บทละคร กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 3
บทละคร กุหลาบร้ายของนายตะวัน 3
ที่ไร่ตะวันตอนดึกสงัด โรสริน พีระและอุษาวดีย่องออกมานอกบ้าน พีระถือของและอยู่หัวขบวนเพื่อดูต้นทางสองสาวตามมาจนถึงทางเข้าบริเวณฟาร์มดอกไม้ ทั้งสามชะงัก เพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่แย้ลุกขึ้นจากวงเหล้า แย้เซไปเซมา
“หนุกหนานกันไปก่อนพี่น้อง เดี๋ยวแย้ไปเอาเสบียงมาเพิ่ม”
“เมาไปแล้วแย้พอเถอะ เดี๋ยวคุณตะวันรู้ จะโดนไล่เตะเอานา”
“โอ๊ย ระดับแย้มีเหรอ จะกลัว” แย้ชูสองมือ “มีมือเหมือนกันนะเว้ย ลองมาด่าดิ”
“แล้วเอ็งจะทำอะไร”
“ทำแบบนี้ไง” แย้เอามือมาประกบกันพนมมือ “หวัดดีก๊าบโผม”
“ถุ๊ยย”
พีระ โรสรินและอุษาวดีกลุ้ม
“เอาไงดีอ่ะโรซี่ ตั้งวงกันซะขนาดนั้นน่ะ” โรสรินเครียด
ที่มุมทำงานในบ้าน ตะวันอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้อยู่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือแนะนำการปลูกพืชเบื้องต้น ตะวันจับๆหนังสือ แล้วคิด
ตะวันมาที่หน้าบ้านพักโรสริน พร้อมหนังสือในมือ ชั่งใจเล็กน้อย ตัดสินใจลองตะโกนเรียก เผื่อว่าโรสรินยังไม่หลับ
“โรส… คุณโรส นอนรึยัง” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ
“ยังไม่ดึกเท่าไหร่ หลับแล้วเหรอ” ตะวันกำลังจะเดินเข้าไปดู น้ำค้างเดินผ่านมาร้องทัก
“พี่ตะวัน ! ฮันแน่ จับได้แล้ว แอบย่องหาคู่หมั้นเหรอคะ”
ตะวันหันไปเห็นน้ำค้าง เลยอ้างว่า
“แค่เอาหนังสือมาให้ยัยนั่นเฉยๆ ไม่มีความรู้อะไรเลย เดี๋ยวไร่เราวิบัติหมด”
“จ้า พี่ชายน้ำค้างทำอะไรก็มี ข้ออ้าง” น้ำค้างยิ้ม
ตะวันกระแอม “น้ำค้าง”
“แหะๆ มีเหตุผลตลอดจ้า”
ตะวันจ้องหน้า “ไว้ให้พรุ่งนี้ก็ได้ คนบางคนจะได้ไม่เข้าใจผิด!”
น้ำค้างดึงชายเสื้อพี่ชายไว้ “แหม แค่นี้ก็งอนไปได้ น้ำค้างล้อเล่นนี๊ดเดียวเอง”
น้ำค้างกอดเอว อ้อน “น้ำค้างไม่เชียร์พี่ให้กับคนที่พี่ไม่ได้รักหรอกน่า”
ตะวันขยี้หัวหยอกเบาๆ “ไปนอนได้แล้วเราน่ะ”
“ รู้แล้วค่า… ขอยืดเส้นยืดสายหน่อย พี่ตะวันนั่นแหละเข้านอนเร็วๆ”
ตะวันพยักหน้าให้น้ำค้าง น้ำค้างยิ้มๆมองตามพี่ชาย
หน้าฟาร์มดอกไม้ โรสริน พีระและอุษาวดียังหาทางออกไม่เจอว่าจะทำยังไงดี พีระถูกยุงกัด เผลอตบ เสียงดัง แย้หันมองขวับ
“เฮ้ย! เสียงอะไรวะ” แย้ชี้ “ทางนั้นน่ะ”
โรสริน หยิกพีระอย่างโมโห โรสรินถามเบาๆ
“ตบยุงทำไมตอนนี้ !”
พีระตอบเบาๆ “ก็ใครใช้ให้มันกัดพีตอนนี้ล่ะ”
อุษาวดีตาเหลือก “เงียบๆ พี่พี ยัยโรส ดูนั่นก่อน”
อุษาวดีชี้ให้ดูว่า แย้กับพวกคนงานพากันเดินมาหาต้นเสียง ทั้งสามคนตกใจเบียดกันหลบในพุ่มไม้เพื่อหลบสายตาพวกแย้ พีระนึกได้ว่าถือแกลลอนยาฆ่าหญ้าอยู่
“ซวยแล้ว หลักฐานเต็มสองมือเลยเนี่ย!”
“อย่ามัวแต่พูดสิ ทำอะไรสักอย่าง !”ฎ
แย้ตาไว เห็นอะไรไหวๆอยู่ สั่งทันที
“เฮ้ยๆ พี่ๆ นั่นๆ พุ่มไม้ไหวๆ ทางนั้น ไปดูกันเร็ว ไปดูทางนั้นซิ”
โรสริน พีระและอุษาวดี สะดุ้ง แย้เดินนำคนงานมาตรงมา พีระตัดสินใจส่งเสียงแมว
“ม๊าว ม๊าวว !!” โรสรินและอุษาวดี มองพีระอย่างเหวอ
“บ้าเหรอ ทำอะไร!”
ทางด้านแย้ทุบกำปั้นอย่างมั่นใจ “ชัดเลยๆ ไร่นี้ไม่มีแมวโว้ย ใครวะ ใครอยู่ตรงนั้น”
พีระสะดุ้งโหยง โรสรินและอุษาวดียิ่งเหวอใหญ่ แย้และคนงานพากันลุยข้ามมาอย่างเร็ว โรสริน พีระ และอุษาวดี กระเถิบหลบจนไม่รู้จะหลบยังไงแล้ว แย้จะเดินมาถึงอยู่แล้ว !!! อุษาวดีหยิบก้อนหินแถวนั้นเขวี้ยงไปโดนกระถางต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังพวกแย้ หล่นลงมาแตกเพล้ง พวกแย้หันขวับไปมอง ฉายไฟส่องดูทันที
“เฮ้ยอะไรวะ!”
อุษาวดีรีบโบกมือไล่ให้โรสรินกับพีระไป โรสรินกับพีระ รีบย่องๆ ออกไปทันที พวกแย้หันมองสำรวจไปทางที่กระถางตกแตก อุษาวดีรีบกระโดดพรวดแหวกพุ่มไม้ออกมา แย้และคนงานตกใจ “เย้ย !!!”
“ฉันเอง แขกของคุณโรสรินไงล่ะ พอดี.. ฉันออกมาหาต่างหูที่ทำตกไว้เมื่อเย็นน่ะ เอ่อ พวกเธอช่วยฉันหน่อยได้มั้ย”
แย้กับคนงานยังงงๆ สายตาแย้ยังเหลือบไปมองที่พุ่มไม้
“เมื่อกี๊คุณได้ยินเสียงแมวมั้ย ไร่นี้มันไม่มีแมวสักตัวเลยนะ”
“มีสิ เมื่อกี๊ฉันยังเห็นมันวิ่งชนกระถางตกแตกเลย พวกนายมากันก็ดีแล้ว ช่วยฉันหาต่างหูหน่อยนะ”
“หน๊อย ไอ้แมวบ้า ทำตกใจหมดนึกว่าขโมย เดี๋ยวถ้าเจอจะจับทำหมันซะให้เข็ด เอ้า พวกเรามาช่วยคุณคนนี้เค้าหาของกัน”
แย้และพวกคนงานช่วยกันส่องไฟฉายหาของให้อุษาวดี อุษาวดีแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในที่สุดโรสรินและพีระก็มาถึงหน้าโรงเรือนกล้วยไม้จนได้ แบบทั้งเหนื่อยและหอบ พีระถอนใจโล่งอก
“เกือบไป… ถ้าโดนจับได้ล่ะก็ซี้แหง๋แก๋”
โรสรินรีบไปที่ประตูโรงเรือน ปรากฎว่าล็อคอยู่
“เฮ้ย ! แบบนี้จะทำไงล่ะโรซี่”
โรสรินนึก และคลำๆ หาใต้กระถางต้นไม้ด้านหน้า หยิบกุญแจออกมา
“โรสรอบคอบพอหรอกน่ะ หมอนั่นประมาทเกินไป”
พีระยิ้มพอใจ พลันอุษาวดีวิ่งกระหืดกระหอบตามเข้ามา
“เป็นไงบ้าง พวกนั้นไม่ตามมาแน่ใช่มั้ย”
“อื้อ เห็นตั้งวงกันต่อแล้ว แต่อย่าประมาทนะ จะทำอะไรก็รีบๆเข้า ด่วนจี๋เลย!”
โรสรินไขกุญแจเปิดโรงกล้วยไม้เข้าไป พีระวางแกลลอนยาฆ่าหญ้าลง เตรียมจะเปิด แล้วนึกขึ้นได้
“โรซี่! ส่งถุงมือ กับผ้าปิดปากมาให้ผมหน่อยสิ”
โรสรินมองหา ”ไหนล่ะ?”
“ไม่มีเหรอ บ้าเอ๊ย!! ทำหล่นไว้ที่ไหนเนี่ย”
โรสรินอึ้ง “ไปเอาเดี๋ยวนี้เลย!!!”
น้ำค้างออกมาเดินเล่นผ่อนคลายสมอง แล้วหันไปเห็นของบางอย่างอยู่บนพื้น น้ำค้างเปิดถุงออกมา พบว่าข้างในมีถุงมือและผ้าปิดปาก น้ำค้างมองด้วยความสงสัย
“อะไรเนี่ย… ของใครมาทำตกไว้ตรงนี้”
พีระย่องกลับมาหาของ เห็นน้ำค้างค้นถุงอยู่ จะหันหลังหลบ
“นั่นใครน่ะ!” พีระทุบหน้าผาก ไม่ทันแล้ว โถ่เอ๊ย!
“นาย ! มาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆแบบนี้ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
พีระไม่รู้ทำไงดี ทำตาปรือๆ ตัวแข็ง เดินผ่านน้ำค้างไปเลย
“หูหนวกหรือไง” น้ำค้างจับพีระให้หันกลับมา
พีระแกล้งละเมอ “แกะตัวที่ 69 แกะตัวที่ 70 แกะตัวที่ 74”
“นับก็ผิด! นี่นาย.. ไม่ต้องมาแกล้งบ้าเลย อย่ามาหลอกกันตื้นๆ แบบนี้”
พีระเนียนละเมอเดินต่อ ไม่สนใจน้ำค้าง น้ำค้างนึกได้
“นี่ของนายใช่มั้ย มาหาของนี่ใช่มั้ย จะเอาไปทำอะไรไม่ทราบ!”
พีระเสียววูบที่น้ำค้างรู้ทัน ยังเนียนละเมอต่อไป
“นี่ถ้าไม่ตอบ ฉันจะตะโกนเรียกพี่ตะวันนะ”
พีระสะดุ้ง ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำไง น้ำค้างทำท่าจะตะโกน พีระตัดสินใจขัดขาน้ำค้างให้ล้มกลิ้งไปด้วยกันเลย “ว๊ายยยย !” สองคนนัวเนียกันไปในการกลิ้ง
”บ้าที่สุด ไปให้พ้นนะ!” น้ำค้างทุบพีระ
พีระเอามือขึ้นมาปิดปากน้ำค้างไว้ ไม่ให้ส่งเสียง ยังแกล้งละเมอต่อ
“แกะตัวที่ 78 79 80…”
น้ำค้างพยายามดันพีระที่คร่อมอยู่ด้านบนออก แต่แรงไม่พอ ทำให้หน้าพีระอยู่ใกล้กับน้ำค้างมากๆ
ที่โรงเรือนกล้วยไม้ โรสรินกระสับกระส่ายอยู่กับอุษาวดี โรสรินเริ่มเหวี่ยง
“ทำไมยังไม่มาสักที โธ่เอ๊ย”
“แอบอยู่ในนี้ก่อนนะโรส ฉันสังหรณ์ว่าพี่พีจะทำเสียเรื่องยังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวฉันรีบมา”
อุษาวดีรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้โรสรินอยู่คนเดียว มองไปรอบๆ บรรยากาศชักน่ากลัว มีเสียงลม เสียงแมลงร้องระงมไปทั่ว แล้วมีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านปลายนิ้วเท้า
“ว๊ายยย !! “ โรสรินนึกได้ รีบเอามือปิดปาก ปรากฎว่าเป็นแค่ใบไม้พัดผ่านไปเฉยๆ
“โถ่เอ๊ย” โรสรินมองไปรอบๆ อย่างกลัวๆ “จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย”
โรสริน มองๆไปที่แกลลอนยาฆ่าหญ้า คิดว่าจะทำไงต่อไปดี
น้ำค้างดันพีระออกจากตัวจนเหนื่อยก็ไม่ได้ผล พอดีเหลือบไปเห็นก็อกน้ำและสายยางที่อยู่ไม่ไกล น้ำค้างเอื้อมมือไปหมุนหัวก๊อกทันที
“หลับนักใช่มั้ย !” น้ำค้างจับสายยางฉีดน้ำพุ่งใส่พีระ พีระรีบลุกขึ้น
“เฮ้ยๆๆๆ ยังไม่ถึงวันสงกานต์ อะไรของเธอเนี่ย!”
น้ำค้างลุกขึ้น “ตื่นได้แล้วใช่มั้ย”
พีระเสแสร้งต่อ “เฮ้ย ! นี่ฉันมาอยู่นี่ได้ไง”
น้ำค้างฉีดน้ำใส่อีก “อย่ามาทำเบลอนะ ไม่รู้เรื่องเหรอ นี่แน่ะ”
“โอ๊ย พอได้แล้ว นี่ฉันคงละเมออีกแล้วล่ะสิ แปลกที่ทีไรละเมอทุกที”
น้ำค้างฟังมุกของพีระ จะเชื่อไม่เชื่อดี !
“แล้วเธอมาอยู่นี่ได้ไง อย่าบอกนะ ว่าเธอ !!ฉวยโอกาสลวนลามฉัน”
“บ้า ! ใครกันแน่ที่ฉวยโอกาส นายนี่มัน !” น้ำค้างจะเอาถุงของฟาดใส่
พีระจับถุงเอาไว้เลย “อ๊ะๆ ถ้าไม่จริง ทำไม่ต้องเขินด้วย”
“เขิน ! ฉันน่ะนะเขิน เปล่าซักหน่อย”
“ถ้าอยากใกล้ชิดฉัน มาขอกันดีๆ ก็ได้ “
“บ้า ! ให้ใกล้ชิดกับนายกัดลิ้นตายยังดีกว่า! “
น้ำค้างหันหลังรีบวิ่งหนีออกไปเลย พีระรีบเอาถุงของซุกไว้ข้างตัว และรีบลัดเลาะไปทันที
“ป่านนี้โรซี่บ่นแย่แล้ว”
พีระรีบวิ่งกลับไปทางโรงเรือนกล้วยไม้ แต่ดันไปชนเข้ากับใครบางคน
“เฮ้ย !”
“เบาๆ นี่อุษาเองหายไปตั้งนาน ได้เรื่องมั้ยพี่พี”
พีระชูถุง “เรียบร้อย ปะ ไปด้วยกัน” พลันโรสรินเดินสโลสเล สวนมาพอดี
“โรส !”
“จะส่งเสียงดังให้คนแห่กันมารึไง” โรสรินปรามให้ 2 คนเงียบๆ
“ออกมาทำไม ทำไมไม่รออยู่ในนั้น”
โรสรินปัดมือแปะๆ ยิ้มมั่นใจ “ปิดจ๊อบ! ทุกอย่างเรียบร้อย แค่รอลุ้นผล วันพรุ่งนี้ “
ไก่บนรั้วขันรับวันใหม่ ตะวันมาเคาะประตูหน้าห้องนอนโรสรินรัวอย่างไม่เกรงใจ ปังๆๆๆๆๆ !
แต่เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับ
“คุณโรส ! คุณโรสริน ไม่รู้เวลาทำงานรึไง”
เงียบ ยังไม่มีเสียงตอบรับ ตะวันกำลังจะเคาะอีก แต่แล้วก็ชะงัก นึกอะไรได้บางอย่าง
“เราโหดเกินไปรึเปล่าวะ” ตะวันมองประตูห้องโรสริน ”เอ้า..ให้สายสักวันก็ได้”
ตะวันคิดแล้วก็ยอมผละไปแต่โดยดี
ที่ฟาร์มดอกไม้ ตะวันตกใจมากที่ไดรู้ข่าวจากน้ำค้าง
“ห๊ะ!!! ยัยคุณหนูโรสยังไม่เสด็จออกมาจากห้อง !!”
น้ำค้างวางปิ่นโตให้ตะวัน “มาขึ้นเสียงกับน้ำค้างทำไมล่ะ ไปบอกพี่โรสเองสิ”
“พวกคนกรุงนี่ไม่ไหว” ตะวันส่ายหน้า “ยังไม่ทันไรเลย !”
น้ำค้างฉุกคิด “เอ หรือว่า พี่โรส เค้าจะเป็นไปด้วยอีกคน”
ตะวันเตรียมตักข้าวเข้าปาก ชะงัก ถามอย่างสงสัย
“เป็นอะไร”
“ละเมอน่ะสิ เมื่อคืนนี้ นายพีระละเมอออกมาเดินแถวแปลงกุหลาบด้วย”
ตะวันรู้สึกตะหงิดๆชอบกล “ละเมอบ้าอะไรซะไกลขนาดนั้น”
ไม่ทันไร แย้วิ่งแหกปากมาแต่ไกล
“ลูก.. ลูกพี่ ! มาดูทางนี้เร็ว !!!”
ตะวันและน้ำค้าง เห็นสีหน้าท่าทางของแย้ที่ราวกับโลกทั้งใบได้แตกสลาย ชะงักกันไปทันที
ที่โรงเรือนกล้วยไม้ ตะวันช็อค! กล้วยไม้ฟุบสลบ หอพับคอตกไปเป็นแถบ!! ชาญมองอย่างห่วงตะวัน อาทิตย์และอึ่งมองกล้วยไม้ที่เหี่ยวอย่างสงสาร
“โถ… ไปที่ชอบที่ชอบนะ ไม่น่าอายุสั้นเลย”
อาทิตย์เดินเข้าไปจะจับกล้วยไม้ ตะวันรีบรวบตัวอาทิตย์ไว้
“อาทิตย์อย่า!!!” ตะวันดันตัวอาทิตย์กับอึ่งออกไปยืนห่างๆ
“ออกไปยืนห่างๆ มีแต่สารเคมีอันตรายทั้งนั้น ใคร ใครมันเป็นคนทำแบบนี้!!!” ตะวันแค้น
“พี่ตะวันทำใจดีๆ ไว้ก่อน อย่าเพิ่งจี๊ดส์”
แย้เอาแกลลอนยาฆ่าหญ้าออกมาส่งให้ “พวกคนงานเจอนี่ซุกอยู่ด้านหลังครับ”
ตะวันมองแกลลอนยาฆ่าหญ้าอย่างโกรธจัด เขวี้ยงมันลงกับพื้นอย่างโมโห
“โธ่เว้ย!!!!”
“ตะวัน.. ใจเย็น”
ตะวันเดือดดาลสุดขีด “ฉันไม่เคยอนุญาตให้ใครใช้ยาฆ่าหญ้าในไร่ของเรา ใคร !! ฝีมือใคร “
น้ำค้าง แย้ ชาญ อาทิตย์ อึ่งและคนงาน 2-3 คน หน้าซีดกันไปหมด เมื่อเห็นตะวันโกรธขนาดนี้
ตะวันตาโพลง ! เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ หันกลับ วิ่งออกไป
“พี่ตะวัน พี่จะไปไหน “ น้ำค้างและแย้วิ่งตามตะวันไป
หน้าบ้านพักโรสริน พีระเดินผิวปากสบายใจเข้ามา ตะวันพรวดพราดมาถึงตัวพีระ กระชากคอเสื้ออย่างโมโห
“เมื่อคืนนายออกไปทำอะไร สารภาพความจริงออกมา!!!”
พีระกลัว “อย่าแตะต้องฉันนะเว้ย“
อุษาวดีได้ยินเสียงโหวกเหวกรีบเดินมาดู อุษาวดีแกะมือตะวันออก
“อย่านะ นี่มันเรื่องอะไร ทำไมเกเรแบบนี้คะ”
“ นายไม่พอใจเรื่องคุณโรสแล้วมาลงกับดอกไม้ของฉันใช่มั้ย”
พีระและอุษาวดีชะงัก รู้ดีว่าตะวันพูดเรื่องอะไร
“ดอก..ดอกไม้อะไรวะ ฉันไม่เห็นเข้าใจ “
ชาญ แย้และน้ำค้าง เดินเข้ามารวมกลุ่ม สีหน้าไม่พอใจ
“ก็ดอกกล้วยไม้ที่โดนยาฆ่าหญ้ายังไงล่ะ ! “
“ผู้ร้ายปากแข็ง มีหลักฐานอยู่ทนโท่”
แย้หยิบแกลลอนยาฆ่าหญ้าออกมา “ที่ไร่นี้ไม่มียาฆ่าหญ้า ฝีมือคุณแน่ๆ “
“เล่นสกปรกลับหลัง นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย!!” ตะวันทำท่าจะอัดพีระ
อุษาวดีรีบขวางไว้ “คุณมีหลักฐานอะไร มากล่าวหาพวกเราเนี่ย !”
“หลักฐานเหรอ! เมื่อคืนน้ำค้างบอกว่าเจอนายเดินละเมอ จะให้ฉันเชื่อเหรอ อีกอย่างฉันไว้ใจคนงานในไร่ของฉัน ทุกคน!”
พีระยืนยัน แต่ข้างในสั่น “แต่.. ฉันไม่ได้ทำ”
ตะวันดูออก “ไอ้เลวเอ๊ย !” ตะวันจะเข้าไปอัดพีระเลย น้ำค้างฉุดไม่อยู่ น้ำค้าง ชาญ แย้และอุษาวดีตกใจ ร้องห้ามกันวี๊ดว๊าย
“ไอ้ตะวัน”
“พี่ตะวันอย่า”
“ว๊าย พี่พี ระวั๊ง!!!”
ตะวันผลักพีระเต็มแรง พีระหลังไปแปะกับผนัง ตะวันได้ที พุ่งหมัดขวาจะฮุคเข้าหน้าเต็มๆ !!
“เฮ้ย !!!!”
“หยุดนะ!” โรสรินก้าวออกมาหา ท่าทางอิดโรย หน้าซีด มีรอยคล้ำใต้ตา
“ไม่ใช่พีระ ฉันทำเอง” โรสรินยอมรับ
ทุกคนอึ้งกันไปหมด “คุณโรส”
“ผมไม่เชื่อ! คุณรับผิดแทนเค้าใช่มั้ย คุณจะใช้ยาฆ่าหญ้าไปทำไม”
“ก็ใช้ฆ่าหญ้า ฆ่าวัชพืชน่ะสิ นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าต้องคอยกำจัดวัชพืช แล้ววิธีนี้ก็ได้ผลเร็วที่สุด”
ตะวันนิ่งอึ้งพูดไม่ออก แต่มือกำหมัดไว้แน่น.. แน่นจนเส้นเลือดแทบจะปูด ตะวันทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“แต่ต้องไม่ใช่ที่ไร่ตะวัน ไม่ใช่โรงกล้วยไม้ของผม!”
ชาญแตะแขนอย่างปลอบใจและเข้าใจ “ไอ้ตะวัน เย็นไว้ก่อนนะลูกนะ”
ชาญ น้ำค้างและแย้ มองตะวันอย่างเห็นใจที่สุด
“ทำไม ฉันใช้ยาฆ่าหญ้า แล้วมันมีปัญหาอะไร ทำไมเสียใจที่กล้วยไม้นายตายเหรอ เอาสิ ฉันทำผิด ไล่ฉันออกสิ ไล่เลย เอาสิรออะไรอยู่ล่ะ” โรสรินถามยั่ว
ตะวันมองดูโรส ยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ
“โธ่ ว๊อยยย !!!!“
ตะวันทนไม่ไหว เข้าไปจับตัวโรสรินเอาไว้เลยแล้วแบกไว้บนบ่า ทุกคนตกใจกันไปหมด !
“เฮ้ย ปล่อยโรซี่นะ”
“อย่ามายุ่ง!” ตะวันผลักพีระกระเด็น
“จะทำอะไรของนาย อย่านะ วางฉันลง ปล่อยฉันสิ”
ตะวันแบกตัวโรสรินวิ่งออกไปเลย ทุกคนต่างร้องเรียกตะวันกันชุลมุน แล้ววิ่งตามกันออกไปเป็นพรวน แย่แล้ว
ตะวันลากตัวโรสรินมาที่รถกระบะบริเวณหน้าบ้าน อาทิตย์และอึ่งที่อยู่แถวนั้นมองอย่างตกใจ โรสรินดิ้นเท่าที่เรี่ยวแรงจะมี นึกไม่ถึงตะวันจะบ้าขนาดนี้
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย !! นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ”
อึ่งพูดกับกับอาทิตย์ “พี่ตะวันพาพี่นางฟ้าของฉันไปฆ่าหมกป่าแหงๆ คุณทิตย์ไปห้ามกันเร็ว”
อาทิตย์ วิ่งไปขวางตะวันไว้ไม่ให้พาโรสรินขึ้นรถ อาทิตย์ส่ายหน้าให้ตะวัน ทำนองว่าอย่าทำ…
“นายติสต์บอกพี่นายสิว่าอย่าทำอะไรฉัน พี่ชายนายมันบ้าไปแล้ว”
ตะวันดุ อาทิตย์ “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ถอยไป!!!”
อึ่งถอยหลังไปยืนหลบหลังอาทิตย์ อาทิตย์ไม่ยอมขยับไปไหน พีระ น้ำค้าง อุษาวดี แย้และชาญ วิ่งตามมา พลางร้องเรียกตะวันกันใหญ่
“ปล่อยคุณโรสเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ตะวัน !”
ตะวันเปิดประตูด้านคนขับ โยนโรสรินเข้าไปที่เบาะข้างคนขับทันที ตะวันขึ้นนั่งอย่างว่องไว อีกมือจับแขนโรสไว้แน่น โรสรินพยายามเปิดประตูฝั่งตัวเอง แต่ตะวันยึดตัวไว้ เปิดไม่ได้ ตะวันสตาร์ทรถไปด้วย พีระวิ่งมาจะถึงรถตะวัน รถบึ่งออกไปทันควัน พีระผงะ ถอยแทบหนีไม่ทัน
“ไอ้ตะวัน จะพาโรสไหน!! “
ชาญแทบทรุด “หนูโรสเอ๊ย ทำผิดที่ไหนไม่ทำ ไปทำโรงกล้วยไม้แสนรักของไอ้ตะวันทำม๊าย”
น้ำค้าง อึ่งและอาทิตย์ประคองชาญอย่างเป็นห่วง
น้ำค้างบอกแย้ “เอารถตามพี่ตะวันไปเร็ว!!”
“อุษา ไปกับพี่ ไปช่วยโรสเดี๋ยวนี้”
ชาญเดินออกไปขวางแย้กับพีระและอุษาวดีไว้ ทุกคนมองชาญอย่างแปลกใจ
“หลานชายปู่ มันบ้าไปแล้ว จับตัวโรสไปทำอะไรก็ไม่รู้ ยังจะขวางกันอีกเหรอ”
ชาญเสียงเข้ม “ไม่ต้องตามไป ตามไปก็เกะกะเปล่าๆ เดี๋ยวไอ้ตะวันมันทำอะไรไม่ถนัด”
“ถอยไป ถ้ายังขวาง อย่าหาว่าผมรังแกคนแก่”
ชาญเข้มและขึงขังจนทุกคนถึงกับผงะ “บอกไม่ให้ตามไปไง!!! พูดไม่รู้เรื่องรึไง!!!”
ทุกคนยกเว้นชาญ สีหน้าเครียดขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับโรสริน
ตะวันบึ่งรถไปอย่างเร็ว สีหน้าโกรธ ไม่พูดไม่จา
“จอด ! ฉันบอกให้จอด ได้ยินมั้ย หูหนวกรึไง !” โรสรินตะโกนใส่หูตะวัน
ตะวันเบรคเอี๊ยดดดด! โรสรินแทบหน้าคว่ำ หัวเกือบโขกคอนโซล พอตั้งสติได้จะรีบลงจากรถ แต่ไม่ทันตะวันเหยียบคันเร่ง รถออกตัวอีกครั้ง บรื๊นนนน โรสริน หลังติดเบาะอีกหน !
“ทำบ้าอะไรของนาย”
“ก็จอดให้แล้วไง ทีนี้จะเงียบได้รึยัง!!!”
“นี่นาย ! กวนประสาทฉันเหรอ ก็ให้ฉันลงไปก่อนสิ !”
ตะวันตวาด “เงียบ ! ตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง รู้เอาไว้ด้วย!”
โรสรินอึ้งกับแววตาท่าทางเอาจริงของตะวัน รถบึ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ ทำยังไงดี
โรสรินเหล่มองตะวันที่หน้าตึงมากๆ ใจเสีย ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยตัดสินใจแกล้งปวดท้อง
“โอ๊ยยย ฉันอยากเข้าห้องน้ำ แวะจอดให้หน่อยสิ”
ตะวันยังคงขับหน้านิ่งต่อไป ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา
“โอ๊ยยย นี่นายจะให้ฉัน ….ในนี้เลยรึไง” โรสรินกระดาก ไม่กล้าพูด
ตะวันก็ยังคงขับหน้ามึน ไม่สนอยู่นั่นแหละ
“นี่ ! ไม่งั้น ฉัน..ฉันไม่เกรงใจจริงๆนะ”
“เงียบ เงียบ!!! นั่งเฉยๆ ได้มั้ย “
ตะวันเซ็งสุดๆ เปิดลิ้นชักใต้คอนโซลหยิบบางอย่างยื่นให้โรสริน เป็นถุงพลาสติก !!!
“อะ..อะไร”
“ผมไม่มองให้เสียสายตาหรอก คุณจะทำอะไรก็ทำไป”
โรสรินปรี๊ดดดด “มันจะมากไปแล้วนะ ฉันบอกให้จอดรถเดี๋ยวนี้ไง!”
โรสรินโกรธจัด เอามือขึ้นปิดสองตาของตะวันเลย
“เฮ้ย ทำบ้าอะไรของคุณ !”
“ดูซิ แบบนี้จะจอดมั้ย !!!”
“เฮ้ยยยยยยยยยย !”
เอี๊ยดดด !! ตะวันเบรครถจนได้
โรสรินเปิดประตู วิ่งออกมาจากรถของตะวันอย่างกะปลกกะเปลี้ย ตะวันวิ่งตามลงมา โรสรินหยิบท่อนไม้ข้างทางขึ้นมา
“อย่าเข้ามานะ”
ตะวันมองโรสรินที่ถือท่อนไม้ยืนโอนเอน โงนเงนไปมา ก็ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“นายมันบ้า ! แค่กล้วยไม้ตายก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยังไงฉันก็ไม่ให้นายจับตัว ฉันไปฆ่าหมกป่าหรอก“
“แค่กล้วยไม้ตายเหรอ คนหัวใจหยาบอย่างคุณมันจะไปรู้อะไร“ ตะวันตอบแบบช้ำใจลึกๆ
โรสรินปรี๊ด
“มันเกี่ยวอะไรกับหัวใจ ฉันรู้ว่านายอยากแก้แค้นฉัน ถ้าฉันจะตีนาย เพื่อป้องกันตัว ฉันก็ไม่ผิด”
โรสรินพูดไปทั้งหอบทั้งเหนื่อย
ตะวันย่างเข้าหาโรสริน ไม่กลัว “ขึ้นรถไปกับผมเดี๋ยวนี้!!!”
“ถอยไป ถอย!!! อย่าหาว่าฉันโหดนะ”
โรสรินวิ่งเข้ามาจะตีตะวัน แต่สะดุดขาตัวเองล้มจริงๆ พลั่ก !! โอ๊ยยย ตะวันเข้าไปดึงโรสรินขึ้น
“ทีนี้จะเลิกบ้าได้รึยัง”
โรสรินทุบตะวัน “ปล่อยๆ ฉันนะ!!” ตะวันไม่สนใจอุ้มโรสรินขึ้นมาเลย
“ฉันเกลียดนาย ! เกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ตะวันชะงักกึ้ก กับทุกคำที่โรสรินพูด แต่พยายามทำเป็นไม่สนใจ จะไปต่อ
“ฉันเกลียด เกลียดคนอย่างนาย! นายมันทุเรศ บ้าอำนาจ ฉันรังเกียจคนอย่างนายที่สุด !!!”
ตะวันข่มใจ ทนไม่ไหวอีกต่อไป …
“ถ้ายังไม่อยากตายตอนนี้ หุบปาก! แล้วไปกับคนน่ารังเกียจคนนี้ได้แล้ว”
โรสรินสะบัดดิ้นหลุดจากตะวันจนได้..
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมให้นายสั่งฉันอีก ไม่ยอม ไม่…” โรสรินเริ่มจะตาลาย เห็นภาพทุกอย่างเบลอ ไปหมดแล้ว โรสรินใกล้หมดสติ
“ไม่… “
ร่างของโรสรินค่อยๆทรุด กองลงไปกับพื้นตะวันตกใจ “คุณโรส!!!”
ภายในบ้านตะวัน ชาญชักเครียดคอยถามน้ำค้างอย่างกังวล อึ่งและอาทิตย์ใช้ยาหอมรมจมูกอยู่เป็นระยะๆ
“ยังไม่ได้เรื่องอีกเหรอ ติดต่อไอ้ตะวันได้รึยัง”
น้ำค้างยกหูโทรศัพท์อยู่ส่ายหน้า เครียดมากๆ
“พี่ตะวันไม่รับโทรศัพท์ค่ะปู่”
พีระปึงปังเข้ามา พร้อมกับอุษาวดี
“คอยดูนะ ถ้าโรซี่สึกหรอแม้แต่นิดเดียว ผมฟ้องหมดทั้งตระกูลแน่ !!”
แย้ลูบอกถอนใจ “โชคดีที่ไอ้แย้ไม่ใช่คนตระกูลนี้
ชาญหยิบของใกล้มือเคาะหัวแย้ “ใช่เวลาเล่นมั้ย!”
น้ำค้างหงุดหงิดกับพีระ “เลิกบ้าซะที ตอนนี้ทุกคนก็เป็นห่วงทั้งสองคนนั่นกันทั้งนั้นแหละ”
“ห่วงภาษาอะไรถึงห้ามฉันไม่ให้ไปช่วยโรส พี่ชายเธอมันคลุ้มคลั่งไปแล้ว”
“เพราะฉันรู้ว่าหลานฉันมันไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ”
“ก็แค่คาดเดา ชีวิตโรซี่ไม่น่าตกอยู่ในกำมือคนบ้านนี้เลย”
“พี่พีโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรนะ”
“ใช่! สู้แจ้งความก็ไม่ได้ พีระกดโทรศัพท์
น้ำค้าง กับชาญตกใจ แจ้งความ !!
“ฮัลโหล ! เฮ้ย จะโทรแจ้งความ ทำไมมาถามว่าเอาไก่กี่ชิ้นวะ”
ทุกคนเสียเส้นที่เผลอตกใจไปในตอนแรก
อุษาวดีรู้สึกขายหน้า “พี่แหละกดเบอร์มั่ว โอ๊ย มีสติกับเค้าบ้างเป็นมั้ย!”
พีระจ๋อยๆ ยังไม่ทันจะแก้หน้า เสียงโทรศัพท์ดัง น้ำค้างรีบไปรับสาย
“ฮัลโหล ใช่ค่ะ ไร่ตะวันค่ะ … อะไรนะคะ” น้ำค้างชะงัก
ห้องคนไข้ในโรงพยาบาล โรสรินค่อยๆลืมตา ยังเบลออยู่เมื่อมองไปรอบๆ พอหันไปเห็นสายน้ำเกลือก็สะดุ้งโหยง แทบจะลุกขึ้น ได้ยินเสียงกิตติทัต
“อย่าลุกพรวดแบบนั้นสิเหยิน!”
โรสรินยังเบลออยู่ “เหยิน กล้าดียังไงเรียกฉันแบบนี้”
นายแพทย์หนุ่มกิตติทัตรีบเข้ามาดูโรสริน พอโรสรินเห็นหน้าเขาชัดๆก็อึ้งไป
“นายขาโก่ง !!”
กิตติทัตชะงักไปนิด “ เบาๆหน่อย นี่ที่ทำงานเรานะ ยัยเหยิน !”
โรสรินปิดปากตัวเอง แทบช็อค
“ฉันจัดฟันใหม่ตั้งชาตินึงแล้ว เรียกคนสวยอย่างฉัน แบบนั้นได้ไง เดี๋ยวก็จี๊ดส์ซะหรอก!
กิตติทัตหัวเราะ “ขนาดป่วยแทบตายยังจี๊ดส์ได้อีก คุณยังนิสัยไม่ดีเหมือนตอนมัธยมเลยนะ แล้วไปไง
มาไง มาอยู่แถวนี้ได้ เห็นคุณทีแรกผมงงไปเลย”
โรสรินนึกขึ้นได้ รีบจับแขนกิตติทัตไว้ทันที “ฉัน…ช่วยฉันด้วยนะ ฉันหนีคนๆ นึงมา”
กิตติทัตแปลกใจกับท่าทีหวาดหวั่นของโรสริน แอ๊ดดด !! ประตูเปิดออก ตะวันเดินเข้ามาพอดี
“นั่นไง คนนี้แหล่ะที่จะจับตัวฉันไปทำร้าย” โรสรินกอดแขนกิตติทัตแน่น
“คนเนี๊ยะนะ !!!”
โรสรินพยักหน้าสุดแรงเกิด
“แต่คุณตะวันเป็นคนที่พาคุณมาส่งโรงพยาบาลนะโรส”
โรสรินชะงัก “นายตะวันจะพาฉันไปฆ่าหมกป่าไม่ใช่เหรอ”
“ไปกันใหญ่แล้ว ว่าแต่คุณเถอะไปทำยังไงเข้า ถึงโดนพิษยาฆ่าหญ้าแบบนั้น มันถึงตายได้นะ ดีนะ ที่คุณตะวันพาคุณมารักษาทันเวลา”
โรสรินเหวอ ช็อคไป ตะวันกอดอก จ้องหน้าโรสรินแววตายังไม่หายโกรธ โรสรินช๊อก อึ้ง! ไม่อยากเชื่อ!!!
โรสรินอยู่ในห้องพักผู้ป่วยกับตะวันตามลำพัง กิตติทัตออกไปแล้ว โรสรินท่าทางอึดอัดมาก ตะวันทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ โรสรินผงะหนี ปรากฎว่าตะวันแค่จับสายน้ำเกลือใหม่ให้เข้าที่ โรสรินอึดอัดพูดไม่ออก จะทำยังไง พูดยังไงดี ตะวันเห็นท่าทีโรสรินก็ถอนใจ ไปดีกว่า จะเดินออก
“นาย!นายไม่โกรธ ฉันเหรอ”
ตะวัน หยุดเดิน
“ฉัน..ฉันทำให้กล้วยไม้นาย…เสียหาย ทำไม ถึงยังพาฉัน.. มาโรงพยาบาล”
แอ๊ดดด ประตูเปิดออกอีกหน ชาญ น้ำค้าง อึ่ง อาทิตย์ พีระ และอุษาวดี พากันเข้ามาในห้อง อึ่งจูงมืออาทิตย์ปรี่ไปหาโรสรินเลย
“ยังสวยเหมือนเดิม อึ่งกับคุณทิตย์คิดว่าพี่โรส จะม่องเท่งชักแหง่กๆๆ ไปแล้วซะอีก”
“หนูโรส เห็นหมอบอกว่าปลอดภัยแล้วนะ” ชาญตบบ่าตะวัน
“นึกว่าจะเดาผิดซะอีก ที่แท้แกก็พาหนูโรสเขามาหาหมออย่างที่ปู่คิดไว้จริงๆ”
ชาญหันไปแขวะพีระนิดๆ “ถ้านายนี่ตามไป คงขัดขวางไม่ถึงมือหมอพอดี”
พีระมองตะวันขวางๆ รีบเข้าไปหาโรสริน “โรส ผมเป็นห่วงคุณใจจะขาดนะรู้มั้ย”
“โรส เป็นยังไงบ้างคะ”
น้ำค้างคุยกับตะวัน
“น้ำค้างนับถือหัวใจพี่จริงๆ ถึงจะโกรธแทบตายแต่ยังเป็นห่วงถึงพาคุณโรสมาหาหมอ”
“ห่วงเหรอ? พี่ก็แค่ไม่อยากให้มีคนตายในไร่ของเราก็เท่านั้นเอง”
โรสรินอึ้งไปกับคำพูดของตะวัน ตะวันหันมาจ้องหน้าโรสรินสีหน้าผิดหวัง จากนั้นตะวันก็เดินหนีออกไป ทำให้โรสรินใจคอไม่อยู่กับตัว ไม่ได้สนใจพีระกับอุษาวดีที่มาถามไถ่อาการอยู่ข้างเตียง
ภายในห้องผู้ป่วย น้ำค้าง อึ่งและอาทิตย์ช่วยจัดของที่ชั้นวางข้างเตียงให้โรสริน ชาญนั่งอยู่ข้างเตียง
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่นางฟ้าจะทำอย่างนั้น… ไม่จริงใช่มั้ยคะ”
อาทิตย์จ้องหน้าน้ำค้างอย่างคาดหวังว่า คำตอบคือไม่จริง
“จริง”
อาทิตย์สีหน้าผิดหวัง โรสรินทำหน้าหยิ่งๆ ไม่รู้สึกสักนิดว่าทำผิด!
“ทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่า ใครๆก็รู้ ว่าพี่ตะวันหวงเรือนกล้วยไม้นั้นมาก”
“ก็แน่สิ สถานที่พลอดรักของนายตะวันนี่”
ชาญ อึ่งและน้ำค้าง “พลอดรัก!”
“ไม่ใช่นะพี่โรส พี่โรสเข้าใจผิดแล้ว”
ชาญเสียงเศร้า “พ่อแม่ของตะวัน เค้าช่วยกันเพาะกล้วยไม้พวกนั้นเอาไว้ ก่อนที่…จะประสบอุบัติเหตุเสียไปทั้งคู่น่ะหนูโรส
โรสรินชะงัก “อะไรนะ”
“มันก็เลยรักที่นั่นมาก ที่นั่นมันก็เหมือนกับหัวใจของไอ้ตะวัน”
โรสริน ยังไม่อยากเชื่อ “เอ่อ แต่ว่า.. มันไม่ใช่ที่ๆเค้า มานัดพบกับแฟน เหรอคะ?”
ชาญ น้ำค้าง อาทิตย์และอึ่งถึงกับงง
“ไม่มีทาง พี่ตะวันหวงจะตาย ขนาดพวกคนงานยังไม่ค่อยจะให้เข้า อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย..เรือนกล้วยไม้นั่นเป็นหัวใจของพี่ตะวันจริงๆค่ะ”
โรสรินอึ้ง แล้วที่ได้ยินมามันคืออะไร!!!
ที่สวนในโรงพยาบาล ตะวันออกมายืนสงบใจอยู่ข้างนอกได้สักพัก ชาญเดินออกมาหา
“ผมไม่เชื่อหรอกนะปู่ ! เรื่องที่ยัยโรสบอกว่าตั้งใจจะกำจัดวัชพืช”
แววตาตะวันปวดร้าวมาก ชาญเข้าใจความเจ็บปวดของหลานเสียจนพูดไม่ออก..จ๋อย
“ถึงผมจะพาเค้ามาโรงพยาบาล ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะยอมที่เค้าก่อเรื่อง มันคนละเรื่องกัน !”
ชาญยิ่งจ๋อยและพูดไม่ออก เพราะตะวันพูดถูก
“ปู่รู้ ว่าแกเสียใจกับเรื่องนี้มากแค่ไหน” ชาญจับบ่าตะวัน
“แกช่วยชีวิตคนแล้ว ช่วยให้โอกาสคนอีกสักครั้ง ปู่เชื่อว่าถ้าหนูโรสเขารู้ตัวว่าทำผิด เค้าต้องเสียใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน ปู่ยังเชื่อความดีในตัวของหนูโรส เค้าไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่แกคิดหรอก… ปู่พาทุกคนกลับไร่ก่อน แล้วพาหนูโรสเค้ากลับไร่ดีๆ อย่าไปโมโหเค้าอีกล่ะรู้มั้ย”
ปู่ชาญบีบไหล่ตะวันอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินไป ตะวันครุ่นคิดตัดสินใจ…
“ปู่ครับ ผมขอโทษ หวังว่าปู่คงเข้าใจผมนะครับ”
ภายในห้องพักผู้ป่วย โรสรินไม่อาจสลัดสิ่งที่ได้ยินออกไปจากหัว ขณะที่พีระและอุษาวดีซื้อของมาเอาใจสารพัด
“คุณเก่งมากเลยนะโรซี่ ทำเอาไอ้หมอนั่นมันหน้าซีดไปเลย..ที่ดอกไม้มันตาย”
โรสรินได้ฟังพีระพูด ยิ่งสะท้อนใจชอบกล
“แต่ถ้าคุณไม่โดนพิษยาฆ่าหญ้าก็จะดีกว่านี้ เป็นความผิดของผมเอง”
“พี่พีไปซื้อของบำรุงพวกนี้มาเพื่อโรสโดยเฉพาะเลยนะ อยากได้อะไรอีกบอกพวกเราเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
โรสรินไม่ค่อยได้ฟังทั้งสองคน ใจยังนึกห่วงแต่เรื่องที่ไปทำร้ายจิตใจตะวันเข้า โรสรินคิดว่าจะทำยังไงดี
พลันเสียงโทรศัพท์มือถือ อุษาวดีดังขึ้น
“ลูกค้าอุษาโทรมา ขอไปคุยงานก่อนนะคะ” อุษาวดีเดินออกไป
พีระลุกขึ้น “เดี๋ยวพีมานะจ๊ะ ไปห้องน้ำแป็บเดียว”
โรสรินพยักหน้า พอพีระคล้อยหลังไป โรสรินคิดและตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ในสวนของโรงพยาบาล ตะวันครุ่นคิดเรื่องที่ชาญบอก ภาพเมื่อครู่ผุดขึ้นมาในความคิด
“แกช่วยชีวิตคนแล้ว ช่วยให้โอกาสคนอีกสักครั้ง ปู่เชื่อว่าถ้าหนูโรสเขารู้ตัวว่าทำผิด เค้าต้องเสียใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน ปู่ยังเชื่อความดีในตัวของหนูโรส เค้าไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่แกคิดหรอก…”
ตะวันถอนใจเรียกสติคืนกลับมา
“แข็งใจหน่อยตะวัน อย่าใจอ่อนเด็ดขาด”
ด้านโรสรินเดินออกมาเมียงๆมองๆ เห็นตะวันยืนอยู่ไกลๆ โรสรินรวบรวมความกล้าจะเดินไปหาตะวัน
แต่กิตติทัตเดินผ่านมาพอดี
“เหยิน ! ออกมาเดินเพ่นพ่านได้ยังไง ใครให้มา”
“นายขาโก่ง.. ฉันมีธุระ แค่แป๊บเดียว..นะ”
แต่แล้วโรสรินก็ทรุด เพราะยังไม่แข็งแรงดีพอ กิตติทัตประคองโรสรินไว้อย่างเป็นห่วง ดูเหมือนกับว่าทั้งสองโอบกอดกันอยู่
“นี่ไงล่ะ หมอเตือนแล้วก็ไม่รู้จักเชื่อ ดื้อจริงๆ”
กิตติทัตมองหน้าโรสรินใกล้ๆ รู้สึกหวิวใจบอกไม่ถูก ตะวันกำลังจะเดินออกไปหันมา เห็นภาพนั้นเข้าถึงกับนิ่งไปเลย ทางด้านโรสรินและกิตติทัตรู้สึกตัวว่าใกล้ชิดกันมากไปแล้ว ก็ผละออกมา โรสรินรีบหันกลับไปมองตะวัน แต่ปรากฏว่าเขาหายไปแล้ว โรสรินถอนใจอย่างเสียดาย
กิตติทัตประคองโรสรินเข้ามาส่งที่ห้อง พีระและอุษาวดีรีบมารับ
“โรส คุณออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมตกใจหมด”
“แล้วนี่โรสไปไหนมาคะ จะเอาอะไรทำไมไม่บอกอุษา”
“เอาเป็นว่าพวกคุณ เฝ้าคนไข้ดีๆก็แล้วกันนะครับ เหยิน กลับไปนอนเลยไป แข็งแรงแล้วค่อยซ่าส์”
พีระหน้าเหวอ “เมื่อกี๊หมอว่าไงนะ เรียกโรซี่ว่าอะไรนะ”
“อ้อ โทษที พอดี ผมเป็นเพื่อนกับเหยิน เอ๊ย! โรส มาตั้งแต่สมัยเรียนน่ะ”
โรสทั้งเคืองและอาย
“พูดมาก! อย่าไปเชื่อเค้าน่ะ”
“ฝากพวกคุณ ดูคนไข้ไม่ให้ออกไปเพ่นพ่านอีกนะครับ”
อุษาวดีฟังๆหมอไป เกิดระแวงขึ้นมา เอามือขึ้นปิดปากซะงั้น กิตติทัตยิ้ม
“เอ่อ คุณไม่เหยินนะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก” พูดจบกิตติทัตเดินออกไป
อุษาวดีเหวอ “ตาไวมากเลยอ่ะ!!”
“ปากก็ไวด้วย เสียมารยาทจริงๆ เรียกคนสวยอย่างโรซี่ว่าเหยินได้ยังไง”
ผลั๊วะ ! ประตูห้องผู้ป่วยเปิดเข้ามาอีกครั้ง ปรากฎว่าเป็นตะวัน เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าของโรสริน ตะวันโยนกระเป๋าตกลงที่ข้างเตียง ทุกคนหันมองตะวันอย่างอึ้งๆ
“นี่นาย”
ตะวันจ้องหน้าโรสริน “ถ้าหายดีแล้ว ก็รีบๆ กลับบ้านคุณไปซะ ไร่ตะวันไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ ต่อไปนี้ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องมาอดทนอยู่ร่วมกันอีกแล้ว” ตะวันพูดอย่างจริงจัง
บริเวณทางเดินในโรงพยาบาล พีระเดินลากกระเป๋าให้โรสริน สีหน้าลัลล้ามากๆ อุษาวดีเองก็โล่งใจที่ภารกิจตามตัวโรสรินกลับกรุงเทพลุล่วงซะที ขณะที่โรสรินสีหน้าเครียดๆ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เยสๆๆๆ! สุดท้ายไอ้ตะวันมันก็แพ้ให้กับความร้ายของโรซี่จนได้”
อุษาวดีชะงัก “แน่ใจนะพี่พีว่าเนี่ยคือคำชม”
“ชมสิ พวกเราน่ะทำถูกแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่มีวันปล่อยโรซี่ไปหรอก”
อุษาวดีหันมองหน้าโรสริน “โรส… คิดอะไรอยู่เหรอ”
โรสรินไม่ตอบ ได้แต่เดินครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“คิดมากน่า… โรซี่ออกจากคุกแล้วนะ โรซี่เป็นอิสระแล้ว”
พีระยิ้มให้แล้วเดินลากกระเป๋าผิวปากสบายใจออกไป ในขณะที่โรสรินสีหน้าไม่สบายใจเลย
ที่ลานจอดรถ โรงพยาบาล พีระและอุษาวดีช่วยกันขนกระเป๋าของโรสรินขึ้นรถ ทั้งหมดกำลังจะขึ้นรถ พีระเปิดประตูให้โรสริน
“พีจะให้คนเอารถของโรซี่กลับกรุงเทพเองนะ”
“รีบไปเถอะโรส เดี๋ยวนายตะวันเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”
ตะวันขับรถกระบะผ่านเข้ามาพอดี
“ไอ้บ้าเอ๊ย! พูดปุ๊บมาปั๊บ”
โรสรินกำลังจะขึ้นรถหันขวับไปมอง แล้วตัดสินใจวิ่งไปยืนขวางรถตะวัน กางมือขวาง
พีระช๊อก “โรซี่จะทำอะไร!!!”
ตะวันเบรกเอี๊ยดเกือบจะชนโรสรินอยู่แล้ว!!!!
พีระและอุษาวดีช๊อก “โรซี่!!! / โรส!!!”
ผลั๊วะ ตะวันเปิดประตูรถ เดินมาหาอย่างไม่พอใจ
“จะแผลงฤทธิ์จนหยดสุดท้ายเลยใช่มั้ย!!!”
พีระและอุษาวดี รีบวิ่งไปดึงตัวโรสรินออกมา แต่โรสรินไม่ยอมขยับ
โรสรินปรี๊ด “พีระ อุษา อย่ายุ่ง!!!”
พีระ อุษาวดี ปล่อยมือออกจากโรสรินอย่างกลัวๆ
“ได้กลับบ้านแล้วยังไม่พอใจเหรอ คุณยังต้องการอะไรอีก”
โรสรินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันจะกลับไร่ตะวัน!!!”
ทุกคนช๊อกกันหมด
“กลับไปทำไมอีก !!! ผมรู้ว่าคำสัญญาที่ปู่คุณกับปู่ผมตกลงกันมันสำคัญมาก แต่ผมจะคุยกับปู่ให้เข้าใจ คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะเป็นเมียผม ผมไม่เอา!!!”
โรสรินชี้หน้าตะวัน “หุบปาก ฟังแล้วอี๋…จะอ้วก เลิกพูดมากแล้วพาฉันกลับไร่เดี๋ยวนี้!”
ตะวันเดินเข้าไปประจันหน้า “เท่าที่ทำไว้ยังสะใจไม่พอใจมั้ย!!!”
“ฉันไม่อยากไปเหยียบที่นั่นนักหรอก แต่ว่าฉันจำเป็นต้องกลับ”
“เพื่ออะไร??? ในฐานะเจ้าของไร่ตะวัน ผมไม่ต้อนรับคุณ!”
โรสรินจ้องหน้า “เรื่องนั้นฉันไม่สน”
ตะวันโกรธ “คุณต้องการอะไรกันแน่ จะกลับไปอีกทำไม!!!”
โรสรินเดินเข้าไปหา “แก้ไข” น้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
“แก้ไขอะไร? ไม่จำเป็น เพราะคนอย่างคุณทำเรื่องดีๆ ไม่เป็น!!”
“ฉันไม่ได้อยากทำเพื่อนาย แต่ฉันทำเพื่อตัวเอง”
ตะวันทำเสียงเยาะ
“นั่นไง!! คุณมันก็ไอ้คนเห็นแก่ตัว ทำไมล่ะ! อยากเห็นคนอื่นเค้าเดือดร้อนอะไรอีก สนุกมากนักใช่มั้ย?”
โรสรินจ้องหน้า จริงจัง “ฉันอยากทำเพื่อลบความรู้สึกผิดของตัวเอง”
ตะวันอึ้ง ก่อนจะเยาะเย้ย “คนอย่างคุณเนี่ยนะจะรู้สึกผิด?!!”
จากนั้นทำเสียงเข้ม เอาจริง “ไปซะ!! ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคุณ”
“ตกลงจะไม่ให้ไปด้วยใช่มั้ย ได้!”
โรสรินผลักตะวันออกไป แล้วรีบขึ้นรถกระบะของตะวัน โรสรินปิดประตูแล้วจะขับออกไปเลย ทำเอาทุกคนช๊อกกันหมด ตะวันวิ่งขวางหน้ารถ
“โรส คุณโรสลงมาเดี๋ยวนี้ ผมสั่งให้คุณลงมา ลงมา!!!”
โรสรินไม่สน เข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกไปเลย
ตะวันกระโดดหลบ “เฮ้ยยยยยย !!!”
ตะวันรีบวิ่งตามแล้วกระโดดขึ้นท้ายรถกระบะ รถกระบะขับฟิ้วออกไป
อุษาวดีช๊อก “ ยัยโรสอารมณ์ติสต์ไปไหนเนี่ย!”
พีระช๊อก “ อะไรวะเนี๊ย ออกจากนรกแล้วยังกลับเข้าไปอีก !!!”
ทั้งสองมองไปทางรถที่โรสรินขับออกไปอย่างช๊อกๆ
ถนนไปสู่ไร่ตะวัน ตะวันอยู่ที่ท้ายรถกระบะ ตบกระจกรถให้โรสรินจอดรถ
“หยุด หยุดรถ คุณโรส หยุดสักที ผมสั่งให้หยุ…”
โรสรินเหยียบเบรกเอี๊ยดดดด ตะวันล้มกลิ้งกระแทกกระจกตามแรงเหวี่ยง โรสรินเปิดประตูพลั๊วะลงจากรถ
“โอ๊ย จะบ้าเหรอคุณ หยุดรถทำไม” ตะวันคลำหัวป้อยๆ
“ก็เมื่อกี๊แมวตัวไหนมันร้องให้หยุดล่ะ”
ตะวันลงจากท้ายกระบะ “ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ ว่ะ ! ในหัวคุณคิดแต่จะหาทางไปให้พ้นๆ จากไร่ตะวัน แต่ทำไม”
“เข้าใจอะไรง่ายๆ เป็นบ้างมั้ย ใช่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่ใกล้นาย”
ตะวันอึ้ง!!โรสรินก็ชะงักที่พูดแรงออกไป แต่ก็ยังเก็กพูดต่อ
“แต่ฉันไม่อยากจากไปแล้วให้ทุกคนที่นั่นเกลียดฉัน เพราะสิ่งที่ฉัน” โรสรินชะงักนิดนึง “ได้ทำไว้!!!”
“สำนึกผิดเป็นกะเค้าด้วย?”
โรสรินยังดื้อแพ่ง
“ใคร? ใครสำนึกผิด? ฉันไม่เคยทำอะไรผิดซักกะหน่อย แล้วเรื่องไรฉันจะต้องสำนึกผิดยะ??”
ตะวันเซ็ง “แล้วไง??”
“ฉันก็“ โรสรินยักไหล่ “แค่พอจะเข้าใจอ่ะนะว่าถ้ามีใครมาทำลายสิ่งที่ฉันรัก ฉันไม่มีวันให้อภัย!”
“แล้วคิดเหรอว่าผมจะให้อภัยคุณ”
โรสรินยักไหล่
“ไม่แคร์ ไม่คิด เลยซักนิ๊ส ฉันก็แค่อาจจะกลับไปทำแปลงกล้วยไม้ของนายให้สวยงามเหมือนเดิม- – ก็แค่นั้น!!”
โรสรินเดินเข้าไปใกล้ๆ ตะวัน มองหน้าอย่างท้าทาย
“แต่เสร็จงานเมื่อไหร่ ชาตินี้นายจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีก!!”
ตะวันเย้ยๆ “คุณทำไม่ได้หรอก”
โรสรินจ้องหน้า “ผู้ชายรึเปล่า?? ดูถูกผู้หญิง”
ตะวันจ้องกลับ “ก็เฉพาะผู้หญิงอย่างคุณ!!”
“คอยดู!! ผู้หญิงอย่างฉัน จะทำให้ผู้ชายอย่างนายต้องมาสยบแทบเท้าฉัน” โรสรินชี้เท้าตัวเอง
ตะวันมองหน้า “ฝันไปเถอะ”
โรสรินแค้นสุดๆ “ไอ้บ้า!!!!”
แล้วโรสรินก็รีบขึ้นรถปิดประตูปัง ขับออกไปเลย ตะวันเหวอ! วิ่งตาม
“เฮ้ย ยัยตัวแสบ รอกันก่อนสิ!” ตะวันวิ่งตามแล้วปีนขึ้นท้ายรถกระบะไปอย่างทุลักทุเล
ตะวันเดินหงุดหงิดเข้ามาในบ้าน ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่
“มาแล้วๆๆ พี่ตะวันกลับมาแล้ว”
ชาญยิ้ม “อ้าวเฮ้ย หนูโรสล่ะ ไปชวนมากินข้าวกันก่อนสิวะ”
“ผมขอโทษนะปู่ ผมไล่ยัยโรสกลับกรุงเทพไปแล้ว”
ทุกคนช๊อกไปเลย ชาญโมโหตบโต๊ะเปรี้ยง
“ไล่กลับกรุงเทพเหรอ !!! ถ้ากล้าฉีกสัญญาของปู่ งั้นแต่งเลยเว้ย พรุ่งนี้แห่ขันหมาก
ตะวันถอนใจ “ฟังให้จบก่อน ผมไล่ แต่ยัยนั่นไม่ยอมไป”
อาทิตย์และอึ่งมองหน้ากันอย่างดีใจ ส่วนน้ำค้างอึ้ง
“ไม่ยอมไป ทั้งๆ ที่มีโอกาสแล้วงั้นเหรอคะ”
อึ่งจับมืออาทิตย์ ดีใจ
“คุณทิตย์ดีใจมั้ย พี่นางฟ้าคนสวยอยากอยู่กับเรา พี่นางฟ้าไม่ไปไหนแล้ว”
อาทิตย์ยิ้มพยักหน้าให้หงึกๆ อึ่งดีใจ
“เย้ๆๆ พี่นางฟ้ากลับมาแล้ว”
ตะวันพึมพำ “นางฟ้าที่ไหน?? นังแม่มดชัดๆ”
“ฮั่นแน่!!! “รักแท้ แพ้แม่มด” นะลูกพี่ – – ไอ้ด่ากันไปกันมาแบบนี้ แย้เห็นมาหลายรายแล้ว – – สุดท้ายก็
ได้กัน ฮ่าๆๆๆ”
ตะวันมองแย้ “จะไม่มีชีวิตอยู่ได้เห็นอะไรอีกก็วันนี้แล้วล่ะไอ้แย้”
“แอ้ยยย!! โห..แรงอ่ะลูกพี่ แหม…พูดจี้ใจดำทำเป็นยัวะ!!“
ตะวันขยับตัวจะเตะแย้ แย้รีบวิ่งไปหลบหลังปู่
“ปู่..ช่วยด้วย!!”
ชาญห้ามทัพ แล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจและโล่งใจ
“นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ ขนาดตะวันไล่หนีแต่หนูโรสก็ยังกลับมา เอาล่ะเว้ย มีลุ้นแล้วโว้ย”
“เลิกฝันเถอะปู่ แล้วเตรียมรับมือกับหายนะจากยัยคุณหนูมหาประลัยนั่นได้เลย”
แล้วตะวันก็เดินออกไปอย่างหงุดหงิดกว่าเดิม ชาญและน้ำค้างมองหน้ากันอย่างแอบแหยงๆ แล้วชาญก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเครียดขึ้นมา
ภายในห้องทำงานณรงค์ โรงแรมควีนโรส ณรงค์นั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังมองรูปถ่ายโรสรินในมือตัวเอง สีหน้าคิดถึงหลานจับใจ
“โรส โรสต้องอดทนนะลูก ที่ปู่ทำแบบนี้ก็เพราะอนาคตของหลานเอง ถ้าเลือกจะไม่แต่งงานก็ต้องอดทน แค่ปีเดียวเอง ทนหน่อยนะลูกนะ”
ยุนอานั่งทำงานอยู่ไม่ห่างนัก อดสาระแนขึ้นมาไม่ได้
“ขอโทษนะคะท่าน ถ้าคิดถึงทำไมไม่โทรไปหาล่ะคะ ยุนอาโทรหาให้ก็ได้เอามั้ยคะ?”
“ไม่! ฉันจะไม่ใจอ่อน โรสอดทนอยู่ได้ ฉันก็ต้องอดทนคิดถึงโรสได้เหมือนกัน”
ณรงค์หยิบรูปถ่ายโรสรินไปวางไว้ที่ชั้นตามเดิมอย่างแข็งใจไม่ให้คิดถึง
“สุดยอดเลยค่ะ” ยุนอายกนิ้วให้ “ท่านประธานเด็ดขาดจริงๆ “
แล้วณรงค์ก็หยิบรูปถ่ายโรสรินอีกกรอบหนึ่งมาดู สีหน้าแบบว่าคิดถึงมาก
“โรส กินอิ่มนอนหลับมั้ยลูก อยู่สบายดีรึเปล่า”
ยุนอาหันหน้าหนี แอบเมาท์ “แม๊ ชมยังไม่ทันจะขาดคำเล้ย”
สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือณรงค์ดังขึ้น ณรงค์มองหน้าจอ ชะงักไปนิดหนึ่ง
“ว่าไงไอ้ปากห้อย มีอะไร จะขอคำปรึกษาเหรอ?? เออได้ โอเค รีบมา แล้วเจอกัน!”
ณรงค์สีหน้าครุ่นคิดๆ ชาญอยากจะปรึกษาอะไร?
ภายในห้องนวดวีไอพี ร้านนวดแผนไทย ณรงค์และชาญนอนให้นวดอยู่ข้างๆ กัน แย้นอนอยู่เตียงถัดไป
“ไอ้ห้อย โรสหลานข้าอยู่สุขสบายดีใช่มั้ย “
ชาญสะดุ้งนิดหนึ่ง “สบ๊าย ไม่มีปัญหา กินอิ่มนอนหลับสุขภาพดีมีความสุข”
แย้เหล่ๆ กระแอม “จริงรึ”
“จริงซิ”
“แน่นะ…”
ชาญรำคาญหันไปบอกหมอนวดที่นวดให้แย้อยู่
“ไอ้เวรนี่มันชอบหนักๆ จัดให้มันหน่อยครับหมอ”
หมอนวดกดศอกลงไปที่ต้นขาแย้ แย้ร้องจ๊ากกกกกกกกกกก
“โอ๊ยยย ก็แย้พูดความจริง คราวก่อนคุณโรสก็เพิ่งเข้าโรงหมอไปหยกๆ” แย้รีบปิดปากตัวเอง
“หุบปากไปเลยไอ้แย้ ข้าจะคุยธุระสำคัญนะโว้ย ไม่น่าพามันมาด้วยเล้ย” ชาญบ่นๆ
ณรงค์ปรี๊ด “เฮ้ยๆๆ ไอ้ชาญ ตกลงยังไงวะ นี่เอ็งดูแลหลานข้ายังไง ถ้าหลานข้าเป็นอะไรขึ้นมา เอ็งตาย” ณรงค์บีบคอชาญ หมอนวดช่วยกันห้ามเป็นพัลวัล
“เฮ้ย ใจเย็นก่อนโวย ก็แค่ไปเช็คสุขภาพนิดๆ หน่อยๆ” ชาญแก้ตัว
“เออ แน่นะเว้ย! แล้วนี่โรสได้สร้างปัญหาอะไรให้ทางไร่ตะวันหนักใจบ้างมั้ย”
“ก็มีบ้าง แต่ไม่มาก เอ็งไม่ต้องกังวลหรอก แต่ที่เอ็งกับข้าต้องกังวลก็คือ หมู่นี้หนูโรสกับตะวันชักจะเขม่นกันหนักข้อขึ้นทุกวัน เอ็งมีวิธีทำให้หนุ่มสาวเค้าเลิกเถียงกันแล้วมาจูบปากรักกันมั้ยวะ”
ณรงค์หนักใจ “คิดไว้ไม่มีผิด โรสคงไม่เลิกพยศง่ายๆ แต่มันก็ยังพอมีทางเว้ย”
“ยังไง”
“ถ้าโรสกับตะวันยังไม่ดีกันซะที มันก็ต้องมีตัวช่วย???” ณรงค์ยิ้ม
“ตัวช่วย???”
ที่ร้านกาแฟบรรยากาศดี ยุนอากับแย้นั่งจิบกาแฟอยู่โต๊ะหนึ่ง แย้ทำกรุ้มกริ่มๆ
“ผมคงต้องติดสอยห้อยตามปู่ชาญเข้ากรุงอีกเรื่อยๆ แล้วเราก็คงได้พบหน้ากันอีกบ่อยๆ ไม่ทราบว่าคุณชื่อ…”
“ยุพา… อุ๊ย ตายจริง นั่นชื่อที่แม่ตั้ง แต่ณ ปัจจุบัน ใครๆก็เรียกฉันว่า “ยุนอา””
“คุณอา?”
ยุนอาปี๊ด “ยุนอาย่ะ นางเอกหนังเกาหลี แล้วคุณ…”
“แย้ครับ ถึงหน้าจะแย่ แต่ก็แพ้ใจเธอนะ” แย้ทำมือไอเลิฟยู
“ยังไงเราก็รู้จักกันแล้ว ขอเบอร์หน่อยได้ป่ะ”
แย้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะเมมเบอร์
“นานๆ จะมีผู้ชายขอเบอร์ซะที เมมนะ… 316980…”
“ดะดะดะ เดี๋ยว เบอร์อะไรเนี่ย”
“เบอร์บัญชีธนาคารค่ะ ถ้าคิดถึงก็โอนเงินมาอย่างเดียว.. ไม่ต้องโทรมานะ”
“บ้าจริงเชียว สวยแล้วยังขี้เล่นอีกนะเนี่ย ชอบๆๆ”
ขณะที่แย้หยอกล้อกับยุนอา ณรงค์กับชาญที่นั่งปรึกษากันอยู่ ชาญยกกาแฟจิบ
“พูดถึงเรื่องตัวช่วยมันก็น่าสนใจ แต่ข้าก็แก่แล้วคงจะช่วยอะไรได้ไม่ถนัด เอาวะ ข้าจะลองคิดดูว่าใครมันจะช่วยได้”
“ดี แล้วอีกอย่างนะ ไร่ตะวันหันไปทางไหนก็เจอแต่ดอกไม้ ไม่รู้ยัยโรสจะเบื่อขึ้นมาตอนไหน น่าจะให้ตะวันพาโรสไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้าง บางทีเดินเที่ยวเล่นกันไปมา อาจจะไปเดินเล่นในหัวใจกันก็ได้นะเว้ย”
ชาญยิ้ม “เออเว้ย เข้าท่าๆ ไม่เสียแรงที่มาหาจริงๆ “
ณรงค์จิบกาแฟสีหน้าเครียดๆ ขึ้นมา
“เฮ้ย คิดอะไรอยู่วะ”
“โรสกับตะวัน เข้าใจถึงสัญญาของเราดีใช่มั้ย วันดีคืนดีจะฉีกสัญญาทิ้งไม่ได้นะเว้ย “
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี เพราะถ้าหนูโรสหนีมาปุ๊บ”
“แต่งปั๊บ!!! แล้วถ้าตะวันไล่หนูโรสจนขนกระเป๋าเสื้อผ้ากลับมาล่ะ”
“แต่งปุ๊บ!!!”
ณรงค์และชาญยิ้มๆ ให้กัน แล้วจับมือสัญญา
“ดี ฉันฝากให้ไร่ตะวันเปลี่ยนแม่มดร้ายให้กลายเป็นนางฟ้าด้วยแล้วกัน”
“ไอ้ตะวันจะเป็นเทวดาที่จะคู่กับนางฟ้านางนั้นเอง”
หน้าบ้านพักโรสริน คืนนั้นพีระและอุษาวดีพยายามกล่อมให้โรสรินเปลี่ยนใจ ด้วยแววตาอ้อนวอนสุดๆๆ
“โธ่โรซี่.. โรซี่แก้ไขอะไรไม่ได้ โรซี่ทำงานหนักไม่เป็น มือก็นุ่มยังกับก้นเด็ก จะไปจับจอบจับพลั่วทำไม”
“ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ความจริงคือโรสไม่มีทางทำแปลงกล้วยไม้สำเร็จหรอก”
“ถูก! โรซี่ทำเรื่องที่มันใหญ่เกินตัวไม่ได้ กลับบ้านเถอะนะ เค้าขอร้อง”
พีระจับมือโรสริน โรสรินสะบัดมือออกอย่างแรง
“คำว่าโรสทำอะไรไม่เป็น โรสได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แล้วจะให้โรสยอมรับกับคำคำนี้ไปถึงวันตายเลยใช่มั้ย!!!”
“แต่ไม่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยตัวเองก็ได้นี่แก มันยังมีวิธีอื่นอีกตั้งเยอะ”
“เชื่อพีนะ…โรซี่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เพื่อใครยอมรับ”
“ไม่มีใครรู้จักโรสเลย โรสไม่เคยอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง!!!”
พีระกับอุษาวดีหันมามองหน้ากันอย่างจ๋อยๆ
“โรสแค่ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วถ้าเซ้าซี้อีกก็ไปให้พ้นๆ ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า”
ตะวันแอบมองโรสรินที่กำลังปรี๊ด แล้วส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ
“หึ… ทำในสิ่งที่ถูกต้อง – – รู้ด้วยเหรอว่าอะไรถูก? อะไรผิด?? ยัยกุหลาบร้าย!!!”
ที่ห้องพักพีระ น้ำค้างทำหน้าหงิกยื่นพวงกุญแจห้องให้อุษาวดี พีระสีหน้าหงุดหงิดตบยุงเพี๊ยะๆ
“ทำไมไม่เอากุญแจมาให้พรุ่งนี้เลยล่ะ ช้ากว่านี้ฉันจะปีนหน้าต่างนอนห้องเธอแล้วนะ”
“ปากแบบนี้น่าจะให้ยุงดูดเลือดจนหมดตัว มาอาศัยบ้านคนอื่นฟรีๆ งานก็ไม่ช่วย แถมยังทำตัวน่ารังเกียจอีก นี่ถ้าปู่ฉันไม่เมตตาให้นายซุกหัวนอนได้ฟรีๆ ฉันไล่ออกไปนานแล้ว”
จากนั้นน้ำค้างก็เดินหงุดหงิดออกไป พีระอ้าปากค้างเถียงไม่ทัน
“ปากคนหรือปืนกลวะเนี่ย รัวเป็นชุด!!!” อุษาวดีสะกิด
“พี่พีถ้าจะอยู่ดูแลโรสก็ตามใจนะ อุษาคงต้องกลับไปทำงานแล้ว”
“ทิ้งกันได้ไง รีบโอนงานแล้วหาคนที่ไว้ใจได้ดูแลบริษัทของเราด่วนเลย” พีระสั่ง
อุษาวดีอึ้ง “เอางั้นเลยเหรอ แต่..”
“ไม่มีแต่ ไม่มีข้อแม้ เธอต้องอยู่ช่วยพี่ที่นี่ โรซี่เปลี่ยนใจอยู่ที่นี่ยังพอรับได้ แต่ถ้าเปลี่ยนใจชอบนายตะวันขึ้นมาจะรับยังไงไหว”
อุษาวดีหวั่นใจ “แล้วนี่เราจะอยู่กันนานแค่ไหน”
“ไม่รู้ ถ้าโรซี่ไม่กลับเราก็ไม่กลับ!!”
“มีเหตุผลหน่อยสิพี่พี หลายครั้งแล้วนะ ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้เยอะๆ ได้มั้ย”
“เหตุผลเดียวตอนนี้ของพี่ก็คือทำให้โรสรินกลับบ้านให้ได้ เรื่องอื่น…ไม่สน!”
“ทำไมต้องยอมทิ้งทุกอย่างถึงขนาดนี้”
“ถ้าเธอรักใครสักคน ชนิดที่ว่าต่อให้ตายก็ไม่คิดจะรักใครอีก เธอจะเข้าใจพี่” พีระพูดอย่างจริงจังแล้วก็ไขกุญแจเข้าห้องไปเลย ทิ้งให้อุษาวดียืนเอ๋อๆ อยู่ตรงนั้น
ตะวันนอนหลับสนิทบนเตียง เสียงเคาะประตูห้องดัง ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รัวไม่ยั้ง ตะวันพลิกตัวเอาหมอนปิดหู แต่เสียงเคาะประตูก็ยังดังไม่หยุด ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!! ตะวันงัวเงียมากๆ
“ได้ยินๆ แล้ว อะไร มีอะไร มนุษย์ต่างดาวบุกไร่เรารึไง”
เสียงเคาะประตูยังดังไม่หยุดปังๆๆๆๆ ตะวันงัวเงียเดินไปเปิดประตู ตะวันเปิดประตูออกมา
กลายเป็นโรสรินที่กำลังเคาะประตูห้องอยู่ เคาะเต็มหัวตะวัน
“โอ๊ยๆๆๆ อะไรของคุณเนี่ย!”
“ปลุกตั้งนานทำไมยังไม่ตื่น กี่โมงแล้วรู้มั้ย”
ตะวันหันมองนาฬิกาผนังห้องอย่างงัวเงียมาก
“ตีห้า”
“เป๊ะ! คนไร่ตะวันเริ่มงานตอนนี้ไม่ใช่เหรอ ตื่นได้แล้ว”
“มาขยันอะไรตอนนี้”
“เลิกบ่นแล้วสะบัดก้นลุกออกไปที่ฟาร์มกับฉันเลย เร็วเข้า”
โรสรินเดินหนีออกไป ตะวันยังคงงัวเงียอยู่
“ผีอะไรเข้าสิงวะเนี่ย” ตะวันหาว
โรสรินพรวดเข้ามาอีกทีตะวันสะดุ้ง
“ยังไม่ตามมาอีก ไปเดี๋ยวนี้ เร็ว!!!”
แล้วโรสรินก็เดินออกไป ตะวันมองตามอย่างงงสุดๆ
ตะวันยังคงงัวเงียอยู่หน้าแปลงกล้วยไม้ โรสรินแหวกผ้าตรงประตูโรงกล้วยไม้ เห็นเป็นที่โล่งๆ
“ฉันจะทำให้โรงกล้วยไม้ของนายกลับมาเป็นเหมือนเดิม” โรสรินหันมามองหน้าตะวัน
“กล้วยไม้อยู่ไหนจะได้เอามาแขวนให้มันครบๆ “
ตะวันอึ้งหันมาดีดหูโรสริน
“บ้าเหรอ! มันไม่ได้ง่ายๆ แบบนั้น!!! กล้วยไม้ทุกต้นในโรงนี้เป็นกล้วยไม้หายาก ผมเพาะมันขึ้นมาเองกับมือ”
“ห๊า ดะเดี๋ยวนะ ฉันต้องปลูกกล้วยไม้ทดแทนให้นายงั้นเหรอ”
“ถ้าคุณอยากชดใช้ คำตอบก็คือใช่”
“แล้วกว่าจะโต ฉันไม่อยู่ที่นี่จนแก่เลยเหรอ”
“ถ้าผมยอมให้คุณอยู่จนแก่ ผมคงเป็นบ้าตายไปก่อนละ”
“เลิกพูดมาก ปากจัด แล้วลงมือสอนฉันเดี๋ยวนี้เลย!” โรสรินสีหน้ามุ่งมั่น
“ตามผมมา…” ตะวันเดินออกไป โรสรินเดินตามไปอย่างร้อนใจ
ในความฝันของพีระ พีระเดินหันซ้ายขวามองหาโรสรินในบริเวณไร่ตะวัน
“โรซี่ โรซี่ คุณอยู่ไหนน่ะ โรซี่คุณอยู่ที่ไหน”
พีระหันมองซ้ายขวา เห็นโรสรินกำลังเดินตามตะวันมา พีระรีบหลบมุมแอบดู
พีระพึมพำ “มันจะพาโรซี่ไปไหน?”
โรสรินเดินตามตะวัน ตะวันหยุดเดินหันมอง
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าที่คุณยอมกลับมาที่ไร่ เพราะคุณอยากจะกลับมาปลูกกล้วยไม้ให้ผม สารภาพมาซะ
ดีๆ”
โรสรินถอนใจ “จะช้าหรือเร็ว นายก็คงต้องรู้ ใช่ ฉันไม่ได้อยากแก้ไขอะไรเลย แต่ว่า…”
พีระกำลังลุ้นสุดๆ ว่าโรสรินจะตอบว่าอะไร โรสรินอึกอัก
“ที่ฉันกลับมาเพราะว่า…เพราะว่าฉัน ฉัน ฉันคงอดคิดถึงนายไม่ได้ ฉันเพิ่งรู้ใจตัวเองว่า ฉัน… ฉันรักนาย…”
ตะวันอึ้ง “คุณโรส…” โรสรินโผเข้ากอดตะวัน
“ตะวันฉันรักนาย ฉันรักนายจริงๆ นะ”
ตะวันลูบหัวโรสริน ยิ้มให้ “ผมเชื่อแล้วครับ โรสริน ผมก็รักคุณ”
พีระช๊อกสุดๆ เดินออกมามองภาพบาดตา เข่าทรุดลงกับพื้น
“ไม่…ต้องไม่ใช่แบบนี้ ไม่ม่ม่ ไม่ม่จริ๊งงงง”
โรสรินกับตะวันที่กอดกันอยู่หันมามองพีระแล้วหัวเราะอย่างสะใจ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พีระช๊อก “ไม่ม่… ไม่ม่ม่ม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้…”
พีระสะดุ้งพรวดลุกนั่งที่เตียง สีหน้าสยดสยองกับฝันร้าย
“ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงง ม๊ายยยยย!!”
อุษาวดีนอนเตียงข้างๆ สะดุ้งตกใจตื่นหันมามอง พีระลุกขึ้นจะออกจากห้อง อุษาวดีรีบตามไปฉุดไว้
“ไม่ม่ม่ ไม่ โรซี่ต้องไม่รักกับไอ้ตะวัน”
“พี่พี!!!! พี่พีแค่ฝันร้าย โรสไม่มีวันรักนายตะวันหรอก”
พีระยังช๊อกอยู่ “ขนาดโรซี่อยากออกจากที่นี่ยังเปลี่ยนใจกลับมา แล้วทำไมจะเปลี่ยนใจรักนายตะวันไม่ได้ ไม่ พี่จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น”
“แล้วจะเกาะติดโรสตลอดเวลาเหรอ โรสจะได้เหวี่ยงเข้าให้”
“เราคงต้องใช้แผนกีดกันให้โรซี่ห่างจากนายตะวัน”
“ก็ดีนะกันไว้ก่อนแก้ ว่าแต่วิธีอะไรเหรอ”
พีระครุ่นคิด แล้วยิ้มอย่างมีแผน
“แผนนี้ชัวร์สุดๆ แล้วคนที่จะทำให้แผนนี้สำเร็จจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…”
อุษาวดีรอลุ้นกับสิ่งที่พีระกำลังจะบอก
หน้าบ้านพักพีระอุษาวดีลากกระเป๋าเสื้อผ้าพรวดออกมา พีระวิ่งตามไปอ้อนขวางหน้าไว้
“พี่พีบ้าไปแล้ว!!! ไม่เอา ไม่ทำ อุษาไม่เอากับแผนปญอ.ของพี่แน่”
“แต่ไม่มีอะไรเด็ดเท่าแผนนี้อีกแล้วนะ”
“เหรอ??? ให้น้องไปจีบนายตะวันเนี่ยนะ บ้า!!!“
“โธ่ ถือซะว่าเช็คเรตติ้งก็แล้วกัน บริหารเสน่ห์ให้นายตะวันมาติดกับ มันจะได้อยู่ห่างๆจากโรซี่ไง นะนะ น้องรักนะ”
“จะบ้าเหรอ!!น้องเป็นสาวไฮโซซะขนาดนี้ จะให้น้องไล่จีบไอ้หนุ่มบ้านไร่เนี่ยนะ? ไม่ไหวอ่ะพี่พี”
“ถ้าน้องไม่ช่วยพี่แล้วแมวที่ไหนจะช่วยวะ นะ ขอร้องล่ะ…”
อุษาวดีสีหน้าครุ่นคิด พีระจับมือมองตาอ้อนสุดๆ
เสียงน้ำค้างตะโกนมา “ไม่ๆๆๆ ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ !!!!!” ทำให้พีระและอุษาวดีหันขวับไปมองอย่างสนใจ
น้ำค้างกับแย้กำลังเข็นรถใส่ตะกร้าดอกกุหลาบเพื่อไปห่อส่งขาย ชาญยืนขวางมองอย่างขอร้อง
“นะๆ เป็นตัวช่วยให้ปู่เถอะน่า ยังไม่ทันไรก็รีบไม่เอาซะแล้ว”
“แล้วน้ำค้างเกี่ยวอะไรด้วยถึงจะต้องเป็นตัวช่วยให้พี่ตะวันกับพี่โรสเค้ารักกัน ถ้าคนเค้าจะรักกันจริงๆ ไม่ต้องมีตัวช่วยหรอกค่ะ”
“ถ้าคนเค้าไม่รักกัน ต่อให้มีตัวช่วยเป็นพันก็รักกันไม่ได้นะจ๊ะปู่”
ชาญถีบแย้โครมเข้าให้
“หนอย เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ ไปไหนก็ไปไอ้แย้ ข้าจะคุยกับหลาน ไป”
“จ้า ไปก็ได้ จ้า ดุ จริงวุ้ย” แย้เดินกระเผลกๆ ออกไป
ชาญเข้าไปกล่อมน้ำค้างอีก
“ทำไมปู่ถึงเชื่อมั่นในตัวพี่โรส ทั้งๆ ที่เพิ่งทำให้พี่ตะวันต้องเสียใจที่สุด”
“ปู่มองคนไม่ผิดหรอก สักวันแกจะเห็นด้วยกับปู่ แต่ตอนนี้ช่วยให้ปู่สมหวังทีเถอะนะ นังน้ำค้าง..ปู่เคยขอร้องอะไรแกสักครั้งมั้ย” ชาญสีหน้าจริงจังมาก
“โห ก็มากมายนะคะปู่”
“ไม่รู้ล่ะ นี่ถือว่าเป็นคำสั่ง! เอ็งทำยังไงก็ได้ให้สองคนนั้นเค้ารักกันให้ได้ เข้าใจมั้ย!”
แล้วชาญก็เดินออกไปเลย น้ำค้างมองตามอย่างอ่อนใจ
ไม่ห่างกันนัก พีระและอุษาวดีแอบมองอยู่ พีระมีสีหน้าหนักใจ
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย ถ้าอุษาไม่ช่วยพี่ รับรองงานนี้พี่เสียโรซี่ให้ไอ้ตะวันแน่ๆ! ว่าไง จะช่วยมั้ยช่วย…”
อุษาวดีตัดสินใจ “อ่ะ ก็ได้ๆ แต่ว่า..มันก็เหนื่อยอยู่นะ?” พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์
“กระเป๋าใบนึง”
“ใบเดียว??”
“รองเท้าอีกคู่”
“แค่เนี้ย??”
“2คู่” อุษาวดีอ้าปากจะต่อรอง
พีระสวน “รองเท้า 2 คู่ กระเป๋า 2 ใบ”
พีระยกมือ “ดิว??” อุษาวดีตีมือเพียะ “ดิว!!” สองพี่น้องยิ้มให้กัน
“ดีมาก ต้องงี้สิ… แต่ปัญหาก็คือ ทำยังไงถึงจะกันยัยน้ำค้างออกไปได้”
พีระและอุษาวดีหันมองไปทางน้ำค้าง แล้วหันกลับมามองหน้ากันอย่างครุ่นคิด
ที่โรงเก็บน้ำหมักชีวภาพ โรสรินหันมองหน้าตะวันอย่างไม่เข้าใจ พามาที่นี่ทำไม
“ไหนว่าต้องเพาะกล้วยไม้เองไง แล้วพามาที่นี่เพื่อ???”
“มันก็ต้องมีขั้นมีตอน คุณทำโรงกล้วยไม้ผมปนเปื้อนสารพิษ มันก็ต้องทำความสะอาดก่อน แล้วคุณก็ต้องเอาน้ำหมักชีวภาพนี่ไปฉีดฆ่าเชื้อ”
ตะวันเปิดฝาถังน้ำยาชีวภาพออก แล้วยื่นหน้าดม ตะวันสีหน้าสดชื่นมากๆ
“หอมนะคุณ ดมมั้ย”
โรสรินสงสัย เดินไปก้มหน้าดมบ้าง แทบจะเป็นลม
“หนูตายอยู่ในนี้รึเปล่า แหวะ ไอ้บ้า นายหลอกฉัน” โรสรินทำท่าจะอ้วก
“หอมจะตาย.. คุณแค่ไม่ชินเอง ในนี้มีแต่พืชผักผลไม้ทั้งนั้นหมักด้วยวิธีธรรมชาติ หมักต่ำๆ ก็สามเดือนถึงจะใช้ได้”
โรสรินบีบจมูก “ถ้างั้นก็รีบๆ เอาไปพ่นโรงกล้วยไม้เลยสิ จะขาดอากาศหายใจอยู่แล้ว”
“ขอโทษนะ ถ้าคุณจะใช้น้ำหมักจากถังนี้ คุณก็ต้องทำขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทน แล้วคุณก็ต้องหมักน้ำยานี้ด้วยตัวเองเท่านั้น!!!”
โรสรินลืมตัว ลืมปิดจมูก “ห๊า หมักเองด้วยเหรอ” แล้วรีบปิดจมูกต่อ
“ทำไม แค่นี้ก็ถอดใจแล้วเหรอ ถ้าทำไม่ได้ก็กลับกรุงเทพไปเลยไป”
โรสรินโมโหที่โดนท้า “โธ่เอ๊ย ก็แค่เรื่องกระจอกๆ มันจะยากซักแค่ไหน”
ตะวันยิ้มเจ้าเล่ห์ “เดี๋ยวก็รู้” ตะวันและโรสรินมองหน้ากันอย่างท้าทาย
ภายในโรงเก็บน้ำหมักชีวภาพ แย้และคนงานเข็นรถเข็นพวกพืชผักผลไม้ต่างๆ แล้วเอามาเทกองรวมกันบนผ้าใบ ตะวันพูดกับโรสริน
“ผลไม้กองนี้สำหรับหมักเป็นปุ๋ยชีวภาพบำรุงพันธ์พืช และกำจัดศัตรูพืช”
แย้และคนงานเทตะกร้า ฝักส้มป่อย มะคำดีควาย มะนาว ออกมากองรวมกัน
“ส่วนฝักส้มป่อย มะคำดีควาย มะนาว สำหรับพ่นทำความสะอาด”
“แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ”
“เดี๋ยวมือวางอันดับหนึ่งในการทำน้ำหมักจะสาธิตให้ดูครับ”
“ไม่ต้อง ออกไปได้แล้ว ให้คุณโรสทำด้วยตัวเอง”
แย้และคนงานเดินออกไป ตะวันชี้นิ้วสั่ง
“ไปนั่งลงตรงนั้น แล้วคัดแยกเอาเฉพาะผลไม้สุกออกมา”
“ไอ้บ้าอำนาจ ดีแต่สั่ง”
“ก็ยังดีกว่าคนดีแต่ปาก ถ้าคุณไม่ทำก็ไปเก็บกระเป๋าซะ ไป!”
โรสรินกระฟัดกระเฟียดเดินไปนั่งคัดแยก
“ให้มันทะมัดทะแมงหน่อย คัดผลไม้นะไม่ใช่คัดเพชรคัดพลอย!”
โรสรินคัดแยกจับฟักทอง แต่ก็เละคามือเพราะสุกจัด
“อี๋” โรสรินมองเห็นหนอนที่ฟักทองยั้วเยี้ย “อ๊ายยยยยย ยั๊วเยี๊ยะเลยอะ”
โรสรินทำท่าจะโยนทิ้ง ตะวันรีบห้าม
“เฮ้ย อย่า อย่าโยนทิ้ง ยิ่งสุกยิ่งมีหนอนยิ่งดีแสดงว่าปลอดสารพิษ”
โรสรินท่าทางกลัว “อี๋ หนอนพรึ่บแบบนี้ ไม่ให้ฉันทิ้งแล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“จับกินทีละตัวละมั้ง!”
“ไอ้บ้า กรี๊ดดด เอาออกไป เอาหนอนออกไป มันไต่มือฉันแล้ว”
“อย่าลุกหนี!!! นั่งอยู่ตรงนั้นแหล่ะ!”
ตะวันเดินไปนั่งลงข้างๆ โรสริน จับมือโรสรินแล้วค่อยๆหยิบหนอนออกจากแขนโรสรินทีละตัว โรสรินกลัวเอามากๆ เอามืออีกข้างโอบเอวตะวันอย่างไม่รู้ตัว หลับตาปี๋เอียงหน้าซบไหล่ตะวัน ตะวันถึงกับตัวเกร็ง
“อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องกลัว”
ตะวันเผลอแอบมองโรสรินที่หลับตาปี๋ซบไหล่ตัวเองอยู่ “สวยว่ะ!!” ซักพักโรสรินเอะใจลืมตามองตะวันพรึ่บ!! โรสรินแว้ด “มองอะไร??”
ตะวันชะงัก “ ก็… ก็มองว่าคุณน่ะน่ากลัวยิ่งกว่าหนอนอีกน่ะสิ” ตะวันทำเก๊ก
โรสรินผลักหน้าตะวันหงาย “อร้าย!! ไอ้บ้า!! นายสิไอ้ปากเน่าปากหนอน ทุเรศๆๆๆๆ”
โรสรินไล่ตีตะวัน ตะวันคว้ามือโรสริน “เฮ๊ยๆๆ อย่า!! หยุด!! หนอนกระเด็นเละหมดแล้ว!!”
“ ว๊ายๆๆ เร็วๆ รีบเอาออก เอามันออกไป๊” โรสรินออกอาการกลัว ตะวันขำก๊ากๆ กับอาการของโรสริน
ที่หน้าบ้านตะวัน พีระเดินครุ่นคิดไม่มองทาง ปากก็บ่นพึมพำ
“จะกันยัยน้ำค้างออกไปยังไงดีน้า คิดๆๆๆ”
น้ำค้างเองก็เดินครุ่นคิด พึมพำ
“คิดๆๆๆ โอ๊ย คิดไม่ออกจะทำยังไงพี่ตะวันถึงจะรักกับพี่โรสได้นะ เฮ้อออ”
ทั้งคู่ตะโกน “กลุ้มโว้ยยยยยย / โอ๊ยกลุ้มมมมมมม”
พีระและน้ำค้าง เงยหน้ามองกัน แล้วก็เขม่นกันทันที
“กลุ้มอะไรยัยน้ำเน่า”
“เรื่องของฉันไม่ต้องมาสาระแน”
“มันจะมากไปแล้ว รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง เธออายุน้อยกว่าฉันเยอะนะ”
“แล้วไง ก็นายแก่แต่ไม่ได้ทำตัวน่าเคารพเลยซักกะนิส”
“เฮ้อ เพลียจริงๆ ไม่สวยแล้วยังปากเสีย”
“หล่อตายนักนี่ หน้าอย่างนายไปศัลยกรรมที่เกาหลีหมอเค้ายังไม่รับ ยังมีหน้าว่าคนอื่น!!”
“อย่างฉันถ้าจะทำศัลยกรรมก็คงทำแค่หน้า แต่อย่างเธอต้องผ่าตัดทั้งตัว”
“ก่อนจะให้คนอื่นไปผ่าตัด นายไปผ่าน้องหมาออกจากปากก่อนดีกว่า”
“โอ๊ยแรง! ยัยน้ำเน่า!!!”
“อีตาไร้สาระ!!”
พีระและน้ำค้างจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง ขณะนั้นเองรถของกิตติทัตขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
พีระและน้ำค้างหันไปมองเห็นกิตติทัตลงจากรถ
“หมอมาก็ดีแล้วค่ะ” น้ำค้างชูหมัด “คอยอยู่หามศพหมอนี่ออกไปด้วย ทนไม่ไหวแล้ว”
กิตติทัตรีบเข้ามาห้ามไว้ ให้ใจเย็นๆ
“ใจเย็นน่าน้ำค้าง อย่างน้อยคุณพีระเค้าก็เป็นแขกของไร่ตะวันนะ”
“แขกไม่ได้รับเชิญสิไม่ว่า”
“ถ้าโรซี่ไม่กลับมาที่นี่ฉันก็ไม่อยากอยู่หรอก รู้ไว้ซะด้วย”
พีระฟึดฟัด จะเดินออกไป
“หมอมาหาใครเหรอคะ…”
“หมอมีธุระกับเหยิน… เอ่อ คุณโรสน่ะ อยู่ไหนเหรอ”
พีระชะงักกึกหันขวับไปมองกิตติทัต
“พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกรึไงวะ มีไอ้ตะวันยังไม่พอ นี่ยังมีไอ้หมอกิตติทัตอีกคน?? โธ่เว๊ย!!”
ภายในโรงเก็บน้ำหมักชีวภาพ โรสรินหลับตาปี๋มืออีกข้างยังคงกอดตะวันไว้อยู่
“เอาหนอนออกหมดแล้วลืมตาได้แล้ว”
“จริงๆ นะ หมดแล้วจริงๆ นะ”
ตะวันเห็นโรสรินกลัวมากก็เลยตบไหล่ปลอบเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
น้ำค้างพาพีระกับกิตติทัตเข้ามา ทั้งหมดเห็นเหมือนโรสรินกับตะวันกอดกัน
“โรซี่ / คุณโรส / ยัยเหยิน!!!!!”
ตะวันและโรสรินรีบปล่อยมือออกจากกัน
“ ไม่จริง ไม่… โรซี่กอดนายตะวัน”
กิตติทัตยิ้มให้ “เหยิน ขอโทษที่รบกวนเวลาสวีตกันนะ”
ตะวันและโรสรินตะโกนกลับ “ไม่ได้สวีต!!!!”
“ก็เห็นกอดกันอยู่เต็มๆ ตา อย่าบอกนะว่าแอบกิ๊กกัน พีไม่ยอมนะ”
“แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ใครจะอยากกอดนายนี่”
“ขนลุก? ถ้าผมความจำไม่เสื่อม เมื่อกี๊คุณกอดผมไม่ปล่อย”
“ไอ้..ไอ้ตะวัน ไอ้ปากหนอน”
โรสรินโมโหผลักตะวันล้มลงในกองผลไม้ เผละ พีระหัวเราะสะใจที่ตะวันล้มก้นจ้ำเบ้า โรสรินหงุดหงิดผลักพีระล้มก้นจำเบ้าในกองผลไม้เข้าอีกคน เผละ!!!
“เฮ้ยยยย เกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย”
แล้วโรสรินก็เดินหนีออกไปเลยอย่างหงุดหงิด
“ยัยตัวแสบจะหนีไปไหน โธ่เว้ย!”
โรสรินเดินหงุดหงิดออกมา กิตติทัตเดินตามติด
“เหยินเดี๋ยวก่อนสิ ใจเย็นๆ เป็นอะไร”
โรสรินหยุดเดิน หันขวับ “กำลังจี๊ดส์ อยากโดนอีกคนเหรอ”
“ยังไม่เลิกซะทีนะเหยิน นิสัยจี๊ดส์ได้ตลอดเวลา”
“จะไม่ให้จี๊ดส์ได้ไง รู้กันอยู่ว่าโรสเกลียดนายตะวัน ยังจะหาว่ากิ๊กกันได้อีก ประสาท”
“เอ้า ไม่กิ๊กก็ไม่กิ๊ก แล้วนี่โรสจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน”
“เสร็จงานเมื่อไหร่ไปตอนนั้นแหล่ะ ทัตมีธุระอะไรกับโรสรึเปล่า”
กิตติทัตเดินเข้าไปใกล้ๆๆ โรสริน มองตาและยิ้มให้ จนโรสรินรู้สึกหวิวๆ
“คิดถึง…”
โรสรินอึ้ง “นายขาโก่ง!!! อย่าพูดบ้าๆ นะ”
กิตติทัตเขยิบเข้าใกล้ขึ้นอีก โรสรินใจเต้นตึกตัก แล้วกิตติทัตก็หัวเราะออกมาที่แกล้งโรสรินได้
“หมอบ้า แกล้งฉันเหรอ!” โรสรินทุบๆๆกิตติทัต
“โอ๊ยๆๆ ยอมแล้วๆ ได้ยินว่าโรสจะอยู่ที่สักพัก เราก็เลยมีของมาฝาก”
“ของฝาก?”
หน้าบ้านพักโรสริน กิตติทัตวางซองยาและอาหารเสริมเต็มสองมือของโรสริน
“กระปุกนี้สำคัญมาก ทานพร้อมอาหารทุกมื้อช่วยสร้างคอลลาเจนและเม็ดเลือดขาว”
กิตติทัตวางซองยาลงไปที่มือโรสรินอีก “ส่วนนี้ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต้านอนุมูลอิสระ”
จากนั้นหยิบกระปุกวิตามินวางบนมือโรสรินอีก
“วิตามินรวมชนิดเข้มข้น เหมาะกับผู้ที่พักผ่อนไม่พอ ทำงานหนัก อยู่ในภาวะเครียด จะได้รู้สึกสดชื่น บำรุงสมองด้วย”
“ขอบใจนะทัต” โรสรินมองยา แล้วมองหน้ากิตติทัต ”มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอ”
“โรสเพิ่งหายป่วย ร่างกายยังอ่อนแอก็ต้องบำรุงหน่อยสิ แล้วโรสนึกยังไงหนีจากกรุงเทพมาเป็นคนงานที่ไร่ตะวัน”
โรสรินบ่น “เรื่องมันยาวน่ะ ทัตอย่ารู้เลย เพราะเดี๋ยวโรสก็จะกลับแล้ว”
“แต่ระวังติดใจหลงรักที่นี่เหมือนเรานะ เราตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่ถาวรแล้วล่ะ”
“ถ้าโรสอยู่ต่อไปนานๆ มีหวังเส้นเลือดสมองระเบิดบึ้ม”
พลันตะวันก็เดินเข้ามาคว้าหมับที่แขนโรสริน
“ขอโทษนะครับคุณหมอ ยัยนี่หมดเวลาพัก” ตะวันพูดกับโรสริน “กลับไปทำงานได้แล้ว”
“มารยาทเสื่อม! ไม่เห็นเหรอว่าทำอะไรกันกันอยู่”
“ผมสนแค่ว่าคุณต้องรีบกลับไปทำงานให้เสร็จ จะได้รีบไปๆ จากไร่ผมซะที”
ตะวันลากโรสรินออกไป โรสรินทุบๆ ตะวัน ตะวันใจแข็งไม่ยอมปล่อย ลากโรสรินออกไปเลย
กิตติทัตมองตามอย่างเหวอๆ
ภายในโรงเก็บน้ำหมักชีวภาพ โรสรินหน้ามุ่ยหยิบผักผลไม้ลงไปในถังหมัก
“ปากก็บอกอยากรีบเสร็จรีบกลับ แต่การกระทำสวนทางตลอด”
โรสรินหันขวับ “พักหายใจไม่ได้เลยใช่มั้ย”
“ได้ แต่ไม่ใช่อู้งานไปอ้อนหมอทัต คนดีอย่างนั้นอย่าไปคิดอกุศลกับเค้าเลย”
“เดี๋ยวเหอะ ทัตกับฉันเป็นเพื่อนรักกัน”
“หึ เพื่อนรัก… รักเพื่อนน่ะสิไม่ว่า” ตะวันหยิบถังน้ำยื่นให้ “เทใส่ไปในถังหมัก อย่าให้ล้นล่ะ”
โรสรินเทน้ำใส่ถังหมัก “นายนี่มันปากหนอนได้ตลอด!!!”
“ผมก็แค่อยากให้คุณมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำ ไม่ใช่วอกแวกเรื่องผู้ชาย”
ตะวันยื่นแกลอนให้ “เทกากน้ำตาลลงไป ผสมให้เข้ากันด้วย”
โรสรินเทกากน้ำตาลลงไปในถังหมัก แล้วใช้ไม้คนๆ
“ฉันไม่เคยสนผู้ชายอยู่แล้ว แต่ถ้าผู้ชายมาสนใจฉันนั่นอีกเรื่อง รู้ไว้ซะด้วย”
“โถ แม่คนเสน่ห์แรง” ตะวันยื่นฝาให้ “ปิดฝาให้สนิท”
โรสรินทำตามสั่ง ”แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เหมือนนาย ที่มีแต่ยัยชะนีนั่นร้องเรียกหาได้ตลอด”
“ชะนีที่ไหน”
เสียงมาลัย “พี่ตะวันขา” ตะวันและโรสรินหันขวับ มาลัยกำลังเดินลัลล้าถือผลไม้เข้ามาฝาก มาลัยเห็นโรสรินก็มองเขม่นๆ เดินเข้ามาคว้าแขนตะวันหมับ
“โกออนนาวโก!! คนรักเค้าจะจู๋จี๋แอบกิ๊กแอบกินกัน ไปเลยชิ้วๆ”
“เชิญ ขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มคอกนะ”
แล้วโรสรินก็เดินออกไป ตะวันหันมองหน้ามาลัยอย่างปลงๆ
“ขอบใจ ของมันแน่อยู่แล้ว เอ๊ะ มีลูกเต็มคอกนั่นมันหมูแล้ว ยัยบ้าหลอกด่าฉันเหรอ! อ๊ายยยยยย”
ตะวันเอามือปิดหูอย่างสุดรำคาญ
ในบริเวณไร่ตะวัน พีระเดินมองซ้าย ขวาหาโรสริน น้ำค้างเดินตามติดไม่ห่าง
“จะเดินตามทำไม รำคาญ!! ฉันจะตามหาโรซี่”
“แล้วทำไมนายต้องคอยตามคุณโรสตลอดเวลาด้วย”
“โรซี่เค้าเป็นแฟนฉัน แต่เธอไม่ใช่แฟนฉันไปเลยชิ๊วว”
น้ำค้างจับหน้าพีระมาจ้อง ”นึกว่าจะบื้อแต่หน้า เฮ้อ! สมองก็บื้อเหมือนหน้า”
น้ำค้างผลักหน้าพีระออกไป
“เฮ่ย!! ยัยเด็กบ้า!!”!
น้ำค้างชี้หน้า พีระชะงัก
“นายนี่มันไม่มีสมองจริงๆ เดินอยู่ในไร่ของปู่ฉันแท้ๆ แต่บังอาจมาไล่ฉันชิ้วๆ ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์จะไล่
นายไป นายไร้สาระ!!”
“ยังกะฉันอยากอยู่นักนี่..ยัยน้ำเน่า!!”
พีระเดินหนีน้ำค้างเดินตาม พีระหงุดหงิดหันขวับมอง
“ฉันรู้นะว่าปู่สั่งเธอช่วยให้ตะวันกับคุณโรสรักกัน เธอจะขัดขวางฉันใช่มั้ย”
“ใช่ แล้วฉันก็จะทำอย่างสุดความสามารถด้วย”
น้ำค้างลอยหน้าลอยตากวนๆ จนพีระชักหงุดหงิด พีระคว้าแขนน้ำค้างหมับ ดึงน้ำค้างเข้ามาใกล้
“เลิกยุ่งเรื่องนี้ซะ รู้มั้ยว่าเรื่องรังแกผู้หญิงเนี่ยฉันถนัดที่สุด”
พีระยื่นหน้าไปใกล้ๆ เหมือนจะจูบน้ำค้าง
“แล้วผู้หญิงอย่างเธอมันก็น่ารังแกที่สุดด้วย”
“อย่านะ…”
“จูบสักสองสามจ๊วบซะดีมั้ย”
“ไอ้บ้า แค่จ๊วบเดี๋ยวฉันเอานายตายแน่!!!”
พีระทำหน้ากวน “จ๊วบแล้วติดใจ จะร้องขอให้จ๊วบอีกล่ะไม่ว่า”
พีระทำท่าเหมือนจะจูบน้ำค้าง พอดีรถของกิตติทัตขับเข้ามาจอด เอี๊ยดดดด กิตติทัตรีบลงจากรถ เข้ามาหา
“หมอทัตช่วยด้วยยยย”
กิตติทัตเห็นพีระจับไหล่น้ำค้างแน่น คิดว่าพีระจะทำร้ายน้ำค้าง กิตติทัตกระชากมือพีระออกทันที
“คุณจะทำอะไร!!!!
กิตติทัตชกเปรี้ยงเต็มแก้มพีระ พีระร่วงผล็อย…. โอ๊ยยยย น้ำค้างวิ่งเข้าไปกอดกิตติทัตอย่างยังไม่หายตกใจ กิตติทัตกอดปลอบน้ำค้างไว้อย่างเป็นห่วง
หลังเสร็จจากการทำน้ำหมักชีวภาพ โรสริน ฉีดน้ำจากสายยางล้างคราบต่างๆ ที่มือและแขน ตะวันเดินหนีมาลัย มาลัยเดินตามต้อยๆ โรสรินหันไปเห็นก็ส่ายหน้าอ่อนใจ ทำเป็นไม่สนใจ
ตะวันหันขวับ “ไม่ต้องตาม! กลับไปขายผลไม้ได้แล้ว”
มาลัยเบ้หน้า ทุบอกตะวันหลายที “ใจร้ายๆๆๆๆ”
ตะวันทำหน้าเซ็ง “พี่มีธุระหลายอย่างต้องทำ ต้องสอนงานให้คุณโรสอีก ถ้าไม่มีธุระก็กลับไป”
“เค้าอยากชวนตัวเองไปเดทที่งานวัดในอำเภอ เราไม่ได้ด้วยกันนานแล้วนะ”
“ไม่เคยไปเลยต่างหาก”
“ไม่รู้ล่ะ มาลัยกับแม่คุยลั่นตลาดแล้วว่าพี่ตะวันจะควงมาลัยเที่ยวงานวัด เราจะได้เปิดตัวความรักของเราให้กระฉ่อนอำเภอกันไปเล้ย”
“เฮ้ย พูดอย่างนี้ยิ่งไม่ไปเลย!”
เสียงชาญตะโกนมา “ไม่ได้นะโว้ย เอ็งต้องไป!!!”
ชาญเดินเข้ามาสีหน้าจริงจัง ทุกคนมองอย่างแปลกใจ
“ปู่ไปบอกกับกรรมการวัดแล้วว่าแกจะไปสาธิตวิธีเพาะกล้วยไม้ แล้วปู่ก็จองสถานที่ให้แล้วด้วย”
ตะวันอึ้ง “ปู่ครับ ไม่ปรึกษาผมก่อนเลยเหรอ!!!!”
“เรื่องดีๆ จะปรึกษาทำไมวะ หรือว่าแกจะปฏิเสธ!”
มาลัยหน้าตาสมหวังมากๆ
“ไม่เอาๆ ไม่ปฏิเสธ ยิ่งเป็นอย่างนี้ยิ่งต้องไปเลย ให้ความรู้ชาวบ้านดำๆ ได้บุญนะคะสามี”
มาลัยหันมองโรสริน “แล้วคนที่ไม่ได้รับเชิญ อย่าสะเออะมาก็แล้วกัน”
“งานวัดนะไม่ใช่แอลแฟชั่นวีค ทำอย่างกับอยากไป” โรสรินเบ้หน้า
“ไม่ไปก็ดีจะได้ไม่ต้องมีกว้างขวางคอ” มาลัยส่งจูบจูจุ๊บตะวัน “ไปก่อนนะสามีขา”
แล้วมาลัยก็เดินลัลล้าออกไป ตะวันยังยืนอึ้งอยู่ โรสรินกำลังเดินหนี ตะวันครุ่นคิดแล้วรั้งไว้
“เดี๋ยวคุณโรส… คืนนี้คุณต้องไปงานวัดกับผม”
“เพื่อ??? ฉันไม่ไป”
“ต้องไป ผมจะได้สอนทีเดียวเลยว่าเพาะกล้วยไม้เค้าทำกันยังไง แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วย”
แล้วตะวันก็เดินหนีออกไป โรสรินมองตามเหวอๆ แล้วเดินออกไปอีกทาง ชาญยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ นึกถึงคำพูดของณรงค์
“ไร่ตะวันหันไปทางไหนก็เจอแต่ดอกไม้ ไม่รู้ยัยโรสจะเบื่อขึ้นมาตอนไหน น่าจะให้ตะวันพาโรสไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้าง บางทีเดินเที่ยวเล่นกันไปมา อาจจะไปเดินเล่นในหัวใจกันก็ได้นะเว้ย”
ชาญยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มากกว่าเดิม
“ปู่จัดให้แล้วนะตะวัน อย่าทำให้ปู่ผิดหวังนะไอ้หลาน” ชาญหัวเราะคิกๆ
พีระกุมปากตัวเองอย่างเจ็บๆ โวยกิตติทัตกับน้ำค้าง
“หมอหรือว่านักมวยกันแน่วะเนี่ย”
“น้ำค้างขอความช่วยเหลือผมก็ต้องช่วย”
“ผมก็แค่แกล้งยัยนี่เล่น ผมรักเดียวใจเดียวกับโรซี่ อย่าว่าแต่ยัยนี่เลย ผู้หญิงทั้งโลกผมก็ไม่สน”
“ปากแบบนี้น่าโดนอีกซะทีนะคะหมอ”
กิตติทัตขยับเข้าไปหาพีระ พีระผงะหนีอย่างแหยงๆ กิตติทัตยื่นมือ ที่แท้กิตติทัตขอจับมือด้วย
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
พีระยื่นมือไปจับอย่างแหยงๆ แล้วเดินถอยออกไป กิตติทัตหันไปยิ้มให้น้ำค้าง
“หมอไม่น่าไปดีกับเค้าเลย น่าจะสั่งสอนอีกสักหมัดสองหมัดนะคะ”
“คุณพีระคงไม่กล้าแกล้งแล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวนะ”
“ขอบคุณนะคะหมอ”
กิตติทัตและน้ำค้างยิ้มให้กัน จากนั้นกิตติทัตก็ขึ้นรถขับออกไป น้ำค้างมองตามอย่างปลื้มๆ พีระแอบมอง ครุ่นคิดแล้วยิ้มออกมาเหมือนคิดแผนเด็ดได้ หึหึหึ!
ภายในแปลงดอกไม้ น้ำค้างกำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ อยู่ๆ พีระโผล่หน้ามาใกล้ๆ ยิ้มแป้นให้น้ำค้าง น้ำค้างตกใจฉีดน้ำใส่หน้าพีระ
“ตกใจหมด เป็นบ้าอะไรเนี่ย !! “
พีระเซ็ง เช็ดหน้า “ฉันมีเรื่องสำคัญมาบอกเธอ”
น้ำค้างฉีดน้ำรดดอกไม้ต่อ ไม่สนใจพีระ พีระเขยิบเข้าใกล้น้ำค้าง
“หมอกิตติทัตเค้าชอบเธอ”
“ห๊ะ! “ น้ำค้างตกใจกว่าครั้งแรกอีก ฉีดน้ำใส่หน้าพีระอีกที
“บ้า พูดอะไรบ้าๆ” น้ำค้างเดินหนี
“กวนประสาท” พีระเดินไปขวางหน้าน้ำค้าง สีหน้าจริงจังมากๆ
“ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อ แต่สายตาที่หมอมองเธอมันบอกความหมายว่า… เธอเป็นคนสำคัญของเค้า”
“บ้า! ฉันรู้จักหมอมานานแล้วนะยังไม่รู้สึกเลย”
“เด็กสาวบ้านนาอย่างเธอจะไปรู้ดีอะไรเท่าฉัน สายตาของหมอ อาการของหมอที่แสนเป็นห่วงเธอจนชกฉันซะฟันโยก ฟันธงได้เลยว่า หมอชอบเธอแน่ๆ”
น้ำค้างอึ้ง ครุ่นคิด “แต่ฉันแอบคิดว่าหมอชอบพี่โรสซะอีก”
“ไม่หรอก คอยดูสิ… ต่อไปหมอจะเอาโรสเป็นข้ออ้างในการมาหาเธอบ่อยๆ “
น้ำค้างอึ้ง “หมอชอบฉันเนี่ยนะ มันจะเป็นไปได้จริงๆ เหรอ”
พีระยิ้มอย่างเข้าทาง ขณะที่น้ำค้างเริ่มคิดมาก
“เธอเองก็โสดมาทั้งชีวิต โอกาสที่จะมีความรักกับเค้าสักทีมาถึงแล้วนะ.. “
น้ำค้างเดินหนี “เพ้อเจ้อ ฉันไม่ฟังนายแล้ว”
“แล้วถ้าฉันพิสูจน์ได้ว่าหมอชอบเธอล่ะ เธอจะยังอยากฟังฉันอยู่รึเปล่า!”
น้ำค้างถึงกับชะงักกึก หันมามองหน้าพีระอย่างชั่งใจ
“ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่ แต่ฉันก็อยากช่วยให้เธอได้มีความรักซะที ตกลงว่าไง ลองพิสูจน์ดูมั้ยล่ะ”
น้ำค้างครุ่นคิด ชั่งใจ สุดท้ายทำสีหน้าเหมือนจะเอาด้วย พีระแอบยิ้มอย่างสะใจ แผนกำจัดทุกคนออกจากโรสรินเริ่มขึ้นแล้ว
มุมนั่งเล่นหน้าบ้านพักโรสริน พีระยังคงหัวเราะเจ้าเล่ห์ อุษาวดีทำงานกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหันมามองพี่ชายอย่างเอือมๆ
“ไม่ไว้ใจเล้ย แผนของพี่พีเนี่ย คิดอะไรล่มตลอด”
“หึหึ แต่คราวเนี้ยไม่มีล่มเพราะพี่หาทางเขี่ยยัยน้ำค้างตัวแสบออกไปได้แล้ว”
“แล้วหมอกิตติทัตกิ๊กเก่าโรสล่ะ?”
“กระจอก!! เรื่องนี้พี่จัดการเอง “
โรสรินเดินหน้ามุ่ยเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
“โรสเครียดอะไรเหรอ”
โรสรินถอนใจเซ็ง
“คืนนี้ต้องไปเรียนการเพาะกล้วยไม้กับนายตะวันน่ะสิ สอนที่ไหนไม่สอนดันสอนที่งานวัด !!! โอ๊ย
ทำไมมันถึงเรื่องมากแบบนี้นะ”
โรสรินบ่นๆ แล้วเดินขึ้นบ้านไป พีระยิ้มอย่างมีแผน อุษาวดีหันไปมองก็รู้ทัน
“มีแผนอะไรอีกล่ะทีเนี้ย”
“งานวัดคืนนี้เธอหาทางทำให้นายตะวันหลงรักเธอให้ได้”
“ห๊า”
“ไม่ห๊า ไม่เห๊อะ ล่ะ ส่วนพี่ก็จะทำให้ยัยน้ำค้างกับหมอทัตเค้าปิ๊งกัน แล้วถ้าแผนสำเร็จ หึหึหึ ก็จะไม่มีใครพรากโรซี่ไปจากพี่ได้”
อุษาวดีถอนใจ ไม่คิดว่ามันจะง่ายอย่างที่พีระคิด แต่พีระมั่นใจสุดๆ
ภายในโรงเรือนเก็บอุปกรณ์ ตะวันจัดเตรียมอุปกรณ์และคู่มือสาธิตการเพาะกล้วยไม้ใส่ในกล่อง ชาญเดินเข้ามาในโรงเรือน
“ทำอะไรอยู่วะไอ้หลาน”
“เตรียมอุปกรณ์และคู่มือการเพาะกล้วยไม้ไปสาธิตที่งานวัดคืนนี้น่ะครับ น่าจะบอกผมล่วงหน้าจะได้เตรียมการณ์แต่เนิ่นๆ”
ชาญหลุดปาก “แหม ก็ปู่เพิ่งวางแผน”
“วางแผน???”
ชาญแก้ตัว “เอ่อ หมายถึงปู่เพิ่งจะวางแผนว่า อยากให้แกช่วยสอนเพาะกล้วยไม้ให้หนูโรส แล้วก็ช่วยให้ชาวบ้านได้มีอาชีพเสริมด้วย”
ตะวันจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ใส่กล่อง
“แต่อย่าเพาะแค่กล้วยไม้นะ เพาะความรักไปด้วยเลย เข้าใจมั้ย”
“ไม่ต้องคิดไกลเลยปู่ ยังไงผมก็ไม่อยากมีกุหลาบร้ายอยู่ในไร่กุหลาบของเรา”
“เจ้าคิดเจ้าแค้น คนเค้ามีใจสำนึกผิดแล้ว แกจะเปลี่ยนใจเลิกโกรธไม่ได้รึไง”
ตะวันหันมา “ไม่มีทาง”
ตะวันยกกล่องอุปกรณ์เพาะกล้วยไม้ออกจากโรงเรือนไป ชาญยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถึงเอ็งไม่เปลี่ยนใจ ปู่ก็ยังมีนังน้ำค้างเป็นแผนสำรอง คอยช่วยกระชับสัมพันธ์รักให้เอ็งเว้ย”
ตอนกลางคืนหน้าบ้านพักพีระ พีระกำลังนั่งรออุษาวดีอยู่ พลันมีมือหนึ่งมาสะกิดไหล่
“โอ๊ยตาย กว่าจะเสร็จ นี่จะอาบน้ำแต่งตัวเป็นวันๆ เลยรึไงยัยอุษา…”
พีระหันมา อึ้งที่เห็นน้ำค้างแต่งตัวน่ารักๆ สดใส สไตล์ไทยประยุกต์ สวยกว่าทุกทีที่เคยพบเคยเห็น
“โห สวยมาก…”
น้ำค้างอึ้ง “หะ… ชมฉันเหรอ”
“ไม่ได้ชม แค่อุทาน แล้วไปงานวัด ต้องจัดเต็มแต่งสวยขนาดนี้เลย???”
“ลืมเรื่องที่เราตกลงกันแล้วเหรอ นายจะช่วยพิสูจน์ว่า” น้ำค้างพูดอย่างอายๆ
“หมอทัตเค้าชอบฉันรึเปล่า”
“ไม่ลืมหรอกน่า แต่ไม่คิดว่าจะแปลงร่างขนาดนี้”
น้ำค้างอาย “อยากพิสูจน์มันก็ต้องสวยบ้างไรบ้างสิ… เป็นไงบ้าง ฉันโอเคมั้ย”
“จ้า สวยจ้า แม่คนสวย”
“แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ”
“ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง ทำตามที่ฉันบอกก็พอ น้ำค้าง ฉันหวังดีนะ..อยากให้ได้ศึกษากับคนดีๆ อย่างหมอทัต นี่ถ้าไม่เห็นแก่ความรักครั้งแรกของเธอ ฉันไม่เสียเวลาช่วยหรอก”
“อือ ยังไงก็ขอบใจละกัน”
แล้วน้ำค้างก็เดินออกไป พีระยิ้มตามแววตาเจ้าเล่ห์
“ยัยน้ำเน่าเอ๊ย ใสซื่อจริงๆ โดนหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
หน้าบ้านพักโรสริน ตะวัน น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่งและแย้ นั่งรออยู่หน้าบ้าน อาทิตย์และอึ่งนั่งตบยุงแปะๆ
“โอ๊ย อึ่งกับคุณทิตย์อยากเล่นรถบั๊ม ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ จะตายอยู่แล้ว เมื่อไหร่ พี่นางฟ้าจะแต่งตัวเสร็จเนี่ย”
ตะวันหงุดหงิด “นิสัยเสีย ปล่อยให้คนรอเป็นชั่วโมงได้ยังไง”
ตะวันลุกพรวด น้ำค้างรีบห้าม กลัวตะวันจะทำอะไรรุนแรงกับโรสริน
“เดี๋ยวๆๆ พี่ตะวันใจเย็นก๊อนนน”
พอดีโรสรินเดินออกมาจากบ้านพัก โรสรินสวยมว๊ากก! ตะวันตะลึงๆ ไปเลย น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่งและแย้ ก็ตะลึงไปเหมือนกัน โรสรินสวยสุดๆ
“มองอะไรกัน!”
“ไปงานวัดนะไม่ได้เดินแบบ”
“ธรรมดา เบาๆ ก็แค่ดีกว่าชุดนอนหน่อยนึงเอง ตกใจไปได้”
“ไป รีบไปกันได้แล้ว”
ตะวันเดินคู่ออกไปกับโรสริน
“นี่ เดินห่างๆ กันได้มั้ย แล้วพอถึงที่งานไม่ต้องมาอยู่ใกล้ๆ ฉันนะ”
“อะไรอีกล่ะ”
“เดี๋ยวคนเค้านึกว่าเราเป็นแฟนกันน่ะสิ เสียลุคค์ฉันหมด”
แล้วโรสรินก็เดินนำหน้าออกไป อึ่งและแย้ รีบจูงมืออาทิตย์วิ่งตามโรสรินไป
ตะวันส่ายหน้า “อยากเป็นตายนักล่ะ” น้ำค้างถอนใจปลงๆ เฮ้อ…
บรรยากาศในงานวัด เดชา ล่ำและแหลมเดินเข้ามา เดชาเดินไปทางไหนชาวบ้านก็หลีกทางให้อย่างกลัวๆ ไม่อยากมีเรื่อง วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินถือแก้วน้ำ ขนมเข้ามาไม่ระวังชนเข้ากับเดชา แก้วน้ำหลุดมือตกใส่รองเท้าเดชา
“เฮ้ย ตาอยู่ที่ตูดรึไง!!!”
เดชานิ่งๆ “ถอดเสื้อแกเช็ดรองเท้าฉันให้สะอาด”
กลุ่มวัยรุ่น ไม่พอใจ “เฮ้ย เกินไปมั้ง อยากโดนใช่มั้ย”
ล่ำและแหลมโมโห ขยับจะเอาเรื่องเดชาห้ามไว้ เห็นว่าชาวบ้านหันมามองหลายคน กลุ่มวัยรุ่นเดินกระแทกไหล่ออกไปอย่างไม่กลัว เดชาและพวกหันไปมองแววตาอาฆาต เดาได้ว่าวัยรุ่นกลุ่มนั้นถึงคราวซวย!
ที่ลานจอดรถงานวัด วัยรุ่นกลุ่มเดิมเดินมาที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง เดชา ล่ำและแหลม เดินตรงเข้ามาหา
“อ้าวเฮ้ย ไม่จบ…ไม่จบเหรอ อยากโดนรุมยำรึไง”
กลุ่มวัยรุ่นตรงเข้าล้อมเดชา ล่ำและแหลม เดชาถีบวัยรุ่นคนหนึ่งกระเด็น ล่ำและแหลมช่วยลูกพี่อัดพวกวัยรุ่นที่เหลือล้มระเนระนาด เดชากระชากวัยรุ่นนั้น ขึ้นมาตบหน้าสั่งสอน
“ผมยอมแล้วครับพี่ ผมขอโทษครับ”
“หาเรื่องผิดคนแล้วโว้ย”
เดชาหยิบปืนขึ้นมา ใช้ด้ามปืนตบวัยรุ่นล้มคว่ำ
“แค่ขอโทษไม่พอ กราบเท้าฉันเดี๋ยวนี้”
วัยรุ่นไม่ยอมกราบ เดชาเตะเสยวัยรุ่นกระเด็นไปอีก เดชาเล็งปืนขู่
“กราบ!!!”
วัยรุ่นคนนั้นกลัวก้มกราบเดชา เดชาแสยะยิ้มสะใจ เตะเสยวัยรุ่นกระเด็นไปอีก
เดชาสั่งล่ำและแหลม “กระทืบพวกมันให้เละ”
ล่ำและแหลมจะอัดพวกวัยรุ่นอีก พอดีกิตติทัตปราดเข้ามาขวางหน้าไว้ เดชาและพวกชะงักกึก
“พอได้แล้วเดชาจะเอากันถึงตายเลยรึไง!!!”
“หมออย่ายุ่งดีกว่า ผมต้องสั่งสอนไอ้เด็กเวรพวกนี้”
“นี่งานวัด งานบุญ อย่าทำแบบนี้เลย”
“บอกแล้วไงว่าอย่ายุ่ง!”
กิตติทัตเดินไปจ้องหน้า “ผมขอ” กิตติทัตสีหน้าจริงจัง เดชาถอนใจหงุดหงิด
“ได้สิครับหมอ คนมันมีบุญคุณต่อกัน หมอขอ…ทำไมผมจะไม่ให้”
จากนั้นเดชาก็เดินออกไป ล่ำและแหลมเดินตาม กิตติทัตส่ายหน้าอย่างระอา แล้วไปช่วยประคองดูอาการกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่โดนสกรัมซะยับ!!!
บริเวณงานวัด เดชา ล่ำและแหลม เดินเข้ามาอย่างหงุดหงิด
“ถ้าไม่เห็นแก่บุญคุณหมอ ฉันเอาพวกมันตายแน่ ไม่มีอารมณ์แล้วเที่ยวแล้ว ล่ำ แหลม กลับบ้าน”
ล่ำและแหลมมองหน้ากันอย่างเสียดาย แล้วล่ำก็เห็นอะไรบางอย่าง จึงรีบบอกเดชา
“เสี่ยเดครับ ผมว่าเสี่ยคงไม่อยากกลับแล้วล่ะ”
“ทำไมวะ!”
ล่ำพยักเพยิดหน้าไปทาง ตะวันที่เดินเข้ามากับโรสริน โดยมีแย้เดินถือกล่องอุปกรณ์สาธิตเพาะกล้วยไม้ตามมาข้างหลัง เดชา มองโรสรินตาไม่กระพริบ
“ทำไมสวยขนาดนี้วะเนี่ย…”
“ตกลงอยากอยู่ต่อแล้วใช่มั้ยครับเสี่ย”
เดชามองไปทางโรสรินแล้วยิ้มราวกับพบนางฟ้าในฝัน
รถของพีระขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ พีระและอุษาวดีลงจากรถ อุษาวดีแต่งตัวเซ็กซี่
“อุษาต้องอ่อยนายตะวันจริงๆ เหรอ”
“เอ๊า มางอแงอะไรตอนนี้ ไม่อยากให้พี่กับโรซี่รักกันรึไง”
“อยาก แต่อุษาวดีไม่ได้เคมีกับนายตะวันเลยซักกะนิด สามีของอุษาน่ะ อย่างต่ำๆ ต้องไฮโซหมื่นล้าน”
“ก็ไม่ได้ให้เป็นสามีนี่นา แค่แผน แค่แผน เอาน่าฝืนๆ หน่อย ช่วยๆ กันไป”
“เฮ้อ คิดผิดหรือคิดถูกเนี่ย”
อุษาวดีเดินไปอย่างกระฟัดกระเฟียด พีระเดินตามติด
“บ่นไปได้ ท่องไว้ๆ สู้เพื่อพี่ๆๆๆ”
ตะวัน โรสรินและแย้เดินเข้ามาบริเวณงานวัด มาลัยรีบวิ่งเข้ามาหา มาลัยใช้สะโพกสะบัดใส่โรสรินกระเด็นไป แล้วมองหน้ากวนๆ
“พี่ตะวันขา ทำไมมาช้าจังเลย เค้ารอน๊านนาน”
“มาลัยเห็นสถานที่ที่จะสาธิตวิธีเพาะกล้วยไม้รึเปล่า ปู่จองไว้ให้อยู่ตรงไหน “
“มาลัยเดินเล่นรอพี่รอบงานแล้วนะ ไม่เห็นจะมีเลย”
ตะวัน โรสริน แย้ “ไม่มี!!!!”
ตะวันส่ายหน้า “ปู่นะปู่… โดนหลอกจนได้ เดี๋ยวต้องเคลียร์กันหน่อยแล้ว!”
“ไม่มีก็ไม่เป็นไร เค้าอยากควงพี่ลัลล้าเดินเที่ยวงานวัดแล้วอ่ะ”
“บ้าที่สุดเลย!!! ทำฉันเสียเวลาไปด้วย”
มาลัยลอยหน้าลอยตา “แล้วใครใช้ให้หล่อนมาไม่ทราบ อยากกลับก็เชิญ ชิ๊วๆๆ”
“อ้าว ลูกพี่ แล้วจะยังไงดี ไหนๆ ก็มาแล้ว เที่ยวเล่นซะหน่อยมั้ย”
“แต่ฉันจะกลับ กลับเดี๋ยวนี้!”
โรสรินเดินกระแทกมาลัยออกไปอย่างหงุดหงิดมาก ตะวันจึงเดินตามไป
“เดี๋ยวคุณโรส!”
แต่มาลัยเหนี่ยวรั้งเกาะแขนตะวันแน่น
“เดี๋ยวสิพี่ตะวัน อย่าเพิ่งกลับเลยนะ นะพี่ตะวัน”
ตะวันพยายามแกะมือมาลัยออก แล้วเดินออกไปตามโรสริน มาลัยจะตามไปแต่แย้เหนี่ยวรั้งมาลัยไว้ไม่ให้ตามไป
“จะไปไหนนังปลิงควายอยู่ที่นี่แหล่ะ!!!”
“อ๊ายยย ปล่อยฉัน ปล๊อยยยย พี่ตะวันขา กลับมาก๊อนนนนนนนนน”
ภายในห้องทำงานณรงค์ โรงแรมควีนโรส กลางคืน ณรงค์นั่งสีหน้าเครียดๆ ในขณะที่ยุนอาเครียดและตระหนกมากกว่า
“ตกลงว่าไงหมอดูอันดับหนึ่งที่ผมให้ตรวจดวงชะตาให้โรสริน เค้าว่ายังไงบ้าง”
“ท่านประธานอย่าตกใจนะคะ ตั้งสติก่อน คือว่า คือ… “
ยุนอามีสีหน้าเครียด “คือว่ามัน…”
“หมายความว่าไง ยัยโรสจะเจอกับเรื่องร้ายๆ งั้นเหรอ”
“คือว่า…คิวเต็มค่ะ หมอยังดูดวงให้ไม่ได้”
ณรงค์ทุบโต๊ะปัง “ปัดโธ๊ ตกใจหมดเลย นี่เธออย่าตื่นตระหนกตกใจพร่ำเพรื่อได้มั้ย โฮ๊ย กลุ้ม”
“กลุ้มเพราะไม่ดูดวง?”
“กลุ้มกับเธอนี่แหล่ะ หัวใจจะวาย”
เสียงโทรศัพท์มือถือณรงค์ดังขึ้น ณรงค์มองหน้าจอแล้วกดรับ
“ว่าไงไอ้ห้อย”
ชาญนอนเปลยวนผัดแป้งขาวสีหน้ายิ้มแย้มสบายใจ คุยโทรศัพท์กับณรงค์อยู่
“ข้าจัดให้ไอ้ตะวันกับหนูโรสไปเที่ยวตามแผนของเอ็งแล้วนะ รับรองสหวีวี่วีแน่ๆ เพื่อนเอ๋ย แล้วไม่ต้องห่วงนะ ไอ้ตะวันมันปกป้องดูแลหนูโรสดีแน่ๆ”
ณรงค์สีหน้าผ่อนคลายขึ้น
“ดีๆ ได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เผื่อความสัมพันธ์มันจะดีขึ้น ข้าล่ะไม่อยากให้โรสจี๊ดดดดดดดดดดส์ แต่อยากให้หวานเจี๊ยบบบบบบบบ บ้างว่ะ”
ชาญกระดิกขา ยิ้มมีความสุข “เจี๊ยบแน่ เจี๊ยบแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ที่งานวัด โรสรินเดินเหวี่ยง
“บ้าจริงๆ เลยอุตส่าห์ตามมาเพราะจะมาเรียนเพาะกล้วยไม้ แต่ดันไม่ได้อะไรซะงั้น โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งจี๊ดส์!!! “
โรสรินยืนหยุดสงบสติอารมณ์อยู่แถวๆ ซุ้มยิงปืนอัดลม เดชา ล่ำและแหลม แอบมองอยู่ เดชายิ้มร้ายๆ แล้วเดินเข้าไปหาโรสริน
“สวัสดีครับคุณโรส…”
โรสรินตกใจ “เดชา…”
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ ดูท่าทางคุณเครียดๆ ให้ผมพาคุณเดินเล่นมั้ยครับ…”
“ไม่ ฉันจะกลับแล้ว”
โรสรินเดินหนี แต่ล่ำและแหลม เดินมายืนขวางหน้าไว้ โรสรินจะเดินหนีไปอีกทางทว่าเดชา คว้าข้อมือโรสรินหมับ! โรสรินสะบัดสุดแรง
“ปล่อย!!!”
เดชาบีบข้อมือโรสรินแน่น
“จะรีบไปไหนครับ เรื่องที่ผมช่วยคุณไว้ครั้งที่แล้ว คุณยังไม่ตอบแทนผมเลย”
เดชากึ่งยิ้มกึ่งขู่โรสริน โรสรินชักจะผวา จะรอดไปจากที่ตรงนี้ได้อย่างไร!!!
บทประพันธ์ : โสภี พรรณราย
บทโทรทัศน์ : พลพล
บทละครกุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 2 | บทละครกุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 1 |