cr. .picclickimg Destiny Of Love หรือ Tokyo Wankei 東京湾景 ออกฉายในปี 2004 ทางช่อง fuji tv เป็นซีรีย์ที่น่าสนใจอีกเรื่องที่อยากแนะนำ เป็นแนว ความรักโรแมนติก ผสมดราม่าซ้อนปมพอเป็นกระสัย (มั๊ง) ให้ลุ้นไปกับความรักของพระนาง และ มันเป็นโชคชะตาที่ลิขิตให้คนทั้งคู่มาเจอกัน จาก SMS หรือ แชทหาคู่ จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่เล่น ๆ แต่กลับกลายเป็นความรัก และ ทั้งคู่ต้องค้นหาความจริงบางอย่างที่จะเป็นบทสรุปของความรัก และ ยังมีเรื่องเชื้อชาติเขามาเกี่ยวข้อง เนื้อหาหลัก Destiny Of Love เล่าถึงความรักของหนุ่มสาววัยทำงาน ซึ่งฝ่ายหญิงเป็นสาวเกาหลี แต่เกิดและเติบโตที่ญี่ปุ่น แต่ยังถือสัญชาติเกาหลี มีการศึกษาที่ดี ครอบครัวมีฐานะ และ มีคู่หมั้นที่ครอบครัวต้องการให้แต่งาน ซึ่งเป็นชาวเกาหลีเหมือนกัน พระเอกเป็นหนุ่มกรรมการท่าเรือชาวญี่ปุ่น ลูกชาวนาธรรมดา ทำงานในท่าเรือที่อ่าวโตเกียว แต่เป็นคนมีความสามารถในการเขียนภาษาญี่ปุ่นด้วยพู่กันแบบโบราณ ทั้งคู่มาพบกันด้วยความบังเอิญจาการเข้าระบบ แชทหาคู่ฝ่ายชายเพื่อนเป็นคนส่งให้ ฝ่ายหญิงเพื่อนยุให้ลอง หลังจากนั้นทั้งคู่เหมือนถูกชะตากัน และกลายเป็นความรัก แค่นี้มันดูง่ายไป มันมีปมให้ค้นหา เพราะนางเอก ได้บันทึกเก่าของแม่ตัวเองมา ที่เล่าถึงความรักไม่สมหวังกับหนุ่มญี่ปุ่น (มารู้ทีหลังว่าเป็นพ่อพระเอก แต่มันง่าย เพราะคุณแม่ก็โดนบังคับแต่งงาน แต่ก็มีรักซ้อนกับหนุ่มปริศนาอีกคน ) และเธอก็ค้นหาเรื่องราวเล่านั้นผ่านบันทึกของแม่ และเชื่อมั่นว่า โชคชะตาแห่งรัก ของเธอ และแม่เหมือนกัน แต่เธอจะไม่ผิดหวังแบบแม่ แต่ความรักย่อมมีอุปสรรคซึ่งมันเป็นบทพิสูจน์ที่ต้องลุ้นว่าทั้งคู่จะลงเอยกันได้หรือไม่่ cr. jdoramaจุดเด่น Destiny Of Love 1.การนำเสนอเนื้อหาความต่างของเชื้อชาติ ซีรีย์นำเสนอได้พอเหมาะพอดีไม่ก้าวร้าวในบางประเด็นที่อาจไม่เหมาะสม แต่ก็ทำให้รู้ว่าการที่เป็นพลเมืองชั้นสองที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ง่ายเลย การยอมรับจากครอบครัวคนรักที่ยังหัวโบราณและชาตินิยม ความต่างชั้นของฐานะ การศึกษา เนื้อหาถูกถ่ายทอดมาแบบให้เข้าใจ ให้มองจากความเป็นจริง ไม่ใช่สวยหรูตามนิยาย หรือแม้แต่คนต่างชาติที่อยู่ในญี่ปุ่นอย่างคนเกาหลี ก็ยังชาตินิยม มีสังคมมีวัฒนธรรมแบบเกาหลี ที่ปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่นแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในประเทศบ้านเกิด (อารมย์คล้าย ๆ คนจีนในบ้านเรา )2.การเล่าเรื่องระหว่างอดีตของแม่ กับ ปัจจุบันของพระนาง มันเป็นการซ้อนเรื่องราวผ่านการบอกเล่า การเดินเรื่องแบบคู่ขนานในแต่ละตอนที่ทำให้เหมือนได้อ่านบันทึกของแม่นางเอก รับรู้ความรัก ความรู้สึก ที่เคยเกิดขึ้น และ นางเอกก็พร้อมจะสู้เพื่อความรักตัวเองไม่ให้พบจุดจบที่ไม่สมหวัง 3.โลเคชั่น โตเกียวคือสถานที่หลัก วิวอ่าวโตเกียว วิวโมโนเรล และสภาพบ้านเมืองในช่วงนั้น ก็ทำให้ดูเพลิน ๆ สลับกับบางช่วงบางตอนที่มีวิวชนบทบ้างตามเนื้อเรื่อง 4.วิถีชีวิตชนชั้นแรงงาน กับ ชนชั้นออฟฟิศ มีให้เห็นชัดเจนในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นโลเคชั่นสถานที่ทำงานของทั้งคู่ การแต่งตัว มันสื่อออมาได้ชัดเจน สถานที่สังสรรค์ที่แตกต่างกัน ที่อยู่อาศัย เรียกว่าจับต้องได้รู้สึกได้ว่า พระนางต่างกันจริงไม่ใช่แค่แอคติ้งหรือตามเนื้อหา แต่มันถูกส่งออกมาให้เห็นจากองค์ประกอบต่าง ๆ 5.ซับซ้อนซ่อนรัก ซ้อนปมแม่ได้แบบ อิหยังว่ะ หนังรักโรแมนติก ดราม่า ใครจะคิดว่ามันจะ ซ้อนปมเล็กในปมใหญ่ แต่ไม่อิรุงตุงนัง ปมมันจะค่อย ๆ ผูกไปทีละตอน บอกเลยถ้าดูแล้วคิดกระโดดข้ามตอนรับรองจะ งง กับความซ้อนที่เนื้อหาวางมา 6.ความมุ่งมั่นของพระนาง ไม่ใช่แค่ความรัก แต่มันมีเรื่องการงานมาเกี่ยวข้อง พระเอกเองก็มีความฝันที่อยากทำ และทำได้ดีด้วย มันก้ดูเป็นแรงบันดาลใจได้ดีพอสมควร นางเอกเองก็มุ่งมั่นกับงานที่ทำ และใช้มันเป็นตัวผลักดันคนรักให้ก้าวไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิมเพื่อตัวพระเอกเอง cr asianwiki จุดด้อย Destiny Of Love 1.บทพระเอก (ตัวบทไม่ใช่นักแสดง) ที่คงต้องบอกว่า เป็นตัวละครที่น่าลำไยมาก ๆ คือรำคาญความนิ่งมาก นิ่งในนิ่ง งงไหม ในขณะที่นางเอก จะเป็นจะตายกับความรัก พระเอกก็ยังนิ่ง ๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว รู้ว่ารู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังตีหน้านิ่งอยู่เงียบ ๆ คนเดียว คือตอนที่ดูอยากวาร์ปไปเตะสักที จริง ๆ แต่ต้องยอมรับว่าเขาเลือกนักแสดงได้เข้าบทมาก และน่าจะเป็นเรื่องแรก ๆ ของพระเอกคนนี้ด้วย บางช่วงมันเลยดูธรรมชาติ คือ เป็นหิน แต่มันดันเข้าบทสุด ๆ 2.พลิกหักมุมหัวทิ่มหัวตำ หนังรักแต่หักมุมทีจะพาหัวทิ่ม เหมือนขับรถเข้าโค้งแล้วหาเบรคไม่เจอ คือเนื้อหาค่อย ๆ วางปมมาเรื่อย ๆ พอขมวดขึงดึงเต็มที่ก็ต้องคลายปมนั้นออก แต่มันไม่แบบค่อย ๆ แกะออก มันเป็นการดึงจนขาดแบบทุกปมหลุดหมด เอาเป็นว่ากว่าจะรักกันได้ก็เกือบตายกันไปข้าง กว่าทุกอย่างจะลงเอย ก็ทำเอาลุ้นชนิดใจหายกันเลยทีเดียวเพราะสงสารพระนาง เพราะ พระนางมโนไปไกลไปไหนต่อไหนชนิดข้ามประเทศ กันไปแล้ว อันที่จริงก็หน้าที่การงานด้วย หนีความช้ำชอกไปด้วย กว่าจะย้อนคืนมาหากันทำให้ต้องลุ้นกันอีก แล้วกับความหน้านิ่งของพระเอก มันทำให้ลุ้น จนตอนท้าย ๆ นี่คิดว่าดูหนังรัก หรือ หนังลุ้น 3.ความแม่ลูก คืออะไรมันจะเหมือนกันมากความรักของแม่กับลูก และในหนังจับนางเอกมาแต่งเป็นแม่ แม้จะปรับลุคแต่มันก็นางเอกไง มันเลยดูไม่อินกับตอนแม่มากนัก 4.คู่รองคืออะไรจะสปาร์คไว จากตอนแรงเถียงกันฉอด ๆ ตัวรองที่เป้นกิ๊กเก่าพระเอก มาปิ๊งกับเพื่อนนางเอก คือตอนแรกก็ งง นิด ๆ กัดกันหยก ๆ ผ่านไปไม่กี่ตอนเข้าห้องนอนกันเฉยเลย แต่ก็สีสันดี แต่เนื้อหาไม่กล่าวถึงความสัมพันธ์คู่นี้มากนักcr asianwiki นักแสดงหลัก Destiny Of Love 1.Yukie Nakama รับบท Mika Kimoto และ Woo-ri Kim นางเอกคือ คุมิโกะ จากลูกสาวเจ้าพ่อขอเป็นครู เรื่องนี้มาเล่นเป็นสาวมั่น ศรัทธาความรัก เชื่อเรื่องโชคชะตา แถมในบทเป็นสาวเกาหลีที่บอกเลยว่า แสดงดีตามมาตรฐาน สมกับเป็นนักแสดงแถวหน้าอีกคนของวงการซีรีย์ญี่ปุ่น 2.Soko Wada รับบท Ryosuke Wada แม้ว่าจะเป็นเรื่องแรก ๆ แต่บุคคลิกเข้ากับบท มันเลยดูแล้วไม่ขัดตากับความเซอร์ เสื้อผ้าหน้าผมเข้ากับบทมากคอสตูมเข้าเป๊ะดีจริง ๆ ดูแล้วเชื่อได้กับความเป็นหนุ่มท่าเรือ ( จริง ๆ ก็หล่อแบบเซอร์ ๆ ) หรือตอนที่กลายร่างเป็นหนุ่มติสท์เขียนตัวหนังสือแบบโบราณก็ทำได้ดี เป็นนักแสดงสายฝีมืออีกคน แม้ว่าเรื่องหลัง ๆ จะไม่ค่อยรับบทพระเอกมานัก คือ วงการซีรีย์ญี่ปุ่นเขาไม่เหมือนบ้านเรา ถ้าไม่ใช่นักแสดงค่ายยักษ์ใหญ่ หรือ มีฐานสนับสนุนที่แน่นมากนัก แม้จะฝีมือดีก็ไม่ได้ การันตีการเป็นพระเอก นางเอก เช่น เล่นเรื่องนี้เป็นพระเอก เรื่องอื่นเป็นตัวรองก็มี และพระเอกคนนี้ก็เป็นแบบนั้น 3.Ryuta Sato รับบท Yoshio Hayase เพื่อนนางเอก เป็นอีกบทที่น่าสนใจ เพราะเป็นตัวสนับสนุนช่วยเหลือพระนาง และนักแสดงคนนี้ก็ถือว่าเป็นนักแสดงที่มีงานเยอะพอสมควร 4.Eriko Sato รับบท Mari Yamane คนรักเก่าพระเอก ที่แม้จะโดนเท แต่ก็ยังฝังใจ แม้อยากจะกีดกันแต่ก็ยอมรับความพ่ายแพ้และช่วยเหลือพระนาง สุดท้ายก็ไปปิ๊งเพื่อนนางเอกแทน บทสรุปของ Destiny Of Love ความรักไม่ได้สวยงาม ความรักไม่ได้รันทด ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา มันอยู่ที่ว่าเมื่อเราเจอมันแล้ว เราจะรักษามันไว้ได้ไหม เชื้อชาติ ฐานะ ความเหมาะสม ไม่ใช่สิ่งกำหนดทุก ๆ สิ่งของความรัก และ ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเสมอไป นี่คือสิ่งที่ซีรีย์นี้นำเสนอ มันเป็นอีกมุมมองของความรัก และมันอาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้บนโลกใบนี้ บางเรื่องต้องใช้ใจในการตัดสินว่าควรจะไปทางไหน