยังดูสนุกแต่ดูสบายผ่อนคลายกว่าทั้งยังน่าติดตามเช่นเดิมสารภาพว่าเมื่อตอนได้ข่าวมาว่าจะมีการสานต่อละครเกาหลีแนวสืบสวนที่ดูสนุกดูแล้วหยุดไม่ได้เรื่องหนึ่งที่ฉายเมื่อสองปีก่อนดูไปบ่นไปก็มีความอยากดูและเฝ้ารอว่าจะมีค่ายสตรีมมิ่งใดนำเข้ามาให้ดู แต่แล้วเมื่อตอนที่ออกอากาศสดทางเกาหลีก็ไม่มีค่ายไหนจัดให้เลยได้แต่เสียดายและคิดว่าจะไม่ได้ดูแล้วจึงได้แค่ทำใจ แต่แล้วก็มีคิวเข้าฉายแบบเหนือความคาดหมายแบบรวดเดียวจบครบสิบหกตอนผู้เขียนจึงตั้งตารออีกครั้ง กระนั้นเมื่อเวลาที่รอคอยมาถึงจริงๆก็เกิดปัญหาทางเทคนิคซับไทยไม่ตรงกับเสียงทำให้ดูไม่รู้เรื่องจำต้องพักก่อนเพื่อรอการแก้ไขจากทางแพล็ตฟอร์ม จนเมื่อปัญหาถูกแก้ไขผู้เขียนก็มีอันต้องยังไม่ได้ดูอย่างจริงจังเพราะติดการแข่งขันฟุตบอลโลกลากยาวมาถึงสิ้นปีที่ค่อนข้างวุ่นวายช่วงปลายการทำงานของปีจนมาได้ดูอย่างจริงจังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเรียกว่าเป็นละครที่ดูข้ามปี ซึ่งถ้าไม่นับว่าการดูๆหยุดๆเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวมากกว่าเป็นเพราะเรื่องราวเพราะเอาจริงถ้าจะดูยาวๆก็ทำได้และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไปถึงระดับหยุดไม่อยู่ได้เช่นกัน แล้วเนื่องจากเป็นการสานต่อเรื่องราวอะไรที่เคยตึงเกินไปก็ถูกคลายทำให้ดูลงตัวขึ้นเปิดมาที่คดีเก่าที่ทำให้สายสืบโอจีฮยอก (จางซองโจ) ได้ย้ายมาอยู่สถานีตำรวจอินชอนซอบูที่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย แต่เนื่องจากคนร้ายเป็นทายาทบริษัทใหญ่และได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจกังฉินจึงลอยนวลไปได้ ตัดมาที่ปัจจุบันทีมสายสืบบ้านนอกนำโดยสายสืบมือเก๋าคังโดชาง (ซนฮยอนจู) ที่กำลังสืบคดีขโมยโสมแต่ดันไปเจอศพหญิงสาวในคดีดังระดับประเทศที่มีทีมสายสืบจากกรุงโซลพยายามปิดคดีอยู่ แต่แล้วความเข้าใจผิดทำให้ทีมสายสืบบ้านนอกต้องมาพัวพันกับคดีฆาตกรต่อเนื่องจนพวกเขาโชว์ฟอร์มจับฆาตกรตัวจริงได้ ทว่ามีเหยื่อหนึ่งรายที่ไม่ใช่เหยื่อของฆาตกรต่อเนื่องแต่เป็นเรื่องซับซ้อนที่พัวพันกับกลุ่มบริษัทใหญ่ที่กุมเศรษฐกิจเกาหลีไว้ในมือโดยประธานชอนซองอู (ชเวโดฮุน) คู่กรณีเก่าในคดีทำร้ายร่างกายในอดีตที่ได้รับการช่วยเหลือจากน้องเขยที่เป็นอดีตอัยการอูแทโฮ (จุงมูนซุง) ที่ภรรยาของเขาคือกรรมการบริษัทชอนนานา (คิมฮโยจิน) แน่นอนว่าเมื่อทีมสืบสวนอินชอนซอบูที่เป็นตำรวจเพี้ยนๆเหมือนหมาบ้ากัดไม่เลือกได้สืบคดีแล้วพวกเขาจะไม่หยุดแม้จะต้องต่อสู้กำคนไม่สะอาดอำนาจอิทธิพลใดก็ตามสานต่อได้ลงตัวขึ้นมีความผ่อนคลายบนความเข้มข้นทำให้ดูดีกว่าเก่าแต่ยังสนุกเหมือนเก่า ในซีซันแรกนั้นการเดินเรื่องใช้ความเข้มข้นนำโดยการใช้คดีหนึ่งไปผูกกับอีกคดีหนึ่งให้ทีมสืบสวนตำรวจพันธุ์แกร่งต้องหัวจะปวด จึงเดินหน้าไปอย่างขึงขังอึดอัดกดดันมีพลังแต่สุดท้ายกลายเป็นไม่เล่นใหญ่และหาทางลงแบบประนีประนอมทำให้กลายเป็นพลังตก ซึ่งในซีซันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นเพียงแต่เลือกที่จะผ่อนคลายขึ้นด้วยการเสนอโทนเบาสมองเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะเวลาคือไม่ทำให้เรื่องเสียอันนี้ต้องชื่นชม กระนั้นแม้จะดูผ่อนคลายแต่ความเข้มข้นในการผูกเรื่องยังถักทอได้ดีทำให้เชื่อมกันได้ติดในทุกเรื่องทุกคดี แล้วคราวนี้ไม่ได้เน้นแค่สองตัวเล่นหลักคือสายสืบคังโดชางและสายสืบโอจีฮยอกแต่ใส่พัฒนาการของทีมสืบสวนอาชญากรรมที่สอง ทำให้สัมผัสได้ว่าเวลาที่ผ่านมาที่คนดูไม่ได้เห็นความสัมพันธ์ภายในทีมและกับผู้บังคับบัญชาเป็นไปในทางที่ดีแม้จะไม่ต้องเล่า ซึ่งก็คือจุดที่ทำให้เรื่องดูผ่อนคลายบนความเข้มข้นจึงยิ่งสร้างความน่าติดตามเพราะไม่ได้บีบอารมณ์จนอยากเบือนหน้าหนีเพราะออกมาดีพอและไม่ตึงเกินไปชั้นเชิงแบบเดิมที่ยังคงใช้ได้ผลแต่ตอนท้ายยังมีแผลใหญ่ให้เห็นชัด เช่นเดียวกับซีซันที่แล้วที่ยังคงใช้ชั้นเชิงเปิดหน้าผู้ร้ายแล้วให้คนดูลุ้นว่าเหล่าตำรวจพันธุ์แกร่งจะเอาอะไรไปจับ ทั้งยังมีการต้อนฝ่ายตำรวจให้จนมุมด้วยวิธีต่างๆนาๆเพื่อให้คนดูได้หงุดหงิดหัวใจเมื่อคนดีถูกทำร้ายโดยไม่มีทางตอบโต้ แต่น่าเสียดายที่เมื่อต้อนได้แล้วแต่ไม่ต้อนไปให้จนมุมหรือไม่ไปจนสุดยังมองเห็นอะไรที่ง่ายเกินไปประปรายตลอดทางด้วยเหตุที่พยายามลดความตึงลงอย่างที่ว่ามา ซึ่งในภาพรวมปฏิเสธไม่ได้ว่าก็ยังเข้มจัดเพราะไม่รู้ว่าทางออกจะมีมาตรงไหนแต่กับเรื่องเล็กชิ้นส่วนเล็กๆกลับหยิบจับง่ายเกินไปทำให้ไม่ค่อยเนียนตา แต่ถ้ามองว่านี่คือเรื่องเดียวกับซีซันที่แล้วแต่เปลี่ยนคดีและคู่ต่อกรก็เข้าใจได้เพราะซีซันที่แล้วก็ใช่ว่าจะเป็นงานที่เนี้ยบไปทุกทางยังมีแผลให้เห็นประมาณนี้เหมือนกัน แต่ที่เป็นแผลใหญ่แบบไม่น่าให้อภัยคือความย้อนแย้งในคำให้การที่เป็นตัวพลิกเกมในตอนสุดท้ายที่กลายเป็นขัดกันอย่างแรงจนไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดได้ขนาดนั้น ซึ่งจะเป็นอะไรก็จับตามองให้ดีเพราเฉลยไม่ได้จริงๆไม่เช่นนั้นจะเสียอรรถรสท้าทายความคิดและหัวใจคนดูหลายตลบด้วยการแย่งพื้นที่ในใจคนดู นอกจากตัวละครฝ่ายดีที่ถูกต้อนคือฝั่งตำรวจที่ทำหน้าที่แบบไม่เกรงใจใครแล้วสิ่งที่ทำให้เรื่องราวออกมาพลิกผันได้ในการเร้าอารมณ์คือฝ่ายร้ายที่คนดูรู้ว่าร้ายแต่ไม่รู้ว่าร้ายยังไง นั่นคือการออกแบบตัวละครที่เป็นความต่างระหว่างตัวร้ายที่โฉ่งฉ่างและร้ายลึกเพื่อแย่งพื้นที่ความเกลียดชังในใจคนดู แน่นอนว่าเรื่องดราม่าก็ต้องมีนอกจากชิ้นส่วนใหม่ที่มาในซีซันนี้ยังมีชิ้นส่วนเก่าจากซีซันที่แล้วที่มากำหนดอารมณ์คนดูอย่างได้ผล ส่วนผู้เล่นตัวใหญ่ๆนั้นบทละครฉลาดพอที่จะพาหัวใจคนดูเหวี่ยงไปตามความรู้สึกที่เห็นคือปักใจเชื่อเพื่อที่จะสงสัยและสุดท้ายไม่เชื่อก่อนที่จะสงสัยว่าสิ่งที่เชื่อนั้นเป็นไปตามที่คิดหรือไม่เพราะมีบางอารมณ์ก็เอาใจช่วยใครบางคนทั้งที่รู้ว่าร้ายก็ตาม ส่วนตัวละครที่เป็นชิ้นส่วนในคดีนั้นน่าเสียดายที่เก็บรายละเอียดได้ไม่เนี้ยบพอทั้งที่จะเก็บก็ได้ทำให้มีการปล่อยตัวละครทิ้งกลางทางหลายคนทั้งที่บางคนมีบทบาทสำคัญหรือการปล่อยเงื่อนบางอย่างแล้วไม่กลับมาปิด แต่ถ้าเอามาตรฐานซีซันที่แล้วเป็นตัวตั้งก็ยังได้ตามมาตรฐานเพราะไม่ต่างกันเลยเมื่อเป็นการขึ้นจอครั้งที่สองจึงไม่ต้องปูมากความเพราะคนดูเชื่อในตัวละครแล้ว ด้วยความที่เล่ามาแล้วในซีซันที่แล้วในส่วนของตัวเล่นหลักสองคนทำให้การกลับมาครั้งนี้ของซนฮยอนจูกับจางซองโจไม่มีอะไรน่ากังขาเพราะคนดูก็รู้แล้วว่าไผเป็นไผ ที่เพิ่มขึ้นคือมิติของสายสืบร่วมทีมที่เห็นมีพัฒนาการเพราะบทให้ความสำคัญกับตัวละครรองลงมามากขึ้นทำให้เห็นมิติที่พัฒนาขึ้นแล้วด้วยความที่เรื่องนี้จุดขายไม่ใช่นักแสดงเบอร์ใหญ่ ความลื่นไหลความเข้าขากันระหว่างทีมสืบสวนจึงเป็นจุดเด่นและเป็นส่วนที่รับอารมณ์มาส่งให้คนดู ส่วนตัวร้ายนั้นด้วยความที่ใช้ชั้นเชิงเปิดหน้าแล้วหาวิธีจับก็เลยไม่ได้เห็นมุมของการซ่อนเร้นกลายเป็นเอาใครมาเล่นก็ไม่ต่างกัน แต่ด้วยความที่มาตรฐานการแสดงของนักแสดงเกาหลีมีระดับที่ดีพออยู่แล้วแม้จะเป็นบทที่มิติไม่ลึกมากหรือมีแต่เดาทางง่ายอย่างตัวร้ายสองพี่น้องก็ยังถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าพอใจ มิพักยังต้องเอ่ยถึงบทตำรวจกังฉินที่ดูแล้วอยากให้โดนอะไรที่สาสมกว่าที่เห็น แต่ก็ตามนั้นเมื่อชื่อเรื่องบอกเล่าเรื่องของสายสืบที่ดีก็ต้องลงในทางที่ดีให้เห็นโลกในทางที่ดีแค่น่าเสียดายบ้างเท่านั้นอาจไม่ใช่งานที่สมบูรณ์แบบหรือยอดเยี่ยมจนทะลุเพดานแต่ก็คืองานที่ดุสนุกมีพลิกผันทั้งที่ยังอยู่ตามแนวทาง ที่ต้องชื่นชมคือบทละครในส่วนของชั้นเชิงและการหลอกล่อที่ทำได้เนียนและสั่งอารมณ์คนดูได้ เพราะคนดูรู้แล้วว่าใครดีใครร้ายแล้วด้วยความเป็นเรื่องของตำรวจดีที่ต้องเผชิญกับอะไรมากมายมันกำหนดเรื่องของหัวใจไปตั้งแต่ต้นแล้ว ยิ่งการมาครั้งนี้คือการสานต่อเรื่องราวที่คนดูรู้จักตัวละครมาแล้วจึงไม่ยากที่จะสร้างความเร้าใจให้คนดูแม้จะเป็นเพียงงานที่ดูเอามันส์ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งก็คือมีความเข้มข้นในตัวทั้งที่ยังหนีไม่พ้นงานซีรีส์แนวสืบสวนที่หาดูได้ไม่ยากจากทางเกาหลีที่แทบจะมีเบ้าหลอมเดียวกัน แต่ด้วยรายละเอียดและการพยายามผ่อนคลายบ้างแต่ก็ยังไม่ปล่อยวางเรื่องความเข้มข้นใส่อะไรที่ควรมีในงานแนวนี้มาครบทั้งความพลิกผันหักกันไปมาที่อาจไม่ถึงกับหักมุมหรือเดาไม่ออกแต่ระหว่างทางคนดูก็อยากรู้ว่าทีมตำรวจพันธุ์แกร่งจะจับตัวคนร้ายที่จัดการยากเบอร์นี้ได้ยังไง แม้จะดูโลกสวยไปบ้างบทก็มีริ้วรอยตลอดทางแต่ถ้าว่ากันที่การจัดการอารมณ์คนดูเรื่องนี้คือเรื่องที่ดูได้ยาวๆแบบหยุดยากมากเช่นกันดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Facebook JTBC Drama อ่านบทความ The Good Detective ซีซันแรกโดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่รีวิวจัดเต็ม The Good Detective : ตำรวจพันธุ์แกร่ง (2020) ซีรีส์ตำรวจสืบสวนเข้มๆเดินหน้าขึงขัง แต่ลงท้ายประณีประนอม ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้รีวิวจัดเต็ม My Secret,Terrius : สายลับข้างบ้าน (2018) จับสายลับมาดขรึมมาขายขำ ทีเล่นมากกว่าทีจริง "สนุกจนลืมไม่ลง"รีวิวจัดเต็ม Signal : สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา (2016) "คลาสสิค" สนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ไม่มีเบรค ไม่มีผ่อนเครื่องรีวิวจัดเต็ม Live สุขเคล้าเศร้า ชีวิตในเครื่องแบบ (2018) "งานเชิดชูที่ดราม่ามาหนัก อาจดูเหมือนเร่งและบีบแต่ก็ดูเพลิน"ในความทรงจำ The Fiery Priest บาทหลวงเลือดระอุ (2019) ทั้งปั่น ทั้งป่วน ทั้งมันส์ ทั้งฮา กับบาทหลวงพันธุ์หายากที่ดูแล้วจะจำติดตาติดใจ จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !