รีเซต

จากผู้ชมก้าวมาเป็นวายร้ายใน "Furiosa" เส้นทางสู่แดนคลั่งของ คริส เฮมสเวิร์ธ

จากผู้ชมก้าวมาเป็นวายร้ายใน "Furiosa" เส้นทางสู่แดนคลั่งของ คริส เฮมสเวิร์ธ
Major Cineplex
23 พฤษภาคม 2567 ( 07:00 )
56

จุดเริ่มต้น

คริส เฮมส์เวิร์ธ: ผมจำตอนที่กำลังถ่ายหนังในลอนดอนได้ ผมเข้าโรงหนังไปดูเรื่อง “Fury Road” และผมโทรหาเอเจนท์หลังจากนั้นทันทีวว่า “ผมไปดูหนังที่สนุกที่สุดในรอบหลายปีมาด้วย” และนั่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมเป็นนักแสดงที่ผมลืมเรื่องขั้นตอนการทำงานไป รวมถึงสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนั้นดูสมจริงได้ ความจริงือเมื่อเราเริ่มทำงานในวงการภาพยนตร์ คุณจะรู้ทุกเทคนิคและความลับอีกหลายอย่าง ตอนที่ดูเรื่อง “Fury Road” ผมถูกหนังดูดเข้าไปเลย เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมลืมตั้งคำถามเลยว่า พวกเขาถ่ายฉากนั้นอย่างไร ถ่ายฉากนี้กันอย่างไร นักแสดงกำลังคิดอะไรอยู่ และอีกมากมาย? ผมอินกับหนังในฐานะของผู้ชมคนหนึ่งได้เลยครับ ผมเลยโทรหาเอเจนท์และบอกว่า “ผมต้องร่วมงานกับผู้ชายคนนี้ให้ได้” นั่นคือเมื่อ 2 ปีก่อนจะมารับบทนี้ แต่ตอนนั้นเหมือนผมส่งสาส์นถึงพระเจ้า... และก็ได้มาอยู่ตรงนี้

ประสบการณ์ที่ต่างออกไป

คริส เฮมส์เวิร์ธ: ในเรื่อง “Fury Road” เป็นฉากการไล่ล่าครั้งใหญ่ที่มีตัวละคร เนื้อเรื่อง และความรู้สึกในเรื่องราว แต่เป็นฉากของการหลบหนี ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวกว่า 15 ปีหรือนานกว่านั้น มีการพูดคุยและสไตล์ของเช็คสเปียร์ในผลงานของจอร์จ [มิลเลอร์] และการเขียนบทของนิโค [ลาธอริส] ผมคิดว่าน่าจะเป็นผลงานที่บทพูดในเรื่องมากกว่าหนัง Mad Max เรื่องอื่นที่ผมเคยดู ผมได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และเห็นภาพที่ทำให้รู้สึกแตกต่างจากเรื่องนั้น ปกติจอร์จจะบอกเราว่าตัวละครเหล่านี้เป็นใครผ่านลุค คำพูดหรือประโยคอะไรสักอย่าง ในเรื่องนั้นมีความเข้าใจผ่านภาษาและการพูดคุยเยอะมากจนผมตื่นเต้น ผมถามจอร์จและเขาบอกว่า “ฟังนะ คุณจะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ไม่ว่าอดีตจะเคยดีแค่ไหนก็ตาม ผู้ชมต้องการความแปลกใหม่ อยากได้อะไรที่ต่างจากเดิม” นั่นคือที่มาทั้งหมด กลายเป็นความแปลกใหม่ของโลก  Mad Max ไปเลย

ดีเมนทุสคือ...

คริส เฮมส์เวิร์ธ: ดีเมนทุสเป็นคนที่เข้าใจยาก เขาคือผลผลิตจากโลกใบนี้ มีความโหดร้ายและเกรี้ยวกราดในแบบดินแดนอันว่างเปล่า เขาเกิดการปรับตัวผ่านประสบการณ์ของเขา และผมคิดว่าประสบกาณณ์นั้นคงมีทั้งความเศร้า ความกลัว และการสูญเสีย นี่คือที่ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่ละวันต้องเอาชีวิตรอดผ่านไปให้ได้ คุณจะไม่คิดถึงอีก 6 เดือนข้างหน้า... แต่จะคิดว่าทำอย่างไรถึงผ่านวันนี้และคืนนี้ไปให้ได้ เพราะทุกสิ่งและทุกคนอยู่รอบตัวเราสามารถฆ่าเราได้ เขาจึงมีความโหดเหี้ยมในแบบของเขา ผมเชื่อว่าเหมือนเผด็จการหลายคนที่ภายนอกแสดงออกถึงความโหดเหี้ยม แต่ยังคงมีความกลัวและบริหารการดูแลตามลำดับขั้น เขาควบคุมผ่านคนที่เขาเป็นผู้นำ แต่ยังคงมีการต่อสู้รอบตัวเกิดขึ้น เขาคือโชว์แมนและคิดว่าตัวเองคือตัวแทนความฉลาดแห่งดินแดนอันว่างเปล่า ในแกงค์ของเขาจะมีความจงรักภักดีและเขากำหนดกฎเกณฑ์ผ่านหมัด แต่ผมหวังว่าทุกคนจะสัมผัสสิ่งที่อยู่ในตัวเขาได้ ผมไม่อยากให้ตัดสินจากการกระทำ แต่อยากให้ทำความเข้าใจทำไมเขาจึงเป็นแบบนั้นและดูโหดเหี้ยม ผมคิดว่าในใจเขาคิดถึงแต่ความอยู่รอด เขาดีกับฟูริโอซ่าและคอยทำให้เธอแกร่งเขาพูดว่าทำเพื่อเธอ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะดูโหดร้ายและเศร้า แต่เธอจะรอดพ้นจากทุกสิ่งที่ต้องเผชิญแน่นอน

หลังจากนั้นมิตรภาพระหว่างพวกเขาก็ซับซ้อนมากขึ้น เขาเริ่มมาถึงจุดที่มองเห็นความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาในตัวเธอ ซึ่งเป็นตัวแทนสิ่งที่เขาสูญเสียไป มีบางอย่างที่เขาคิดเกี่ยวกับเธอ เพราะเธอมาจากดินแดนเขียวชอุ่มและคิดว่าลึกๆ แล้วเขามีมนุษยธรรมอยู่บ้าง บางทีเขาอจคิดว่าเธอปลุกช่วงเวลาอื่นในชีวิตเขาขึ้นมา ชีวิตวัยเด็ก ชีวิตหลายปีที่ยังอายุน้อย ก่อนที่เขาจะเผชิญความโหดร้าย เขาเกิดความสนใจมากว่าเธอเป็นใครถึงมีเสน่ห์ชวนหลงใหล จนสุดท้ายกลายเป็นมิตรภาพที่เขาห่วงใยเธอเหมือนพ่อ ผมบอกไม่ได้ว่าฟูริโอซ่ารู้สึกอย่างไรกับเขา แต่คิดว่าเขาทำหน้าที่เหมือนพ่อในการดูแลเธอ เตรียมความพร้อมเธอสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ความคดของเขาคือการทำสิ่งที่ถูกต้อง การรับบทร้ายเพียงแค่เพื่อทำให้คนอื่นมองว่าเขาร้ายกาจ ในตัวเขามีความสนุกสนานในตัว จอร์จกับผมคุยกันหลายเดือนก่อนจะเริ่มถ่ายทำ เขาเคยเป็นคนแบบไหน ลึกๆ แล้วเขาเป็นอย่างไรในดินแดนอันเงียบสงบ สุดท้ายทุกความโหดร้ายหรือความร้ายกาจที่เขาทำจะนำมาสู่สิ่งที่คู่ควร

การค้นหาน้ำเสียง

คริส เฮมส์เวิร์ธ: หลายอย่างพุ่งมาหาเราในแต่ละช่วงพร้อมตัวละคร ผมเห็นอะไรหลายอย่างกระโดดออกมาจากหน้ากระดาษ เราต้องใช้เวลาเพื่อเริ่มการพัฒนา สิ่งเล็กๆ น้อยๆ พุ่งมาหาเราจนคิดว่า “นี่คงเป็นสิ่งที่น่าสนใจหรือมีความแตกต่างแปลกใหม่และจริงใจสำหรับตัวละคร” ผมมีเวลาอยู่กับบทก่อนการถ่ายทำนานมาก นานกว่าหนังเรื่องอื่นที่ผมเคยแสดงมาเลย เมื่อนานมาแล้วผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาเป็นคนแบบไหน ผมกังวลที่จะสร้างความแปลกใหม่และยังหาน้ำเสียงที่เหมาะสมไม่เจอ ทุกครั้งที่พยายามอ่านบทผมคิดว่า “ก็แค่ทำเสียงเหมือนตัวเอง” เตือนตัวเองถึงธอร์หรือตัวละครอื่น ผมอยากให้เขาดูมีความโกรธอยู่ในตัว มีความเย็นชา ดูก้าวร้าวและน่ากลัว มีวันหนึ่งผมนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะกับลูก ดูนกแย่งมันฝรั่งและสิ่งที่เด็กๆ โยนให้นกกินกัน พวกมันแค่ทำเสียงขู่ใส่กัน นั่นคือสิ่งที่ติดอยู่ในหัวของผม ผมไม่ได้พูดว่าอิงตัวละครทั้งหมดมาจากนกนะครับ แต่นั่นเป็นเพียงแค่วันหนึ่ง 

จากนั้นอีกวันหนึ่งผมฟังเสียงแข่งม้า [ของผู้ประกาศ] “ลงมาที่ลู่วิ่ง กำลังออกไปด้านนอก!...” มันเป็นเสียงของผู้ประกาศที่ดังก้องอยู่ในหูของผม ทำให้เริ่มซึมลึกเข้าถึงตัวละคร และผมจำได้ว่าคุณปู่ของผมมีน้ำเสียงแนวนี้ แต่จากออสเตรเลียเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ผมเลยเริ่มดูนหังออสเตรเลียนสมัยก่อน ฟังการสัมภาษณ์เก่าๆ และขโมยบางมุมมาจากตรงนั้น ช่วง 2 อาทิตย์ก่อนเราเริ่มถ่ายทำ ผมเจอเสียงที่จะใช้และฝึกอย่างหนักเพื่อรักษาเสียงนั้น จนรู้สึกว่ามันมีความหนักแน่นมากพอ ทุกอย่างต้องเกร็งและมีความชัดเจนมาก ผมอยากพัฒนาให้ไกลกว่าเสียงธอร์ร่วมกับเคนเนธ บรานอห์ ที่มีความสงบและเยือกเย็นกว่า ผมอยากใช้เสียงที่เหนือกว่าทุกคนหลายเดซิเบล มันดูทั้งน่ารังเกียจ ก้าวร้าว เหมือนกับนกนั่นเลยครับ

สิ่งที่ทำให้เห็นความแตกต่างของจอร์จ มิลเลอร์

คริส เฮมส์เวิร์ธ: ความอ่อนน้อมและความใจดีในตัวเขาหรือการเดิน ทุกคนมีความหมาย ทุกคนมีความสำคัญ ทุกคนมีปากเสียง ทุกคนมีโอกาสที่จะใส่ความคิดสร้างสรรค์ และเขาเอาใจใส่ผู้คนมาก เขากำลังคุยกับเราอยู่แต่จะสังเกตได้ว่ามีใครเข้ามาในห้องก็จะทัก “โอ้ คุณชื่ออะไร มาจากที่ไหนนะ?” ผมคิดว่าความอยากรู้อยากเห็นนั่นทำให้ถ่ายทอดเรื่องราวได้มีรายละเอียดและความรู้สึก สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ทันสังเกตมีความหมายสำหรับเขา นั่นคือสิ่งที่เขาลงไปสำรวจอย่างลึกซึ้งขึ้น เราคิดว่าเคยเห็นอะไรหลายอย่างมาแล้ว จากนั้นเขาจะทำให้เราเห็นในอีกมุมหนึ่งจนรู้สึก “ว้าว ฉันไม่เคยคิดถึงอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย!” ความเซอร์ไพรส์นั้นเกิดขึ้นจากมุมหนึ่งที่เห็น และได้รู้ว่ายังมีอีกร้อยวิธีในการเล่าเรื่องราวหรือช่วงเวลานี้ แต่ยังคงเปิดรับทุกความเป็นไปได้ แค่ได้เห็นว่าแต่ละคนเป็นอย่างไรในฉากก็ทำให้เราอยากมีส่วนร่วมและพร้อมทุ่มเท 100% แล้วครับ เขามีความแปลกในตัวสูงมาก หลายคนที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำจะคอยข่มขวัญทำให้กลัว แต่เขาเป็นอีกแบบหนึ่งเลยเต็มไปด้วยความใจดี เปิดใจกว้าง และให้ความร่วมมือดีมาก

การรับบทดีเมนทุส

คริส เฮมส์เวิร์ธ: ผมรับบทตัวละครร้ายในผลงานเล็กกว่านี้ ไม่มีบทไหนที่ทรงพลังเท่าดีเมนทุสที่มีความโดดเด่นในหนังเลย มันเต็มไปด้วยความสนุกได้ติดตามเส้นทางของวายร้ายคนหนึ่งตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด เรื่องราวความเป็นมา รายละเอียดในเรื่องนี้ไม่เหมือนกับเรื่องไหนที่ผมเคยแสดงมาก่อน ผมไม่รู้ว่าตัวเองตามหาการรับบทแบบนี้มาโดยตลอด แต่เรามักมองหาบางอย่างที่สร้างความตื่นเต้นได้ ครั้งแรกที่ผมอ่านบทมันจุดประกายบางอย่างแบบที่ผมไม่รู้สึกมานานมากแล้ว... เป็นความรู้สึกตั้งแต่ผมเริ่มอ่านบทจนถึงถ่ายทำเสร็จมันปั่นป่วนอยู่ในหัวของผม ผมมั่นใจว่ามันจะรู้สึกแบบนั้นไปอีกหลายปีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี 

Furiosa: A Mad Max Saga หรือ ฟูริโอซ่า มหากาพย์แมดแม็กซ์ มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 22 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่าย ๆ เพียงแค่คลิก ที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Total Film