รีวิว แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า (FLAT girls) ผลงานล่าสุดจาก GDH เรื่องราวของคนธรรมดาที่นำเสนอออกมาได้แสนพิเศษ บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องย่อ แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า (FLAT girls) ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปดูชีวิตของเด็กสาววัยรุ่น 2 คนในแฟลตตำรวจสุดคับแคบ โดยจะติดตามเรื่องราวของ แอน (เอินเอิน ฟาติมา) เด็กสาวแสนธรรมดาที่พ่อของเธอเสียชีวิตในหน้าที่ ทำให้เธอที่เป็นพี่สาวคนโตต้องช่วยแม่ทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงน้องอีก 3 คน และ เจน (แฟร์รี กิรณา) เด็กสาวจากครอบครัวนายตำรวจยศสูง และยังมีแม่เป็นเจ้าแม่เงินกู้ประจำแฟลตที่ทุกคนเกรงใจ แม้ว่าพื้นฐานครอบครัวของทั้งคู่จะแตกต่างกันอย่างสุดขั้วแต่พวกเธอก็ยังสนิทสนมกันอย่างมากเพราะเติบโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งมีจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อครอบครัวของแอนกำลังจะถูกไล่ออกจากแฟลตเพราะพ่อของเธอเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้เวลาที่ทั้งคู่จะได้อยู่ร่วมกันเหลือน้อยลงไปทุกที ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ทุกคนคงต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า (2025) ตัวอย่าง แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า (FLAT girls) รีวิว แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า (FLAT girls) หนังเรื่องนี้ถือเป็นผลงานเปิดต้นปีที่ดีของ GDH หลังจากที่ปีก่อนกวาดความดสำเร็จไปกับ หลานม่า (2024) และ วิมานหนาม (2024) ต้องมารอลุ้นกันว่าสาวๆ จากแฟลตตำรวจจะสามารถครองใจคนไทยและกวาดความสำเร็จตามรุ่นพี่ไปได้หรือไม่ ส่วนตัวผมว่าก็พอมีลุ้นนะ ต้องรอดูกันว่ากระแสปากต่อปากจะดีไหม แต่จากที่ดูกระแสตอนนี้ก็ค่อนข้างเงียบๆ ซึ่งหากว่าสุดท้ายแล้วไม่ประสบความสำเร็จจริงๆ ก็คงจะน่าเสียดาย เพราะนี่ถือว่าเป็นหนังดราม่าคัมมิ่งออฟเอจที่ดีเรื่องหนึ่งเลย อีกทั้งยังเป็นการก้าวข้ามจากคอมฟอร์ตโซนของ GDH ด้วย จากปกติที่แต่ก่อนค่ายนี้จะเน้นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ที่ดูง่ายๆ ตอนนี้เริ่มมีการเปิดโอกาสให้ผู้กำกับได้ทำแนวอื่นๆ มากขึ้นแล้ว โดยเรื่องนี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะตัวหนังนำเสนอออกมาเป็นหนังดราม่าที่ค่อนข้างจริงจัง ไม่มีการติดกลิ่นคอมเมดี้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งส่วนตัวผมก็ชอบในหลายๆ ด้าน แต่ก็มีเรื่องการบิ้วเนี่ยแหละที่ผมติดนิดนึง เขายังบิ้วอารมณ์ให้ผมรู้สึกอินตามได้ไม่มากพอ ซีนปิดเรื่องที่ควรจะส่งผลต่อความรู้สึกมันกลับรู้สึกเฉยๆ อันนี้คงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนจริงๆ ตัวหนังดำเนินเรื่องด้วยการเล่าเรื่องไปแบบเรื่อยๆ เรียบๆ แต่ไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อเลย ดูเพลินสุดๆ พร้อมกับมีการตัดสลับให้เราได้เห็นบรรยากาศของแฟลตเก่าๆ ที่ชวนให้หม่นหมองอยู่ตลอดทั้งเรื่อง สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่ผมชอบมากๆ ซึ่งซีนที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นฉากฟุตเทจที่ตัดไปให้เห็นเครื่องปั้มน้ำของทุกห้องในแฟลตที่อยู่รวมกันและมีสภาพเก่าๆ ซีนนี้นี่ติดตาผมที่สุดแล้ว ฉากที่ถ่ายให้เห็นใต้สะพานตอนเรือแล่นผ่านก็สวยและติดตาเหมือนกัน แต่นอกจากที่กล่าวมานี้ก็ยังมีอีกหลายซีนมากที่เขาถ่ายออกมาได้ดี เรื่องงานภาพนี่เขาทำออกมาได้ดีไร้ที่ติเลยจริงๆ ใครชอบดูหนังที่ถ่ายสวยๆ หรือชอบงานภาพของเรื่อง Red Life (2023) นี่ไม่ควรพลาดเรื่องนี้จริงๆ แม้ว่าตัวหนังจะปกคลุมไปด้วยสภาพของแฟลตตำรวจอันเสื่อมโทรมที่ชวนหม่นหมอง แต่กลับกลายเป็นว่าบรรยากาศของหนังที่ออกมามันก็ไม่ได้หม่นขนาดนั้น ซึ่งก็คงเป็นเพราะมีตัวละครหลัก 2 ตัวที่เป็นวัยรุ่นมาช่วยดึงบรรยากาศหนังให้ออกมาสดใสมากขึ้น เจน เด็กสาวบ้านมีฐานะที่ไม่ต้องเครียดกับเรื่องอนาคตก็เปรียบเสมือนความสดใสที่ช่วยดึงให้โทนหนังออกมาดูสบายๆ ไม่เครียด ส่วนตัวละครของ แอน ที่แม้ชีวิตของจะลำบากและมีแต่ปัญหา แต่เธอก็เปรียบเสมือนตัวแทนของความหวังด้วยความฝันของเธอที่จะหลีกหนีออกไปจากสถานที่อันหม่นหมองแห่งนี้ และด้วยความเป็นวัยรุ่นของแอนมันก็เลยทำให้เรารู้สึกเชื่อไปได้อีกทั้งยังเอาใจช่วยเธอให้ได้มีชีวิตให้ดีกว่านี้ได้ ความฝันของแอนนี่แหละที่มอบความหวังให้คนดูและทำให้เรามองหนังเรื่องนี้ออกมาแบบไม่ได้หม่นมากนัก อีกสิ่งที่ชอบของหนังเรื่องนี้ก็คงเป็นเรื่องของบทที่เขียนมาค่อนข้างละเอียดและดีไซน์ตัวละครออกมาได้ดี ตัวละครทุกตัวในเรื่องดูเป็นคนธรรมดาที่เราสามารถเจอได้ทั่วไปจริงๆ ทุกการกระทำของตัวละครในเรื่องมันมีที่มาที่ไปมีเหตุผลรองรับหมด แอนที่เป็นพี่คนโตจึงโดนแม่คาดหวังให้เป็นเสาหลักของบ้านทั้งที่ยังเป็นแค่วัยรุ่น แม่ก็เอาแต่ไปเล่นไพ่และยืมเงินคนไปทั่ว เจน ที่ไม่มีปัญหาอะไรมากมายในชีวิต สิ่งที่เธอสนใจจึงจะเป็นเรื่องของตัวเอง เราจะเห็นเธอสับสนว่าสรุปตัวเองชอบผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ เธอยังเป็นเด็กที่ยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงอะไร อยากอยู่แฟลตนี้กับแอนต่อไป และจุดนี้แหละที่ทำให้ตัวละครของเจนและแอนยิ่งออกห่างกันไปเรื่อยๆ เพราะแอนฝันอยากจะออกจากแฟลตอยู่ตลอด ความต่างตรงนี้มันคงทำให้แอนรู้สึกว่าเจนคงไม่มีวันเข้าใจเธอ ถึงผมจะชมว่าบทเขียนมาดีแค่ไหน แต่ส่วนที่ทำให้ผมไปได้ไม่สุดทางก็เป็นเรื่องของบทด้วยเหมือนกัน ตั้งแต่ปมเรื่องของอาตองและแอนที่ตอนแรกผมเชื่อเลยว่าอาตองน่าจะแค่เป็นคนดีและสงสารแอนเลยอยากช่วยเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนหลังเขาดันมาเชิงชู้สาวและอยากจะแต่งงานกับแอนจริงๆ ซึ่งแอบผิดหวังนิดๆ เพราะมันคือการพรากผู้เยาว์เลยนะ ตัวเองเป็นตำรวจแท้ๆ แต่ก็พอเข้าใจได้แหละมั้งเพราะหนังได้เฉลยให้เราเห็นก่อนแล้วว่าอาตองก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ทั้งเรื่องที่บอกว่าไม่ได้สูบบุหรี่ แต่จริงๆ ก็แอบสูบบุหรี่ไฟฟ้า แถมยังบอกว่าแอนด้วยว่าเคยเป็นเด็กเกเร และอีกอย่างที่ผมติดก็คือตอนจบที่บิ้วผมไปได้ไม่สุด บวกกับจบแบบปลายเปิดที่ให้เรากลับไปคิดกันเองว่าสรุปแอนหายไปไหน ซึ่งอันนี้ก็คงเป็นความตั้งใจของผู้กำกับแหละที่จะให้คนดูได้เก็บไปคิดกันต่อ มันทำให้หนังเรื่องนี้ติดอยู่ในหัวทุกคนไปอีกหลายวัน ส่วนสุดท้ายที่อยากพูดถึงคงเป็นเรื่องการแสดง ส่วนนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีน้องเอินและน้องแฟร์รีแสดงได้ดีและเป็นธรรมชาติพอสมควร แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่สุดอยู่ดีซึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาบิ้วไม่ถึงแหละมั้ง ทว่าคนที่ดูโดดเด่นจนสะดุดตาที่สุดกลับกลายเป็นพี่บอยที่รับบทเป็นอาตอย เรื่องนี้นี่พี่แกแสดงได้ดีและเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่ผมเคยดูแกแสดงมาเลยถือว่าเกินคาดมากๆ สรุปโดยรวมเลยก็คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังคัมมิ่งออฟเอจอีกเรื่องที่ทุกคนควรไปลองดูกันซักครั้ง ตัวหนังอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนแต่ตัวหนังก็มีดีให้เราคุ้มค่าแก่การสละเวลาไปดู และผมเชื่อว่าต้องมีหลายคนที่ชอบมันมากแน่ๆ เพราะเขาทำออกมาได้อย่างละเมียดละไมจริงๆ รับรองเลยว่าดูจบแล้วไม่รู้สึกเสียดายเงินแน่นอน อย่างน้อยน้องเอินเอินก็น่ารักทะลุจอ งานภาพก็งามทุกเฟรม แค่นั้นก็คุ้มแล้วครับ ท้ายสุดนี้ต้องขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ ฝากกดแชร์ และกดติดตามเพื่อจะได้เห็นบทความใหม่ๆ ของผมในอนาคตด้วยนะครับ ช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนัง กลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก บทความอื่นๆของ ละเลงหนัง : รีวิว Bogota: City of the Lost (โบโกตา: เมืองคนหลง) หนังแอ็กชันอาชญากรรมเรื่องใหม่ของ "ซงจุงกิ" ที่พอดูแก้เบื่อได้สนุกเพลินๆ รีวิว The Hooligan (ฮูลิแกน) ซีรีส์แฟนบอลหวดกันจากโปแลนด์ เดินเรื่องช้า ดราม่าเข้มข้น แต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำ รีวิว Companion (คอมแพเนียน) หนังไซไฟระทึกขวัญรสชาติจัดจ้าน ผลงานน้ิำดีตั้งแต่ต้นปีที่ทุกคนไม่ควรพลาด รีวิว The Trauma Codes: Heroes on Call (ชั่วโมงโกงความตาย) ซีรีส์ตีแผ่ชีวิตหมอห้องฉุกเฉินที่ดูโคตรเพลินแถมยังได้ความรู้ [มีพากย์ไทย] รีวิว The Wild Robot หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง หนังแอนิเมชั่นเข้าชิงออสการ์ ดูได้ที่ True ID รีวิว The Substance สวยสลับร่าง ความสวยงามที่ไขว่คว้า อาจมีราคาที่ต้องจ่าย แหล่งที่มาจาก GDH, Major Group ภาพปก: 1 ภาพประกอบ: 1 / 2 / 3 / 4 วิดีโอ: ตัวอย่างภาพยนตร์ ‘แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า’ | FLAT girls จาก Youtube: GDH เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !