รีวิวหนัง "After the Hunt ร่องรอยหลังล่า" วัตถุดิบที่เพรียบพร้อม แต่ท่วงท่านั้น..อาจจะยังนะ

"ลูกา กวาดาญีโน" กลายเป็นนักสร้างหนังที่ฮอลลีวูดปักใจหลงรักและหลงใจจะร่วมงานกับเขาอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ยังเป็นผู้กำกับที่ร้อยเรียงท่วงทำนองในผลงานตัวเองออกมาได้อย่างหลากหลายและน่าสนใจเสมอ ในปีนี้เขามาพร้อมกับชิ้นงานล่าสุดที่ยังดึงดูดดาราตัวท็อปมาร่วมงานกันได้จัดจ้าน อย่าง "After the Hunt ร่องรอยหลังล่า" เปิดประเด็นอื้อฉาวในรั้วมหาวิทยาลัยที่ผสมผสานแนวคิดเชิงจิตวิทยาซับซ้อน ที่ไม่ใช่ว่า..นักสร้างคนไหนจะรังสรรค์ออกมาได้ถึงกึ๋น

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นที่..เยล ศาสตราจารย์หญิงผู้น่าเคารพ อัลมา อิมฮอฟฟ์ ได้ค้นพบว่าตัวเองกำลังติดอยู่ที่ทางแยกระหว่างความเป็นมืออาชีพกับประเด็นเรื่องชีวิตส่วนตัว หลังจากที่ แม็กกี้ นักศึกษาสาวปริญญาเอกที่เป็นดาวเด่นในคลาสของเธอ ได้กล่าหาว่า แฮงก์ อาจารย์ที่เป็นเพื่อนร่วมงานคนสนิทของเธอได้กระทำการบางอย่างที่ไม่เหมาะสม นั่นทำให้เธอได้ถลำลึกกลับไปสู่ความลับดำมืดจากอดีตของตัวเองที่กลับมาคุกคามชีวิตในปัจจุบันอีกครั้ง

After the Hunt เป็นหนังที่ถูกวางตัวให้เป็นผลงานระดับล่ารางวัลในปีนี้ แต่ผลลัพธ์ของหนังที่ออกมาในเบื้องต้นนั้น ก็เหมือนกับกลบดินฝังตัวเองไปแล้วเรียบร้อย เพราะหนังทุนสร้างระดับ 80 ล้านเหรียญเรื่องนี้ ไม่สามารถดึงดูดใจผู้ชมและทำเงินทั่วโลกไปตอนนี้ไม่ถึงหลักสิบล้านด้วยซ้ำ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หนังเลือกจะไม่ทำการตลาดปล่อยฉายไปทั่วโลก แต่เลือกที่จะส่งมาลงจอสตรีมมิงออนไลน์ เพียงแค่เดือนเศษ ๆ หลังจากเดบิวต์เข้าฉายในโรงหนัง

แต่เมื่อเราได้ลองสัมผัสและเสพย์เนื้องานใน After the Hunt ก็พบว่านี่อาจจะไม่ใช่หนังที่เอาใจตลาดหนังเชิงพาณิชย์สักเท่าไหร่ เป็นลีลาท่วงท่าการทำหนังในสไตล์ที่ค่อนข้างเฉพาะตัวมาก ๆ จากฝีมือของลูกา กวาดาญีโน เพราะทิศทางและสไตล์จากเล่าเรื่องค่อนข้างจำเพาะและเต็มไปด้วยสเต็ปที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากหนังเล่นพรั่งพรูด้วยไดอะล็อกบทสนทนาเชิงปรัชญาและวิชาการที่ดูจะไม่ค่อยเข้ากับการสวมบทบาทของนักแสดงสักเท่าไหร่นัก

After the Hunt ได้นักแสดงสาว "นอร่า การเร็ตต์" มารับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้เป็นเครดิตการทำงานเป็นมือเขียนบทเรื่องแรกของเธอ แน่นอนว่าบทหนังค่อนข้างลึกซึ้งและคมคาย เต็มไปด้วยอินเนอร์ที่แท้จริงที่สะท้อนออกมาจากจิตใจสำนึกและห้วงอารมณ์ของมนุษย์ แต่น่าเสียดายที่บทหนังเกือบจะแข็งแรง ต้องมาท้าทายอีกขั้นด้วยสไตล์การเล่าเรื่องในแบบงานสร้างของลูกา กวาดาญีโน ที่ใส่เอกลักษณ์และลายเซ็นของเขาแบบมาจัดจ้าน กลายเป็นจุดที่แทนที่จะเป็นช่วยเร้าอารมณ์ไปกับเนื้อหาของหนัง แต่กลายเป็นสิ่งบ่อนทำลายลงไปมากกว่า

หนังยังมาพร้อมกับการดีไซน์มุมกล้องมุมภาพที่โดดเด่นเฉพาะตัวมาก พ่วงด้วยจังหวะการตัดต่อแบบแทรกซึมเร้าใจไปกับเนื้อหาของหนังที่บางทีก็อาจจะเกินจำเป็นไปนิด โดยที่งานถ่ายภาพของ "มาลิก ฮาสซาน ซายีด" ยังถ่ายทอดออกมาได้ดีตามมาตรฐาน มีลูกเล่นที่ธรรมดาแต่ทำออกมาได้ไม่ธรรมดา ผ่านการจัดเซ็ตแสงสีของตัวหนังที่บางครั้งก็เล่นกับแสงกับเงาได้ดี ฝีมือการตัดต่อของ "มาร์โก คอสตา" ก็อาจจะประหลาดไปนิด แต่ไม่ได้ชวนทำให้ตัวหนังสับสนใด ๆ

