รีเซต

[รีวิวหนัง] "Madame Web" ทำการบ้านมาน้อยไป อนาคตสดใสเหมือนฉากหลังเครดิตจบ

[รีวิวหนัง] "Madame Web" ทำการบ้านมาน้อยไป อนาคตสดใสเหมือนฉากหลังเครดิตจบ
แบไต๋
15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:30 )
324
สนับสนุนโดย Major Cineplex

เรื่องย่อ: แคสซานดรา สูญเสียคุณแม่ตั้งแต่วันแรกที่เธอลืมตาดูโลกทำให้เธอเป็นเด็กกำพร้า มันกลายเป็นปมเรื่องครอบครัวของเธอมาจนโต แล้ววันหนึ่งเธอที่ทำงานกู้ภัยก็เข้าไปพัวพันกับเด็กวัยรุ่นสาว 3 คนที่ถูกชายแปลกหน้าที่มีพลังเหนือมนุษย์ตามฆ่า พร้อม ๆ กันกับที่พลังเห็นอนาคตของเธอเองก็เริ่มตื่นขึ้น

‘Madame Web’ น่าจะถูกค่ายโซนี่วางตัวไว้ให้เป็น ‘The Marvels’ (2023) หรือหนังรวมเพื่อนหญิงพลังหญิงในจักรวาลสไปเดอร์แมนยูนิเวิร์ส และในฐานะที่มันเป็นสปินออฟที่ขยายฐานจากหนังสไปดี้ภาคหลักของ ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) ต่อจากหนัง ‘Venom’ (2018) และ ‘Morbius’ (2022) โดยจะมีหนังเกี่ยวกับตัวร้ายตามมาอีกหลังจากนี้ ก็ทำให้ ‘Madame Web’ มีสถานะตัวเชื่อมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าเธอถูกนำเสนอในฐานะผู้มีพลังมองเห็นและแก้ไขกำกับดูแลมัลติเวิร์สของสไปเดอร์แมนในหลากหลายสื่อที่มีก่อนนี้ด้วย

จุดที่ดีและทำให้เรื่องราวของหนังดูมีอะไรเชื่อมโยงกับคนดูก็คือ หนังเล่าย้อนไปช่วงปี 2000 ต้น ๆ ที่ตัวละครหลักอย่างแคสซานดรา (รับบทโดย ดาโกตา จอห์นสัน – Dakota Johnson) ยังทำงานกู้ภัย และเปิดโอกาสให้เราได้รู้จักกับ เบน ปาร์กเกอร์ (รับบทโดย อดัม ปาร์กเกอร์ – Adam Scott) หรือคุณลุงของสไปเดอร์แมนในช่วงที่ยังหนุ่มและยังไม่ได้แต่งงานกับป้าเมย์ ในฐานะคู่หูกู้ภัยของคาสแซนดรา ในขณะเดียวกันช่วงหนึ่งหนังก็พาเราไปเจอ แมรี่ น้องสาวของเบน (รับบทโดย เอ็มมา โรเบิร์ตส์ – Emma Roberts) หรือคุณแม่ของปีเตอร์ในช่วงที่เธอตั้งท้องปีเตอร์อยู่ด้วย

เมื่อเราสามารถเชื่อมโยงช่วงเวลาและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครใหม่และตัวละครที่เราคุ้นชิน ทำให้หนังมีแต้มต่อในการดึงผู้ชมเข้าไปติดตามเรื่องราวของคาสแซนดรา ที่เธอเองก็มีภูมิหลังเรื่องของคุณแม่ที่เข้าไปวิจัยหาแมงมุมแอมะซอนในตำนาน จนเกิดปมว่าคุณแม่เลือกงานจนเสียชีวิตขณะคลอดกลางป่า มากกว่าจะอยู่ในเมืองแล้วมีชีวิตดูแลเธอให้เติบโต ซึ่งก็เป็นการวางปมที่อาจเชย แต่ก็มีน้ำหนักให้เราเชื่อในพัฒนาการทางความคิดของตัวละครได้ง่าย

เช่นกันเมื่อเราเข้าใจปมปัญหาหลักของแคสซานดราแล้ว เมื่อหนังให้เราได้รู้จักกับอีก 3 สาว อย่าง จูเลีย (รับบทโดย ซิดนีย์ สวีนีย์ – Sydney Sweeney) สาวเนิร์ดไม่ทันโลก อันย่า (รับบทโดย อิสเบลา เมอร์เซด – Isabela Merced) สาวละตินเงียบห้าว และ แมตตี้ (รับบทโดย เซเลสเต โอคอนเนอร์ – Celeste O’Connor) ลูกเศรษฐีผิวดำสุดแสบ ที่ตอนแรกเหมือนกลุ่มแก๊งสาวแปลกหน้าที่บังเอิญมาร่วมหัวจมท้ายกันทั้งที่นิสัยไม่น่าไปด้วยกันได้ ทว่าเมื่อแคสซานดราเข้ามาช่วยและเป็นพี่เลี้ยงเด็กก็ทำให้ผู้ชมเริ่มเห็นแง่มุมที่ทั้ง 4 ตัวละครต่างมีจุดร่วมเดียวกันในเรื่องปมครอบครัว ก็เป็นการวางเส้นความสัมพันธ์ที่ง่ายและแข็งแรงตามขนบหนังวัยรุ่นเลยทีเดียว

และแม้หนังจะมีเส้นเรื่องที่เข้าใจง่ายไม่แพ้ปมปัญหาความสัมพันธ์ ซึ่งก็ช่วยให้ติดตามได้ไม่ยากและแข็งแรงไม่มีจุดให้สงสัย ตั้งแต่มูลเหตุของปัญหาที่ตัวร้ายต้องตามล่าตัวเอก การเดินทางคลี่คลายปมส่วนตัว และกลับมาสะสางปัญหาใหญ่ เรียกว่าตามสูตรสำเร็จตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งอาจบอกว่าเป็นแนวทางที่คล้ายกับหนังโซนี่ก่อนหน้าทั้ง ‘Venom’ และ ‘Morbius’ ที่เชยสะบัด แต่เรื่องเหล่านั้นก็ชดเชยด้วยงานภาพการนำเสนอฉากแอ็กชันที่ดุดันอลังการ และตัวร้ายที่ดูน่าจดจำ

แต่กับ ‘Madame Web’ นั้นน่าเสียดายที่ส่วนที่ควรชดเชยให้น่าสนใจ กลับทำได้ธรรมดามากเสียจนกลายเป็นข้อเสีย พลังของตัวละครยังดูสับสนและไร้เอกลักษณ์ การนำเสนอพลังเห็นอนาคตไม่น่าตื่นเต้นแถมยังไม่ชัดเจนด้วย จะว่าไปในส่วนนี้มีตัวอย่างหนังที่นำเสนอได้น่าจดจำมากมายไม่ว่าจะหนังแนวติดลูปเวลาให้แก้ไขความความผิดพลาด หรือจะแนวมองเห็นความเป็นไปได้ในอนาคต ที่ใกล้เคียงสุดก็คือการนำเสนอพลังของ ด็อกเตอร์สเตรนจ์ ที่ทำได้น่าจดจำ

ขณะที่มาดามเว็บเป็นเพียงการฉายภาพหรือเสียงในอนาคต แล้วแค่เล่นซ้ำ ไม่มีซีจีพลังหรือการสโลว์โมชัน เทคนิคทางภาพใด ๆ ให้หวือหวาเลย ซ้ำเมื่อคาสแซนดราบรรลุพลังสูงสุดของเธอที่ควรจะน่าตื่นเต้นสุด ๆ ปรากฏว่ามันก็เป็นฉากการต่อสู้ที่ธรรมดามาก ๆ ความอลังการเทียบไม่ได้เลยในหนังร่วมจักรวาลเดียวกันที่บอสไฟต์นั้นตระการตาสุด ๆ แถมหนังยังอับจนหนทางในการใช้พลังถึงขนาดว่าแทนที่จะเป็นการสร้างประโยชน์สำคัญ อย่าง ขัดขวางการโจมตีหรือช่วยชีวิตเพื่อนในจังหวะชี้เป็นชี้ตาย คาสแซนดราโชว์พลังเพื่อแค่ไปลูบหลังปลอบตัวละครหนึ่งที่กำลังหมดแรงแล้วถามว่ายังไหวไหม จนทำเราอุทานในใจว่า เพื่ออะไร? กลายเป็นว่าที่อยากให้ตลกกลับไม่ค่อยตลกเพราะความเชย ขณะที่ฉากที่อยากให้ว้าวกลับรู้สึกตลกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ในขณะตัวร้ายเองก็มีปัญหามาก หนังขาดแรงจูงใจหรือเบื้องหลังความทะเยอทะยานที่ชัดเจน จากฉากแรก ๆ ที่เราเข้าใจว่าเขาต้องการแมงมุมแอมะซอนเพื่อเอาไปขายแสวงหาความร่ำรวยจากบทสนทนาที่ว่าคนอื่นไม่เคยสนใจเวลาครอบครัวเขาอดอยากเขาจะสนใจคนอื่นทำไม ทว่าเมื่อข้ามเวลามาตัวร้ายกลับเลี้ยงแมงมุมไว้เองและไม่ได้แสดงแรงจูงใจที่ชัดเจนหรือน่าหวาดกลัวแต่อย่างใด โอเคว่าปมที่ผูกว่าเขาเห็นนิมิตว่าตัวเองจะถูก 3 แมงมุมสาวฆ่าตายในอนาคตจนเกิดความกลัวจะตัดไฟแต่ต้นลมก่อน ก็เป็นมูลเหตุที่แข็งแรง ทว่ามันขาดฐานทางความคิดที่เราจะเข้าใจและรู้สึกหวาดกลัวตัวร้ายนี้จริง ๆ ไป

ยิ่งการนำเสนอตัวร้ายด้วยชุดคล้ายสไปเดอร์แมนสีดำ มันก็เป็นดาบสองคมมาก ๆ ข้อดีคือรู้สึกแปลกใหม่ ให้อารมณ์เราได้ลองมองแบบตัวร้ายในหนังสไปเดอร์แมนเรื่องก่อนหน้า เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับพลังของสไปเดอร์แมนนั้นจะดูน่ากลัวขนาดไหน ซึ่งบางช่วงก็ตั้งใจทำให้ออกมาเกือบเป็นหนังสยองขวัญเลยทีเดียว แต่อีกด้านที่เป็นจุดเสียคือเราคงคาดหวังพลังของตัวร้ายเทียบเคียงกับสไปเดอร์แมนที่เราคุ้นชินด้วย แต่การนำเสนอไม่ว่าจะการไต่ไปตามกำแพง การเคลื่อนที่โหนใยราวกับหายไปต่อหน้า หรือการยิงใยที่เราคุ้นตา พอในเรื่องนี้ที่ลดทอนมาเหลือแค่พลังกายเหนือมนุษย์กับการปล่อยพิษผ่านฝ่ามือ ด้านภาพมันธรรมดาจนรู้สึกไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

โดยรวมแล้ว ‘Madame Web’ เป็นหนังที่แตกองค์ประกอบมาแล้วมีโอกาสเป็นหนังที่เล่าเรื่องราวได้สนุก ถึงจะเชยแต่ก็จะน่าตื่นเต้นได้ ทว่าผู้กำกับหญิงอย่าง เอส.เจ. คลาร์กสัน (S.J. Clarkson) กลับปรุงออกมาได้รสชาติที่จำเจแถมจืดชืดเกินไป ราวกับไม่ได้ศึกษาหนังที่มีองค์ประกอบคล้ายกันเรื่องอื่น และไม่สามารถดันทิศทางหนังให้ไปสุดสักทางที่หนังมีศักยภาพไม่ว่าจะด้านดราม่าความสัมพันธ์ ด้านปริศนาการแก้ไขเหตุการณ์ หรือด้านการต่อสู้และฉากโชว์พลัง

เมื่อพิจารณาแล้วหนังเรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นหนังที่พอดูได้ในระดับหนังทั่ว ๆ เล่าเรื่องได้ตามสูตร มีนักแสดงที่น่าสนใจและไม่ขี้ริ้วมากนัก แต่สำหรับในฐานะหนังเชื่อมจักรวาลใหญ่ ตัวมันก็คงมีอนาคตไม่ต่างกับฉากหลังเครดิตจบของหนังเองนัก นั่นก็คือ “จอดำมืด หรือ ไม่มี” นั่นเอง