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ในผลงานของลูกา ก็น่าจะเป็นงานประพันธ์เพลงประกอบที่มักจะเป็นจุดที่โดดเด่นตลอด ใน After the Hunt ได้ "เทรนต์ เรซนอร์" กับ "แอตติคัส รอส" มาช่วยกันรังสรรค์ซาวด์เพลงบรรเลงที่เต็มไปด้วยวอลลุ่มที่สูงต่ำเร้าใจ ยังคงความปักเจกในชิ้นงานนี้ได้อย่างมีสีสัน ขณะที่องค์ประกอบงานสร้างในหลาย ๆ มุมมองก็ถือว่ารังสรรค์ออกมาได้ตรงตามมาตรฐานทั่วไปของผลงานในฝีมือผู้สร้างผู้นี้ อาจจะมีความโดดเด่นแต่กลับยังไม่เจิดจรัสได้เท่ากับงานก่อน ๆ ที่ผ่านมา

แต่ดูเหมือนว่าปัญหาหลัก ๆ ของ After the Hunt น่าจะเป็นความพยายามเชื่อมต่อกันระหว่างพล็อตหนังกับการแสดง ถึงแม้ว่าหนังจะได้ทีมนักแสดงระดับตัวท็อปและเป็นซุปตาร์มืออาชีพระดับรางวัลคุณภาพทั้งนั้น แต่กลับเป็นว่าการแสดงของพวกเขา ยังไม่ทำให้คนดูรู้สึกเชื่อได้อย่างแน่วแน่ในบทบาทที่กำลังจะถ่ายทอดออกมา แอคติ้งของพวกเขาถือว่าดีน่าพอใจ แต่กลับยังไม่ลงร่องลงรอยกับทุก ๆ เส้นทางที่เล่าร้อยเรียงไปตลอด 2 ชั่วโมง

ถึงแม้ว่าจะได้ "จูเลีย โรเบิร์ตส์", "อาโย เอดีบิริ" หรือ "แอนดูรว์ การ์ฟิลด์" มาประชันบทบาทในเรื่องนี้ พวกเขาจะพยายามอย่างทุ่มเทในการดีไซน์การแสดงในหนังเรื่องนี้แค่ไหนก็ตาม แต่คาแรกเตอร์ต่าง ๆ ยังไม่สามารถคอนเนคเข้ากับการแสดงของเขาได้ ก็ไม่อาจจะช่วยพยุงความงดงามในด้านนี้ได้อย่างถึงแก่น โดยเฉพาะการดีไซน์ไดอะล็อกบทพูดที่ฟังยังไงก็ค่อนข้าคลุมเครือ พยายามก่อประเด็นการยั่วยุที่ค่อนข้างไม่มีเหตุและผลที่น่าเชื่อถือได้สักเท่าไหร่

ดังนั้นในภาพรวมแล้ว After the Hunt เป็นหนังดรามารวมดาราชั้นแนวหน้าที่มอบผลลัพธ์ออกมาได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังใด ๆ เลยก็ตาม หนังมีดีแค่ชื่อทีมนักแสดงนำล้วน ๆ แต่กลับกลายเป็นท่วงท่าการทำหนังที่ผิดท่าไปสักหน่อยของลูกา กวาดาญีโน ที่เคยสร้างสรรค์หนังออกมาได้น่าสนใจอยู่เสมอ แต่กลับไม่ใช่หนังเรื่องนี้ บทหนังที่หยิบเอาประเด็น Me Too เข้ามาขยี้ แต่กลับใช้วิธีการนำเสนอที่ไร้ความน่าสนใจแทบจะทุกมิติ นี่คงจะเป็นหนังที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบที่ดีพร้อม แต่กรรมวิธีในการรังสรรค์ยังไม่สามารถปรุงออกมาให้อร่อยเหาะได้สักรสชาติเดียว

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง After the Hunt ร่องรอยหลังล่า

• ประเภท: ดรามา / จิตวิทยา / อาชญากรรม
• ผู้กำกับ: ลูกา กวาดาญีโน
• นำแสดงโดย: จูเลีย โรเบิร์ตส์, อาโย เอดีบิริ, แอนดรูว์ การ์ฟิลด์, ไมเคิล สตูลบาร์ก
• ความยาว: 138 นาที
• กำหนดฉายในไทย: 20 พฤศจิกายน 2025 (ที่ Prime Video)

Movie.TrueID METRIC: After the Hunt ร่องรอยหลังล่า

• ภาพรวม
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.0/10)
• การเล่าเรื่อง
  ⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5.3/10)
• การแสดง
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.5/10)
• เทคนิคงานสร้าง
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.8/10)
• บทภาพยนตร์
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.1/10)

คุณสามารถรับชม Prime Video ได้ง่าย ๆ จากกล่อง TrueID TV ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ครบ!

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa